xs
xsm
sm
md
lg

อเมริกากับการไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี???

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาต “ตามไปดู” การหนียะย่าย พ่ายจะแจของบรรดาทหารอเมริกัน ในประเทศอัฟกานิสถาน ที่ตัวเองเคยบุกเข้าไปไล่ฆ่า ไล่ฟัน ใครต่อใครมาตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว หรือเมื่อช่วงเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 2001 นั่นแหละทั่น!!! แต่ด้วยเหตุเพราะ “สงคราม” มันยืดเยื้อ ปิดฉากไม่ลง ปิดกล่องไม่ลง ทั้งๆ ที่ “ลงทุน” หรือเสียงบประมาณการทำศึกไปแล้วไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เสียชีวิตทหารลูกหลานชาวอเมริกันไม่ต่ำกว่า 2,000 ราย สุดท้าย...จะด้วยความเบื่อหน่าย หรือด้วยเหตุผลกลใด ก็แล้วแต่ เลยต้อง “เผ่น” ออกจากดินแดนแห่งนี้ซะดื้อๆ...

คือต้องออกมาอย่างชนิดหมดรูป หมดสง่าราศีพอสมควร อาจพอๆ กับ “น้องๆ เวียดนาม” เอาเลยก็ว่าได้ โดยใครที่สนใจรายละเอียดตื้น-ลึก-หนา-บาง คงต้องขอเชิญชวนให้ลอง “คลิก” ไปอ่านข้อเขียน บทความ ของ “นายสตีเฟน ไบรเอน” (Stephen Bryen) ชื่อว่า “US Bagram retreat consigns Afghanistan to the dusbin” ที่ “สำนักข่าวผู้จัดการ” ของหมู่เฮาทั้งหลาย แปลและเรียบเรียงมาให้อ่านกันแบบสดๆ ซิงๆ ในชื่อว่า “สหรัฐฯ หนีกันดื้อๆ!!! ออกจากฐานทัพบากรัม คือการส่งอัฟกานิสถานลงสู่ถังขยะ” คือเรียกว่า...ประมาณปิดไฟ-ใส่กลอน จะเข้ามุ้งนอน-ไม่นอน หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ จนทหารอัฟกันที่ทำหน้าที่ดูแลฐานทัพแห่งนี้ ต้องเข้าไปด้อมๆ มองๆ แต่ปรากฏว่า “หายเกลี้ยง” ไปหมดแล้ว!!! อะไรประมาณนั้น...

ดังนั้น...ไม่ว่าผู้นำประเทศมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลก อย่าง “ผู้เฒ่าโจ” ท่านจะออกมาแก้ขวย แก้ตัว เมื่อช่วงวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) ที่ผ่านมา ว่าไม่ใช่การเผ่น การหนี หรือแค่เดินออกมาเฉยๆ ทำนองนั้น แต่มันคงไม่สามารถเปลี่ยนความจริง ข้อเท็จจริง ถึงการ...ไม่เอาแล้ว!!! ไม่ไหวแล้ว!!! ของกองทัพและรัฐบาลอเมริกัน ที่เพียรพยายามเข้าไปสอด ไปเสือก ในประเทศโน้น ประเทศนี้ มาโดยตลอด ว่าสุดท้ายต้องลงท้ายด้วย “ความล้มเหลว” ไม่ต่างไปจากการสอด การเสือก ในประเทศอื่นๆ นั่นเอง อย่างเช่นการไล่ทุบ ไล่ฆ่า บรรดาชาวอิรักในประเทศอิรัก ด้วยข้อกล่าวหาแบบ “ยกเมฆ” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน คือข้อหามี “อาวุธทำลายล้าง” อยู่ภายในครอบครอง อะไรทำนองนั้น จับผู้นำประเทศอย่าง “ซัดดัม ฮุสเซน” แขวนคอซะเฉยเลย แต่สุดท้าย...รัฐบาลอิรักทุกวันนี้ กลับกลายเป็นรัฐบาลที่เชื่อๆ กันว่า “โปรอิหร่าน” ที่เป็นศัตรูคู่กัดกับคุณพ่ออเมริกาและอิสราเอลมาโดยตลอด...

เรียกว่า...ถึงทหารอเมริกันในอิรัก ซีเรีย จะถูกบ้องข้าวหลามยักษ์สาดใส่สักกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถูกเครื่องบินโดรน บินเข้าไปทิ้งระเบิดใส่หัวกบาลคราวแล้ว คราวเล่า แต่รัฐบาลอิรักที่ต้องทำตามมติของรัฐสภา ซึ่งแสดงออกถึงความปรารถนาและต้องการ ไม่อยากให้มี “ทหารต่างชาติ” ของชาติใด-ชาติหนึ่ง อยู่ภายในดินแดนตัวเอง ก็ดูจะไม่ถึงกับตื่นเต้ลล์ล์ล์ ตื่นตัว มากมายสักเท่าไหร่ แถมเมื่อไม่กี่วันมานี้ นายกรัฐมนตรีอิรัก “นายMustafa Al-Kadhimi” ยังออกมาป่าวประกาศแสดงความยกย่อง สรรเสริญ ต่อบรรดากองทหารอาสาสมัครชาวอิรักหรือกองกำลัง “Iraqi Popular Mobilization Forces” (PMF) ที่ถูกกล่าวหาโดยกองทัพอเมริกัน ว่าเป็นผู้ส่งบ้องข้าวหลามยักษ์ ส่งเครื่องบินโดรน ไปถล่มฐานทัพสหรัฐฯ ในแถบนั้น อันเนื่องมาจากต้องการที่จะแก้แค้น-เอาคืน ให้กับผู้นำของกองกำลังตัวเอง คือ “นายAbu Mahdi al-Muhandis” ที่ถูกลอบสังหารไปพร้อมๆ กับนายพลอิหร่าน “พลเอกQasem Soleimani” ในยุค “ทรัมป์บ้า” นั่นเอง เลยทำให้กองทัพอเมริกันหนีไม่พ้นต้องส่งเครื่องทิ้งระเบิดไปบอมบ์บ์บ์ฐานทัพฝ่ายตรงกันข้าม แถบชายแดนซีเรีย-อิรัก เมื่อเร็วๆ นี้ นั่นเอง...

คือสุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่างแทบไม่ได้เป็นไปตามความปรารถนาและต้องการ ที่รัฐบาลและกองทัพสหรัฐฯ มีจุดมุ่งหมาย หรือตั้งเป้าหมายเอาไว้ก่อนหน้านั้น บรรดานักรบ “ตอลิบาน” ที่ “ผู้เฒ่าโจ” ท่านสรุปว่ามีกำลังอยู่เพียงแค่ 75,000 คน น้อยกว่าทหารรัฐบาลอัฟกัน ที่สหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกช่วยฝึก ช่วยสร้างที่มีจำนวนมากถึง 300,000 คน แต่ทันทีที่ทหารอเมริกัน สะบัดทวารออกจากอัฟกานิสถานแบบดื้อๆ ตัวแทนนักรบตอลิบาน ที่กำลังเดินทางไปเยือนประเทศรัสเซีย อย่าง “นายShahabuddin Delawar” ก็ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นมั่น เป็นเหมาะ เมื่อช่วงวันศุกร์ (9 ก.ค.) ที่ผ่านมา ว่าไม่ว่าจะมี “นักรบ” อยู่ในมือเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่ก็ได้ยึดดินแดนอัฟกัน เอาไว้ในมือไปแล้วไม่น้อยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์...

โดยไม่ว่าจะเป็นไปตาม “ราคาคุย-ไม่คุย” หรือไม่ อย่างไร แต่การที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกมายอมรับว่าพวกตอลิบานได้ควบคุมชายแดนด้านติดต่อระหว่างอัฟกานิสถานกับทาจิกิสถานเอาไว้แล้วถึง 2 ใน 3 รวมทั้งข่าวคราวเรื่องทหารอัฟกันหนีทัพ เผ่นไปตั้งหลักอยู่ที่ทาจิกิสถานถึง 1,000 นาย ก็ต้องถือเป็นคำพูด คำให้สัมภาษณ์ ที่ค่อนข้างจะมี “น้ำหนัก” อยู่พอสมควร เช่นเดียวกับข่าวคราวการยึดเมืองสำคัญต่างๆ ที่เป็นจุดผ่านแดนไปยังอิหร่าน เติร์กเมนิสถาน และอุซเบกิสถานไว้ได้แทบเกลี้ยง ฯลฯ พร้อมทั้งสำทับ ยืนยัน เอาไว้ด้วยว่า...จะไม่ยอมให้ดินแดนอัฟกันถูกนำไปใช้เป็น “เครื่องมือ” เล่นงานประเทศหนึ่ง ประเทศใด เหมือนอย่างที่คุณพ่ออเมริกาเพียรพยายามที่จะทำเช่นนั้น อันถือได้ว่า...เป็นความพยายามพลิกหน้ามือเป็นหลังตีน หรือหลังตีนเป็นหน้ามือ ก็แล้วแต่จะว่ากันไป...

แต่ก็นั่นแหล่ะ...สิ่งเหล่านี้ย่อมเปลี่ยนไป “เข้าทาง” คุณพี่จีน ที่พร้อมจะคบหากับทั้งฝ่ายตอลิบาน และฝ่ายรัฐบาลที่เคยมีกองทัพอเมริกันให้การสนับสนุน แบบเดียวกับพร้อมที่จะคบหาทั้งฝ่าย “นางอองซาน ซูจี” และฝ่าย “พลเอกมิน อ่อง หล่าย” ในประเทศพม่าไปพร้อมๆ กันนั่นเอง โดยที่หากว่าแต่ละฝ่ายจะหันมาใส่กันเอง เล่นงานกันเอง ย่อมถือเป็น “เรื่อง...ของมึง” ที่คุณพี่จีนเขาไม่คิดที่จะละเมิด “หลักการ”ดังกล่าว โดยถือเป็นหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญเอามากๆ และด้วยท่าทีเช่นนี้นี่เอง น่าจะส่งผลให้ดินแดนอัฟกานิสถานในระยะต่อไป ไม่ว่าในเงื้อมมือของตอลิบาน หรือของรัฐบาลอัฟกันปัจจุบันก็แล้วแต่ ไม่น่าจะ “มีปัญหา” ใดๆ กับประเทศจีนโดยเด็ดขาด ส่วนรัสเซียที่มีบรรดาประเทศเอเชียกลางเป็นเสมือน “สวนหลังบ้าน” ของตัวเองมาโดยตลอด แต่การที่พวกตอลิบานให้สัญญาว่าไม่คิดหนุนหลังพวกกบฏอิสลามในทาจิกิสถาน หรือนักรบอิสลามหัวรุนแรงในเชเชน ฯลฯ อะไรประมาณนั้น ทุกสิ่งทุกอย่าง...ก็น่าจะพอ “อยู่ๆ กันไปได้” เช่นเดียวกับอิหร่านที่คงไม่ต่างอะไรไปจากจีน คือสามารถคบหาสมาคมได้ด้วยกันทุกฝ่าย แม้ว่าพื้นที่ชายแดนฝั่งตรงข้ามจะถูกพวกตอลิบานยึดไปเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยมูลค่าการค้า-ขายชายแดน ตามเส้นทาง “Dogharam-Islam Qala” ที่เมื่อปีที่แล้วพุ่งขึ้นไปถึง 2 พันล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย ย่อมทำให้โอกาสที่จะ “อยู่ร่วมกันโดยสันติ” ในแต่ละฝ่าย ย่อมเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

เพราะฉะนั้น...งานนี้ ผู้ที่ต้องถือเป็น “ผู้พ่ายแพ้” แบบชนิดตัวจริง-เสียงจริง ย่อมหนีไม่พ้นไปจากคุณพ่ออเมริกาและบรรดาพันธมิตรตะวันตกทั้งหลาย อย่างพวก “นาโต” นั่นเอง ที่เผ่นไปจากดินแดนอัฟกันก่อนหน้าทหารอเมริกันไปนานแล้ว ถ้าว่ากันตามคำแถลงของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ “นายบอริส จอห์นสัน” เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (8 ก.ค.) ที่ผ่านมา หรือพูดง่ายๆ ว่า...บรรดา “จุดมุ่งหมาย” หรือ “เป้าหมายทางยุทธศาสตร์” ที่เป็นตัวจุดประกายให้เกิดการไล่ล่า การทำสงครามในดินแดนแห่งนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าจุดมุ่งหมายในการสร้างแรงกดดันให้กับประเทศมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย ถึงปากประตูหน้าบ้าน หรือจุดมุ่งหมายที่คิดจะทำลายการผูกขาด เส้นทางการขนส่งน้ำมันและแก๊สของรัสเซีย ในภูมิภาคดังกล่าว ที่สะท้อนให้เห็นจากความพยายามริเริ่มโครงการใหม่ๆ เช่นโครงการ “บากู-ทบิลีซี-เซย์ฮัน” เป็นต้น ไปจนถึงการที่ไม่สามารถเข้าครอบครองแหล่งแร่หายาก หรือ “Rare Earth” ในดินแดนอัฟกัน ที่ถือเป็นอันดับ 2 ของโลก อันจะช่วยให้เกิดการลดอำนาจผูกขาดของจีน ต่อการพัฒนาเทคโนโลยียุคใหม่ ฯลฯ ฯลฯ ต่างก็ล้วนแล้วแต่ “แห้วกระป๋อง” ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ก็คือการสะท้อนให้เห็นถึง “ความเสื่อม” ของประเทศที่ได้ชื่อว่า “เครื่องจักรกลแห่งการสังหาร” ประเทศที่พยายามกระทำตนเป็นผู้กำหนด“สงครามและสันติภาพ” (Pax Americana) ให้กับทุกๆ อาณาบริเวณบนโลกใบนี้หรือประเทศที่ต้องการให้โลกทั้งโลก อยู่ภายใต้การควบคุมและบงการโดย “มหาอำนาจขั้วเดียว” มาโดยตลอดนั่นเอง ว่าเมื่อมาถึงจุดนี้ และ ณ ขณะนี้...น่าจะไม่ไหวแล้ว!!! ไม่เอาแล้ว!!! อย่างเห็นได้โดยชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที...


กำลังโหลดความคิดเห็น