ทหารอเมริกันชุดสุดท้ายแอบบินหนีจากฐานทัพอากาศบากรัมของอัฟกานิสถานยามดึก โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าหรือมีพิธีรับถ่ายโอนอำนาจในการดูแลฐานทัพ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการล่าถอยอย่างสิ้นท่าหลังจากการรบ 20 ปีโดยไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้
นายทหารอัฟกานิสถานเข้าไปพบว่าฐานทัพอากาศร้างว่างเปล่าหลังจากทหารอเมริกันบินออกไปในช่วงตีสามและทิ้งยานพาหนะต่างๆ รวมทั้งยานรบหุ้มเกราะหลายร้อยคันโดยที่ไม่มีกุญแจเสียบคาไว้ด้วย
ผู้บัญชาการฐานทัพคนใหม่ นายพลมีร์ อาซาอัลเลาะห์ โคฮิสตานี บอกผู้สื่อข่าวว่าทหารอเมริกันไม่ได้แจ้งล่วงหน้าให้ทราบว่าจะถอนตัวในยามดึก แต่แอบออกไปอย่างเงียบๆ
หลังจากทหารอเมริกันถอนตัวออกไปไม่ถึงชั่วโมงไฟฟ้าทั่วฐานทัพก็ดับลง และมีคนแอบลอบเข้าไปขโมยทรัพย์สิน ทั้งอุปกรณ์ต่างๆ
ฐานทัพอากาศบากรัมยังมีนักโทษซึ่งเป็นกลุ่มกองกำลังของตอลิบาน ถูกขังไว้ประมาณ 5,000 คนซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้ควบคุมของรัฐบาลอัฟกานิสถานต่อไป
นายพลโคฮิสตานี ประเมินว่าฐานทัพอากาศจะถูกโจมตีโดยกองกำลังของตอลิบานซึ่งดูแล้วอาจจะไม่สามารถรักษาไว้ได้นานเพราะไม่ได้มีอาวุธหนักมากเท่าที่ต้องการ
นายพลโคฮิสตานีมีกองกำลังประมาณ 3,000 นาย ซึ่งเทียบกองกำลังทหารอเมริกันมากกว่า 1 แสนนายพร้อมอาวุธสนับสนุนสารพัด แต่ยังไม่สามารถเอาชนะศึกได้อย่างเด็ดขาดเพราะกองกำลังตอลิบานใช้วิธีรบแบบกองโจร
จากการตรวจสอบยานพาหนะและยานรบต่างๆ แม้จะอยู่ในสภาพดีก็ตามแต่ก็ยังขาดอาวุธหนัก เพราะสิ่งที่ทหารอเมริกันทิ้งไว้ก็เป็นเพียงอาวุธปืนขนาดเล็กพร้อมกระสุนและบางส่วนก็ถูกทำลาย รวมทั้งอุปกรณ์สำคัญต่างๆ ซึ่งจำเป็นในการช่วยรบ
นายพลโคฮิสตานี บอกผู้สื่อข่าวที่ฐานทัพว่าถ้าจะประเมินกำลังระหว่างทหารอัฟกานิสถานและทหารสหรัฐฯ ในการต่อสู้กับกองกำลังตอลิบานแล้ว ก็จะเห็นความแตกต่างด้านขีดความสามารถอย่างเทียบกันไม่ได้ เพราะทหารอเมริกันได้รับการสนับสนุนจากปืนใหญ่และเครื่องบินรบ
“แต่พวกเราก็จะพยายามอย่างเต็มความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่เรามีอยู่ เพื่อรักษาสถานภาพความมั่นคงและการรับใช้ประชาชน” นายพลโคฮิสตานีกล่าว
เป็นการออกจากประเทศอัฟกานิสถานของทหารสหรัฐฯ แบบไม่มีพิธีรีตองอะไรทั้งสิ้น และก่อนเวลากำหนดซึ่งเป็นวันที่ 11 กันยายนภายใต้ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และผู้นำกองกำลังตอลิบานในเมืองโดฮาในปี 2020 โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และตัวแทนของกลุ่มตอลิบาน
ฐานทัพอากาศบากรัมถือเป็นฐานที่มั่นสำคัญของทหารสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานด้วยรบกับกองกำลังตอลิบานยาวนานถึง 20 ปีร่วมกับกองกำลังพันธมิตรจากนาโต ซึ่งได้ถอนทหารออกไปก่อนหน้านี้แล้ว
ฐานทัพอากาศแห่งนี้ถูกสร้างโดยความร่วมมือของรัสเซียในยุคปี 1950 และต่อมาก็ถูกพัฒนาในช่วงที่รัสเซียเข้ามายึดครองเป็นระยะเวลา 10 ปี แต่ไม่สามารถเอาชนะสงครามได้ แม้จะได้ทุ่มกำลังอย่างมหาศาล
กองทัพสหรัฐฯ ได้ขยายฐานทัพให้กลายเป็นเมืองขนาดย่อมมีพร้อมทั้งโรงภาพยนตร์ ศูนย์การค้า ร้านสะดวก โรงเรียน รวมทั้งสถานที่ออกกำลังกายและสปาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหารอเมริกันและครอบครัว
เมื่อถอนตัวออกไปหลังจากความพ่ายแพ้ทหารอเมริกันก็เข้ามารบกับกองกำลังตอลิบานเพื่อไล่ล่า อุซามะห์ บิน ลาเดน หลังจากอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกถล่มในปี 2001
กองกำลังของตอลิบานนำโดยมุลเลาะห์ โอมาร์ ถอนตัวออกจากเมืองหลวง และอยู่ในสภาพเกือบล่มเพราะการถูกถล่มและรุกไล่อย่างหนักต้องหลบไปอยู่ตามป่าเขาและสามารถรวมกำลังกันได้อีกครั้ง
มุลเลาะห์ โอมาร์ เสียชีวิตเพราะอาการป่วยหลายปีก่อนในปากีสถาน แต่ข่าวการเสียชีวิตถูกปิดเงียบเป็นเวลาสองปี
การที่ทหารสหรัฐฯ ถอนตัวออกอย่างเร่งรีบคงเป็นเพราะความกังวลว่าจะถูกโจมตีโดยกองกำลังตอลิบาน ซึ่งได้รุกคืบหน้าและยึดพื้นที่ในภาคเหนือและพื้นที่อื่นรวมกันแล้วเป็นหนึ่งในสามของอัฟกานิสถาน และเป็นที่คาดหมายว่าฐานทัพอากาศบากรัมจะเป็นเป้าหมายถ้าทหารอเมริกันยังคงอยู่
นี่ถือว่าเป็นความพ่ายแพ้ของสหรัฐฯ ในการรบนอกประเทศอีกครั้งหนึ่ง และเป็นสงครามที่ยืดเยื้อโดยในช่วงที่การรบเข้มข้นที่สุด มีทหารอเมริกันมากถึง 140,000 นายและผู้รับเหมาจำนวนมาก และยอดผู้เสียชีวิตของฐานบริการโดยรวมมี 2,000 นาย
เมื่อไม่มีกองกำลังทหารต่างชาติคุ้มครองเป็นที่แน่ชัดว่าอัฟกานิสถานเสี่ยงที่จะตกอยู่ภายใต้อำนาจของกองกำลังตอลิบานอีกครั้งหนึ่ง และประชาชนจะต้องอยู่ภายใต้กฎของศาสนาอิสลามแบบเข้มงวดมากกว่าประเทศอื่นใดในโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสิทธิของสตรีซึ่งจะต้องคลุมกายด้วยชุดตั้งแต่ศีรษะจดเท้า
เค้าลางของความเสี่ยงที่จะเสียอำนาจให้กองกำลังตอลิบานเริ่มปรากฏ เมื่อทหารอัฟกานิสถานเริ่มหลบหนีจากการปะทะกับพวกตอลิบานและหลบเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน โดยฝ่ายตอลิบานอ้างว่าเป็นการเลี่ยงการรบโดยการเจรจา
เมื่อสหรัฐฯ ถอนตัวออกไป พวกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการถูกล้างแค้นโดยกองกำลังตอลิบานคือบรรดาล่าม พนักงานชาวอัฟกานิสถานที่เคยทำงานให้กองทัพสหรัฐฯ ยังไม่มีความชัดเจนว่าคนกลุ่มนี้จะได้รับการช่วยเหลือให้อพยพไปอยู่สหรัฐฯ