ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาปัญญาและการวิเคราะห์ธุรกิจ
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ขณะนี้ทุกพรรคการเมืองกำลังเร่งเตรียมการหาเสียงเลือกตั้ง มีการลงพื้นที่ไปเจรจากับหัวคะแนนเสียงมีการลงพื้นที่เพื่อหาผู้สมัครในแต่ละพื้นที่ มีการซื้อตัว ส.ส. ในราคา 30 ถึง 40 ล้านบาทต่อคน แล้วก็สนใจเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้กติกาในการเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองของตนเองมากที่สุด ทุกพรรคการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลก็ตามต่างก็สนใจแต่เรื่องการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อเข้าสู่อำนาจรัฐเพราะทุกคนคิดว่าท้ายที่สุดจะมีการยุบสภาในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าอย่างแน่นอน และการเลือกตั้งจะต้องมีขึ้นภายในเร็ววัน
สิ่งที่น่าสลดหดหู่ใจอย่างยิ่งก็คือในขณะนี้กรุงเทพฯและปริมณฑลมีการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรง ในแต่ละวันมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบจะ 4,000คนต่อวันในขณะที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50 คนต่อวันแล้ว
โรงพยาบาลต่างๆ ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เริ่มมีปัญหาเตียงเต็มโดยเฉพาะเตียง ICU ซึ่งมีเครื่องช่วยหายใจอันเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการหนักเนื่องจากปอดอักเสบและไม่สามารถหายใจด้วยตนเองได้
โรงพยาบาลศิริราชเตียงเต็ม โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์เตียงเต็ม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เตียงเต็ม โรงพยาบาลรามาธิบดีเตียงเต็ม โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเตียงเต็ม โรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดินซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนาม ICU แห่งแรกในประเทศไทยก็เตียงเต็มอีกเช่นกัน
แม้กระทั่งโรงพยาบาลเอกชนราคาแพงแสนแพงเต็มจนหมดสิ้นแล้ว
จำนวนผู้ป่วยที่เข้าไปในโรงพยาบาลนั้นวันหนึ่งราวเกือบ 4,000 ในขณะที่มีคนหายป่วยออกจากระบบเพียงแค่ 2,000 แปลว่าต้องมีเตียงเพิ่มอย่างน้อยวันละ 2,000 ซึ่งเป็นไปไม่ได้
ระบบสาธารณสุขของกรุงเทพ ซึ่งปกติก็เข้าถึงยากกว่าเขตสุขภาพอื่นๆ อยู่แล้วกำลังจะก้าวไปสู่การล่มสลาย
สิ่งที่น่าตระหนักและตระหนกยิ่งกว่าก็คือบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขโดยเฉพาะอย่างยิ่งพยาบาลและแพทย์นั้นมีไม่เพียงพอและทำงานหนักมากจนล้าแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว
ต่อให้สามารถขยายปัจจัยทางกายภาพ เช่น จำนวนเตียงนอน หรือซื้อเครื่องช่วยหายใจเพิ่มหรือเครื่องออกซิเจน High Flow เพิ่ม ก็ไม่อาจจะเพียงพอที่จะแก้ปัญหาได้ เพราะปัญหาเรื่องบุคลากรเป็นปัญหาคอขวดที่แก้ไขได้ยากยิ่ง
ประเทศไทยเรากำลังเข้าสู่ภาวะแบบเดียวกันกับที่อิตาลีได้เผชิญมา คือแพทย์และบุคลากรทางสาธารณสุขอาจจะต้องเลือกรักษาผู้ป่วย ไม่สามารถใส่เครื่องช่วยหายใจให้ผู้ป่วยได้ทุกคน หากยังเป็นอย่างนี้อยู่จำนวนผู้เสียชีวิตจาก 50 คนก็อาจจะเพิ่มเป็น 100 คน 200 คน 500 คนต่อวัน ในเร็ววัน เพราะระบบล่มไม่อาจรองรับผู้ป่วยใหม่ได้
ในขณะที่ภาครัฐมีความพยายามจะผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ สวนทางกับตัวเลขสถิติจำนวนผู้ป่วยอย่างไม่น่าเชื่อ
ฟังประชาชนบ้างเถอะครับว่าประชาชนในขณะนี้เขากลัวอะไรทุกคนต่างก็รักชีวิตหมด จะยากดีมีจนก็ต่างรักชีวิตกันเช่นกันทั้งนั้น
ประชาชนต่างมีความกังวลว่าเมื่อไหร่ตนจะได้รับวัคซีนเสียที ขณะนี้ประชาชนมากมายพร้อมที่จะฉีดวัคซีนไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตาม แต่การรอคอยโดยไม่ทราบว่าตนเองนั้นจะได้ฉีดวัคซีนเมื่อไหร่เป็นการรอคอยที่ทำให้ประชาชนทุกทรมานมาก เพราะกลัวและเกรงว่าตนเองจะติดโรค covid-19 เสียก่อนที่วัคซีนจะมาถึงช้าจนเกินไป
การสื่อสารระหว่างประชาชนกับรัฐบาลนั้นต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังรอบคอบ นี่คือการสื่อสารในภาวะวิกฤตซึ่งพิสูจน์ฝีมือของคนที่ทำงานด้านการสื่อสารว่าเป็นของแท้หรือเป็นแค่ของหลอกลวง
หยุดเรื่องการเมืองสักนิดได้ไหมครับ ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลมาร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหาวิกฤติของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลให้สำเร็จให้จงได้ก่อนเสียเถิด เพื่อให้ทุกคนอยู่รอดและให้ประเทศชาติอยู่รอด
ส่วนเรื่องทรัพย์สินนั้นหรือฐานะทางเศรษฐกิจนั้นหากไม่ตายก็ยังหากันใหม่ได้ แต่ถ้าตายไปแล้วก็แล้วกันไปจบง่ายดี
ในสถานการณ์เช่นนี้สิ่งที่ควรทำมีดังนี้
ประการแรก ประกาศใช้กฎอัยการศึกและให้ทหารออกมาควบคุมสถานการณ์ภายในกรุงเทพฯและปริมณฑลเช่นเดียวกับการทำรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมการเคลื่อนย้ายหรือการเข้าออกกรุงเทพฯทั้งทางเรือทางบกและทางอากาศ ตลอดจนทุกเส้นทางต้องควบคุมอย่างเข้มงวดและต้องมีใบอนุญาตในการเดินทางเข้าออกกรุงเทพฯ ตามเหตุแห่งความจำเป็น และต้องไม่ประกาศล่วงหน้าว่าจะทำเช่นนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนแตกตื่นรีบหนีออกจากกรุงเทพฯ
หากไม่ทำเช่นนี้การประกาศล็อกดาวน์จะมีปัญหาเพราะประชาชนที่ไม่ได้ทำงานก็จะวิ่งกลับต่างจังหวัดทันที และจะนำโรคระบาดจากกรุงเทพฯไประบาดทั่วประเทศไทยดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่เราตัดสินใจไม่ล็อคดาวน์ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาไม่นาน
ประการที่สอง ให้ทหารเข้าควบคุมสถานการณ์และการเข้าออกคลัสเตอร์สำคัญ เช่น ตลาด ตลอดจนแคมป์คนงานก่อสร้างทั่วกรุงเทพฯ โดยไม่ต้องมีการประกาศก่อน แต่ให้ปฏิบัติการแบบฉับพลันทันที เพื่อไม่ให้เกิดการแตกกระจายออกไปนอกวงหรือบริเวณ และต้องมีทหารเฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมงอย่างเคร่งครัด
ประการที่สาม ประกาศให้ประชาชนทราบว่าแม้กระทั่งภายในครอบครัวของตนเองหรือภายในบ้านที่อยู่อาศัยร่วมกันหรือแม้แต่บ้านเช่าที่อาศัยอยู่ร่วมกันนั้นจำเป็นต้องมีการเว้นระยะทางสังคม Social distancing อย่างเคร่งครัด
เนื่องจากในปัจจุบันนี้การระบาดแพร่หลายอย่างรวดเร็วทั่วถึงไปหมด และมีผู้ติดเชื้อ covid-19 จำนวนมากที่ไม่แสดงอาการใดๆเลยทั้งสิ้นซึ่ง เรียกว่า asymptomatic patient ดังนั้นการทำ Social distancing ในครอบครัวก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งแล้ว ณ เวลานี้ เนื่องจากไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
รัฐต้องอธิบายและสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่าเพื่อให้ทุกคนปลอดภัยจำเป็นต้องปฏิบัติในเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด
ประการที่สี่ ในกรณีซึ่งประชาชนพักอยู่อาศัยในอาคารสถานที่บ้านเรือนซึ่งไม่อาจเว้นระยะห่างทางสังคมได้ เช่น บ้านเช่าซึ่งอยู่ร่วมกันอย่างแออัด หรือบ้านขนาดเล็กของคนยากจนซึ่งอยู่รวมกันหลายคน หายใจรดกันหรือในสลัมชุมชนแออัดซึ่งไก่บินไม่ตกหลังคา ภาครัฐจำเป็นต้องให้ความร่วมมือช่วยเหลือในการจัดหาที่อยู่อาศัยที่ทำให้ประชาชนเหล่านี้สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้ อาจจะใช้โรงเรียนที่ปิดเรียนอยู่เป็นที่พักสำหรับประชาชนที่ไม่สามารถเว้นระยะทางสังคมในบ้านของตัวเองได้
ประการที่ห้า รัฐต้องรีบนำเข้า rapid test สำหรับตรวจ covid-19 โดยเร็วที่สุด เพื่อใช้คัดกรองและแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ไม่ติดเชื้อได้อย่างมั่นใจ และทำให้การล็อกดาวน์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะหากจะรอวิธีการตรวจดั้งเดิม RT-PCR จะไม่ทันต่อสถานการณ์และไม่มีนักเทคนิคการแพทย์เพียงพอที่จะทำหน้าที่ในการตรวจเชื้อ covid-19 แต่อย่างใด
โปรดอย่าลืมว่าคนติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการนั้นอาจจะมีมากถึง 4 เท่าของคนที่เราพบตัวเลขติดเชื้ออยู่แล้วณ วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมประมาณ 190,000 คน ดังนั้นอาจจะมีผู้ที่ติดเชื้อและไม่แสดงอาการอีกประมาณเกือบ 800,000 คน รวมแล้วประเทศไทยน่าจะมีคนที่ติดเชื้อแล้วรวมทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านคน ณ เวลานี้
หากไม่มีการตรวจด้วย Rapid Test ก็ไม่มีทางที่จะทำให้การเว้นระยะห่างทางสังคมหรือการล็อกดาวน์ได้ผลแต่อย่างใด ไม่มีทางได้ผลเลย เพราะไม่ได้แยกปลาออกจากน้ำ ก็ติดลามกันไปทั่วอีกในช่วงล็อกดาวน์
ประการที่หก ประกาศล็อกดาวน์อย่างเคร่งครัด โดยให้ประชาชนออกจากเคหะสถานได้สัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อไปซื้ออาหารมาสะสม หรือหากเจ็บป่วยหรือมีความจำเป็นก็ให้ขออนุญาตออกนอกเคหสถานได้
ประการที่เจ็ด การประกาศเคอร์ฟิวเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อลดเวลาในการแพร่เชื้อลง จะช่วยหยุดการระบาดได้ในอีกระดับหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกไปสังสรรค์หรือการดื่มสุรายามค่ำคืน
ประการที่แปด ต้องควบคุมไม่ให้มีบ่อนการพนันสถานเริงรมย์ การค้าประเวณี และปัจจัยความเสี่ยงอบายมุขอื่นๆซึ่งมักเกิดจากการรับส่วยอันรวมไปถึงการควบคุมคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัดอย่าให้หลุดรอดเข้ามาได้ นอกจากนี้รัฐบาลต้องดำเนินการเอาผิดกับคนที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ในครั้งก่อน ๆ อย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความไม่พอใจ โกรธแค้นของประชาชนลงไปได้ เพราะประชาชนให้ความร่วมมือดีในการป้องกัน การ์ดไม่ตก แต่การทุจริตคอรัปชันของข้าราชการและนักการเมืองทำให้ความพยายามของประชาชนสูญเปล่าและต้องมาเสี่ยงตาย
ประการที่เก้า สำหรับประชาชนที่มีฐานะลำบากและไม่มีเงินเก็บ ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยเกื้อหนุนในการจัดกิจกรรมตอาสาบริการส่งอาหารถึงหน้าบ้าน 3 มื้อต่อวัน เพื่อให้ประชาชนที่ไม่มีเงินเก็บได้มีอาหารบริโภคในทุกๆวันที่มีการล็อคดาวน์โดยที่ไม่เดือดร้อน แม้ว่าจะมีฐานะทางสังคมเศรษฐกิจไม่ดีก็ตาม
สำหรับประเทศไทยนั้นไม่ได้อดอยากขาดแคลนเรื่องอาหารแต่อย่างใดเลย และคนไทยก็มีจิตใจบุญที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่นในยามยากอยู่แล้ว เรื่องนี้หากมีการจัดตั้งให้เป็นระบบให้ดี สามารถทำได้อย่างแน่นอนและจะไม่มีใครอดตายเพราะการล็อกดาวน์และทุกคนจะมีอาหารบริโภคในภาวะที่ยากลำบากเช่นนี้อย่างแน่นอน
ประการที่สิบ รัฐบาลต้องแก้ปัญหาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในเขตกรุงเทพฯ ไม่เพียงพอซึ่งเป็นปัญหาวิกฤตยิ่งกว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือกระทั่งเตียงโรงพยาบาล
อาจจะประกาศขอความร่วมมือจากบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เกษียณอายุราชการแล้วให้มาช่วยงานโดยมีค่าตอบแทน
ในขณะเดียวกันนักศึกษาแพทย์ปี 5 หรือปี 6 มีความรู้เพียงพอแล้วที่จะปฏิบัติหน้าที่ในสนามจริงและนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 4 ก็น่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้แล้วเช่นเดียวกันและให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา
นอกจากนี้อาจจะต้องหมุนเวียนบุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลในต่างจังหวัดซึ่งไม่มีการระบาดหรือมีการระบาดของ covid-19 น้อยและยังไม่เกิดวิกฤตเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในเขตกรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราว เพื่อบรรเทาภาระของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในกรุงเทพฯซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าที่อย่างหนักหน่วงอย่างยิ่ง
ประการที่สิบเอ็ด ภาครัฐจำเป็นต้องระดมจัดหาอุปกรณ์ซึ่งใช้ในการช่วยรักษาผู้ป่วย covid-19 ในภาวะวิกฤต เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องตรวจระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้ว เครื่องเครื่องปั๊มออกซิเจน High Flow เป็นต้น ซึ่ง ณ เวลานี้ มีไม่เพียงพอแล้ว
ประการที่สิบสอง ภาครัฐต้องขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชนให้จัดทำโรงพยาบาลสนามผู้ป่วยวิกฤตหนัก เช่นเดียวกับโรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดินซึ่งดำเนินการโดยโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โดยพลตรีนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา
อาจจะนำแบบแปลนและวิธีหรือแผนดำเนินการนี้ไปเผยแพร่ให้กับโรงพยาบาลเอกชนอื่น และขอความร่วมมือหรือแม้กระทั่งโรงพยาบาลในสังกัดของรัฐบาลเองก็นำแผนการเหล่านี้ไปขยายผล และขยายเตียงผู้ป่วยวิกฤตให้ทันท่วงทีต่อสถานการณ์ซึ่งกำลังจะเกิดวิกฤตอย่างหนักหน่วงได้
ประการที่สิบสาม องค์การเภสัชกรรมจำเป็นต้องจัดเตรียมยาต้านไวรัส covid-19 หรือยาอื่น ๆ ที่ต้องใช้เช่น dexamethasone ให้เพียงพอและรองรับการระบาดอย่างหนักหน่วง เหลือดีกว่าขาดในเวลานี้ เพราะหากจะต้องรอการนำเข้าอาจจะเป็นปัญหาได้ไม่ทันท่วงทีที่จะช่วยชีวิตประชาชน อย่าให้มีปัญหายาขาดแคลน
ประการที่สิบสี่ ต้องแก้ปัญหาระบบจัดส่งผู้ป่วยและโลจิสติกส์ ตลอดจนการจองคิวในการเข้าพักรักษาภายในโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วย covid-19 ให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้โดยอาศัยวิธีการทางคณิตศาสตร์และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการบูรณาการฐานข้อมูลจากหลายๆ หน่วยงานเข้าเป็นระบบเดียวกัน ไม่ใช่เป็นระบบที่แตกแยกย่อยเป็นเบี้ยหัวแตก เช่นที่เป็นอยู่ณเวลานี้ ซึ่งทำให้ประชาชนสับสนมากและเกิดความไม่พึงพอใจอย่างรุนแรง
เชื่อผมเถอะครับหากท่านสามารถทำได้ตามนี้และพาประชาชนผ่านพ้นวิกฤตมาหาโรคระบาด covid-19 ระลอกนี้ได้ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล หากทำได้จริงประสบความสำเร็จงดงาม ประชาชนอยู่รอดปลอดภัยไม่เสียชีวิต เพราะมีโรงพยาบาลเพียงพอมีเครื่องช่วยหายใจเพียงพอแล้วนั้น รัฐบาลและพรรครัฐบาลจะได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างท่วมท้นถล่มทลายและชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากการจัดการของรัฐบาลห่วยแตกมาก จนมีประชาชนเสียชีวิตเพราะไม่สามารถเข้าถึงการรักษาเตียงเต็ม เครื่องช่วยหายใจไม่พอ
ได้โปรดอย่าลืมว่าม็อบที่ทรงพลังอำนาจที่สุดคือม็อบที่ต้องการรักษาชีวิตของตน
นั่นคือม็อบ covid-19 ซึ่งจะล้มรัฐบาลลงครืนได้อย่างแน่นอนโดยไม่มีข้อต้องสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น