ศูนย์ข่าวขอนแก่น-บรรยากาศประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐชื่นมื่นท่ามกลางมาตรการป้องกันโรคระบาดโควิด-19เข้มงวด โดย พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ มอบหมายรองหัวหน้าพรรค “วิรัตน์”ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมแทน ด้านนายอนุชา นาคาสัย แบะท่าข่าวแว่วถูกโยกไปเป็นประธานวิปรัฐบาลขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคเห็นชอบ
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคจะเป็นใครแล้วแต่ผลโหวตที่ประชุม
วันนี้( 18 มิ.ย.)ที่ฮอลล์ 2 และ 3 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น”หรือ“ไคซ์” พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐประจำปีครั้งที่ 1/2564 โดยมี คณะกรรมการบริหารพรรค, สมาชิกพรรค, ส.ส.พรรค และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เช่น นายวิรัตน์ รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคฯ, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ท่ามกลางมาตรการคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด
โดยการประชุมวันนี้ นอกจากจะมีการรายงานงบดุลของพรรคแล้ว ยังจะมีการเสนอขอมติที่ประชุมให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค เป็นเลขาธิการพรรค
ซึ่งการประชุมวันนี้ พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มอบหมายให้ นายวิรัตน์ รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม และในที่ประชุมได้มีการนับองค์ประชุมเพื่อให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย คือตัวแทนสาขาพรรคต้องเข้าร่วมเกินครึ่ง กรรมการบริหารพรรคและตัวแทนภาคสาขาพรรคมาร่วมประชุมเกินครึ่ง ก็จะถือว่าครบองค์ประชุมและมีสิทธิ์ที่จะโหวตทุกเรื่องที่มีการเสนอขอมติที่ประชุม
ก่อนการประชุม ทางด้าน ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะรองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า การที่จะมีการเสนอชื่อผู้บุคคลที่จะเป็นเลขานุการพรรคนั้น จะต้องดูว่าสมาชิกพรรคจะเสนอชื่อใครบ้าง ซึ่งตนกับนายอนุชา นาคาสัย เลขานุการพรรค ต่างคนต่างทำงานไม่มีปัญหาอะไรกัน เราเป็นพี่น้องกัน มีอะไรก็จะคุยกันตลอด ช่วงเช้าก่อนประชุมก็ได้ทานข้าวด้วยกัน
อย่างไรก็ตามภายหลังประชุมเสร็จ จะมีการออกมาแถลงข่าวให้สื่อมวลชนรับทราบอีกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคือพรรคการเมือง เป็นสถาบันที่ประชาชนได้เลือกมาเพื่อเป็นฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ประชาชนบ้านเมืองได้ประโยชน์สูงสุด
ขณะที่นายอนุชา นาคาศัย เลขานุการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวก่อนเข้าประชุมเช่นกันว่า พรรคพลังประชารัฐมีคนรุ่นใหม่บุคลากรที่มีความสามารถมากมายที่พร้อมจะเข้ามาร่วมบริหารพรรค ตามสถานการณ์ต่างๆ ตนเชื่อว่าทางหัวหน้าพรรค เข้าใจดีและจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุกคนต่างเคารพหัวหน้าพรรค และจะพาพรรคพลังประชารัฐเดินทางไปข้างหน้าด้วยดี
ส่วนกรณีที่มีกระแสจะย้ายตนไปเป็นประธานวิปฝ่ายรัฐบาลนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าว ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว ท่านว่าอย่างไรทุกอย่างก็จบลงอย่างนั้น.
