ฌาอีร์ โบลโซนารู ผู้นำจอมอหังการของบราซิล ซึ่งมาในสไตล์เดียวกับโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตผู้นำทำเนียบขาว กำลังเผชิญวิกฤตรอบใหม่เมื่อประชาชนหลายแสนคนชุมนุมเดินขบวนขับไล่ ทั้งเรียกร้องให้มีการถอดถอนออกจากตำแหน่งเพราะไม่ได้เรื่อง
ความนิยมของโบลโซนารูอยู่ในสภาวะดิ่งเหว เพราะความบกพร่องในการบริหารงาน โดยเฉพาะการจัดหาวัคซีนเพื่อช่วยเหลือประชาชน การระบาดอย่างหนักพร้อมการขาดแคลนด้านเวชภัณฑ์ ทำให้ระบบสาธารณสุขแทบล่ม
เท่าที่อยู่รอดมาได้ทุกวันนี้ ถือว่าผู้นำจอมห้าวออกแนวคิดแบบเพี้ยนไม่ธรรมดา เพราะทำตัวแหวกแนวในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ที่กำลังสร้างวิกฤตรุนแรงให้บราซิล ประเทศซึ่งมีประชากร 210 ล้านคน ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้
บราซิลประสบปัญหาการระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก มีคนติดเชื้อกว่า 16 ล้านคน เสียชีวิตไปแล้วกว่า 4.6 แสนราย เป็นรองจากสหรัฐฯ และอินเดียเท่านั้น
นับตั้งแต่การระบาด มีประชาชนเพียง 19 ล้านคน หรือ 9.4 เปอร์เซ็นต์ได้รับการฉีดวัคซีน ยอดคนตายบางวันสูงถึง 79,670 ราย และแนวโน้มยังส่อแววว่าจะมีการระบาดระลอกที่ 3 เพราะมาตรการต่างๆ ที่ผู้นำมาใช้ถือว่าล้มเหลว
ทัศนคติของโบลโซนารูจัดอยู่ในขั้น “ขวางโลก” ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย และไม่ใส่ใจในการออกกฎให้ประชาชนทิ้งระยะห่าง ตัวเองเคยติดเชื้อโรคร้ายนี้ด้วย เพียงแต่รอดมาได้ ก็ยิ่งทำให้ลำพองหนัก ไม่กำหนดมาตรการคุมเข้ม
ก่อนหน้าการติดเชื้อ ผู้นำเพี้ยนดูถูกภัยของเชื้อร้ายนี้ว่าเป็น “ไข้หวัดน้อย”
การเดินขบวนขับไล่โบลโซนารูเกิดขึ้นในหลายเมืองใหญ่ ทั้งเซาเปาโล ริโอเดอจาเนโร และบราซิเลีย มีคนเข้าร่วมหลายแสนคน และไม่มีมาตรการทิ้งระยะห่าง ทำให้เกิดความหวั่นเกรงว่าการเดินขบวนจะนำไปสู่การระบาดหนักกว่าที่เป็นอยู่
คนร่วมประท้วงเดินขบวนรับรู้ว่ามีความเสี่ยงติดเชื้อ แต่บอกว่าไม่มีทางเลือก
มีเสียงตะโกนขับไล่โบลโซนารู และเรียกร้องให้มีกระบวนการถอดถอนให้ออกจากตำแหน่ง ถ้าปล่อยให้อยู่ต่อไปจะทำให้เกิดวิกฤตที่ควบคุมไม่ได้ ผู้ประท้วงประณามผู้นำว่าเป็นตัว “อันตรายยิ่งกว่าเชื้อไวรัสโควิด-19” เสียอีก
นี่เป็นการเดินขบวนขับไล่ผู้นำครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายเดือน มีป้ายกล่าวหาว่าการไม่คุมเข้มหรือมาตรการล็อกดาวน์ทำให้สถานการณ์เลวร้าย คนติดเชื้อและเสียชีวิตมากมายเหมือนเป็นการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” นั่นเลย
ในเมืองบราซิเลีย มีคนถือหุ่นขนาดใหญ่ของโบลโซนารูเดินไปตามถนน เรียกร้องให้มีมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับผู้ได้รับผลกระทบ ให้ปกป้องสวัสดิการของชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ และปกป้องพื้นที่ป่าอเมซอนที่ถูกทำลายหนัก
วุฒิสภาอยู่ในขั้นตอนไต่สวนว่าโบลโซนารูกระทำความผิดตามคำกล่าวหาของประชาชนถึงขั้นที่ควรถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งหรือไม่ มีข้อกล่าวหาผู้นำรัฐบาลไม่ใส่ใจกับมาตรการคุมเข้ม ทำให้ประชาชนอยู่ในความหวาดผวา
วัคซีนที่มีอยู่ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้อยู่อาศัยในชุมชนแออัดขนาดใหญ่ในเมืองหลักต่างๆ ของประเทศ
นอกจากประชาชนในการประท้วง ยังมีกลุ่มนักการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่มสหภาพแรงงาน และกลุ่มเคลื่อนไหวภาคประชาสังคม เข้าร่วมด้วยเต็มที่
การเดินขบวนอยู่ในความเรียบร้อย เว้นแต่บางเมืองรอบนอกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระสุนยาง และแก๊สน้ำตาขับไล่ผู้ชุมนุม แต่ไม่มีการปะทะรุนแรง แต่ก็เป็นเหตุให้มีการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ และถูกปลดออกจากตำแหน่ง
มีประชาชนหนึ่งรายถูกยิงด้วยกระสุนยางเข้าเบ้าตาในเมืองเปอร์นัมบูโก โดยตำรวจประจำเมือง ซึ่งไม่ได้รับคำสั่งจากรัฐบาลกลาง
การที่ประชาชนตัดสินใจเดินขบวนเป็นเพราะความไม่พอใจที่โบลโซนารูจัดให้มีการขบวนแห่มอเตอร์ไซค์แรลลี่ในเมืองริโอเดอจาเนโรสัปดาห์ก่อน และยังมีท่าทีแข็งกร้าว ไม่ยอมประกาศมาตรการคุมเข้ม ผู้นำสนับสนุนรัฐบาลก็ออกมาแสดงพลัง
กลุ่มหนุนโบลโซนารู ไม่พอใจและยังเรียกร้องให้มีการปลดผู้พิพากษาศาลสูงซึ่งได้ให้อำนาจผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีในเขตต่างๆ ออกมาตรการคุมเข้มเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นการขวางทางของผู้นำประเทศ
กลุ่มแนวคิดการเมืองขวาจัดก็ต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ อ้างว่าจะเป็นการทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศ และยังต่อว่าประชาชนว่าเลิกโวยวายโอดครวญกับปัญหาโควิด-19 เพราะไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
เดือนสิงหาคมปีก่อน สถาบันบูตันตันที่มีชื่อเสียงของบราซิลเสนอจะจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดสให้รัฐบาลในเดือนธันวาคม เพราะได้รับใบอนุญาตผลิตวัคซีนซิโนแวคของจีน แต่โบลโซนารูประกาศว่าจะไม่ยอมให้มีการใช้วัคซีนของจีนเด็ดขาด
ดร.ดิมาส โควาส ผู้บริหารของสถาบันบอกผู้สื่อข่าวว่า ถ้าผู้นำประเทศยินยอมในช่วงนั้นบราซิลจะอยู่ในกลุ่มประเทศแรกๆ ในโลกที่มีการใช้วัคซีนต่อสู้กับโควิด-19 และจัดส่งวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดสในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ผลของการปฏิเสธทำให้บราซิลมีวัคซีนจากแหล่งอื่นเพียง 46 ล้านโดส ซึ่งน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร ผู้บริหารของบริษัทไฟเซอร์ประจำละตินอเมริกาก็เปิดเผยว่าโบลโซนารูไม่ตอบรับข้อเสนอวัคซีน 15 ล้านโดสของบริษัทอีกด้วย
ต้องรอดูว่าผู้นำหัวดื้อของบราซิลจะอยู่รอดจากการขับไล่หรือไม่