xs
xsm
sm
md
lg

กทม.ผุดอีก5คลัสเตอร์ ปิดตลาดบางกะปิ3วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ป่วยโควิดตายเพิ่ม 29 คน ติดเชื้อใหม่ 3,394 ราย คลัสเตอร์เรือนจำอีก 1,498 ราย รวมรักษาอยู่ 1.2 หมื่นรายเศษ กทม.ผุดอีก 5 คลัสเตอร์ เฝ้าระวังทั้งหมด 34 คลัสเตอร์ คุมเข้มแคมป์คนงานใน 50 เขต สำนักงานเขตฯ สั่งปิดตลาดบางกะปิ 3 วัน

วานนี้ (19 พ.ค.) ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3,394 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อรายใหม่ 1,896 ราย และจากเรือนจำ-ที่ต้องขัง 1,498 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 116,949 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 29 คน ยอดเสียชีวิตสะสม 678 คน หายป่วยเพิ่มเติม 4.450 ราย อยู่ในระหว่างการรักษา 88,086 ราย

สำหรับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด 1.กทม. ติดเชื้อเพิ่ม 876 ราย, 2.สมุทรปราการ ติดเชื้อเพิ่ม 153 ราย, 3.นนทบุรี ติดเชื้อเพิ่ม 130 ราย, 4.ปทุมธานี ติดเชื้อเพิ่ม 119 ราย และ 5.เพชรบุรี ติดเชื้อเพิ่ม 76 ราย

ส่วนผู้เสียชีวิต 29 รายนั้น เป็นชาย 19 ราย หญิง 10 ราย ในพื้นที่ กทม.14 ราย, สมุทรปราการ 5 ราย, ปทุมธานี 2 ราย ส่วนที่เหลือคือ ฉะเชิงเทรา, ลำพูน, ชลบุรี, สระบุรี, นครปฐม, กำแพงเพชร, หนองคาย และนนทบุรี จังหวัดละ 1 ราย

พบ 34 คลัสเตอร์ทั่ว กทม.

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ในพื้นที่ กทม.ว่า มีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังทั้ง 34 คลัสเตอร์ ซึ่งมีอยู่ 29 คลัสเตอร์เดิม และวันนี้บวกใหม่อีก 5 คลัสเตอร์ คือ บางคอแหลม แคมป์ก่อสร้าง, จตุจักร โรงงานน้ำแข็ง, ดอนเมือง แคมป์ก่อสร้าง, บางซื่อ โกดังสินค้าให้เช่า และตลาดบางกะปิ โดยวันนี้จะมีการลงตรวจที่ตลาดบางกะปิ หากวิเคราะห์ทั้ง 50 เขตของ กทม. จะพบว่า มีพื้นที่ที่กระจุกตัวเป็นการรายงานการติดเชื้อสูงสุด ซึ่ง ศบค.ชุดเล็ก เรียกว่า เป็นพื้นที่ไข่แดง

“ศบค.มีความเป็นห่วงในส่วนของแคมป์คนงานก่อสร้าง โดยทั้ง 50 เขต พบว่ามีบางเขต มีแคมป์ก่อสร้างมากกว่า 20 แคมป์ ตัวอย่างเช่น บางกะปิ บางเขน ลาดพร้าว ห้วยขวาง อันนี้คือมีเกิน 20 แคมป์ และมีตัวเลขคนงานเกิน 1,000 คน เช่น บางคอแหลม ในเขตเดียวมี 7 แคมป์ แต่ว่าคนงานใน 1 แคมป์ มีสูงสุด 1,374 คน” พญ.อภิสมัย ระบุ

คุมเข้มแคมป์ก่อสร้าง

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก จะมีมาตรการดูแลการติดเชื้อในแคมป์คนงานอย่างไร อันดับแรกในส่วนของแคมป์ที่ไม่ได้มีการติดเชื้อได้มีการสุ่มตรวจ แต่ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อ ก็ได้เฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค ซึ่งทางสถานบันสุขภาวะเขตเมือง มีแผนลงตรวจชุมชนรวมทั้งตลาด ร่วมกับสำนักงานเขตฝ่ายสิ่งแวดล้อม ตรงนี้ต้องจำเป็นเฝ้าระวังป้องกัน เพื่อให้แคมป์เหล่านั้นติดเชื้อ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่แนะนำและขอความร่วมมือจากคนงานและบริษัทให้รักษาสุขอนามัยส่วนตัว เช่น บางแคมป์ที่คนงานดื่มน้ำจากกระติกน้ำเดียวกัน ใช้แก้วน้ำร่วมกัน ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ และที่สำคัญพยายามงดการเคลื่อนย้ายคนงาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแคมป์อื่น และบางแคมป์ตั้งอยู่ในไซต์งาน ดังนั้นระหว่างที่พักและที่ทำงานต้องมีการซีล (Seal) ไม่ให้เดินทางออกนอกพื้นที่ และทำมาตรการบับเบิล (Bubble) กรณีไซต์งานและที่พักอยู่คนละพื้นที่ โดยบริษัทต้องจัดรถรับส่งคนงานให้อยู่ในเส้นทางและไม่อนุญาตให้แวะพัก และถ้าจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายแรงงานจะต้องขออนุญาตไปยังสำนักงานเขต

ปิดตลาดบางกะปิ 3 วัน

วันเดียวกัน สำนักงานเขตบางกะปิ ได้ประกาศปิดตลาดบางกะปิ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 20-22 พ.ค.64 เนื่องจากพบว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 บริเวณตลาดบางกะปิ ช่วงซอยลาดพร้าว 121 ถึงซอยลาดพร้าว 127 และใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

ทั้งนี้ ผู้ฝ่าฝืนอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เร่งรักษาผู้ต้องขัง 12,767 คน

อีกด้าน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำต่างๆ ว่า ล่าสุดมีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 1,117 คน, ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างรักษาอาการ 12,767 คน มีเรือนจำ 2 แห่ง ที่รักษาจนหายหมดแล้ว และไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก คือเรือนจำ จ.นราธิวาส และเรือนจำ อ.แม่สอด จ.ตาก ส่วนที่เหลือ 11 แห่ง ที่พบผู้ติดเชื้อ คือเรือนจำ จ.เชียงใหม่, เรือนจำพิเศษกรุงเทพ, ทัณฑสถานหญิงกลาง, เรือนจำกลางของเปรม, เรือนจำพิเศษธนบุรี, เรือนจำ จ.ฉะเชิงเทรา, ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง, เรือนจำ จ.นนทบุรี, เรือนจำกลางบางขวาง, เรือนจำพิเศษมีนบุรี และเรือนจำ จ.สมุทรปราการ

“ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์ได้ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีการมอบนโยบายไปยังเรือนจำ และทัณฑสถานทั่วประเทศ ให้เรือนจำทุกแห่งจัดตั้ง รพ.สนาม และตั้งศูนย์บัญชาการประจำเรือนจำ หรือ ศปค. เน้นย้ำเรื่องการคัดกรองตรวจโรคในผู้ต้องขังโดยทันที หากพบเชื้อให้เอ็กซเรย์ปอดทุกราย ให้ยาทันที และรักษา ให้หายโดยเร็ว เพื่อป้องกันเชื้อลงปอด และไม่ให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้าง” นายอายุตม์ กล่าว

เล็งพักโทษลดแออัดในคุก

ส่วนมาตรการลดความแออัดในเรือนจำแต่ละแห่งนั้น นายอายุตม์ กล่าวว่า จะเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังใช้สิทธิ์ยื่นคำร้องต่อศาลขอปล่อยตัวชั่วคราว รวมทั้งโครงการพักการลงโทษ โครงการลดวันต้องโทษ จะเสนอผู้บังคับบัญชาให้เป็นโครงการพิเศษเพื่อพิจารณาต่อไป รวมถึงการปรับแก้ขยายหลักเกณฑ์การพิจารณาการพักการลงโทษเพิ่มเติม เช่น มีอายุมาก หรือมีโรคประจำตัว พร้อมกันนี้ จะหางบประมาณมาปรับปรุงเรือนจำ และห้องกักโรคให้มีมาตรฐานต่อไป พร้อมกับขอขอบคุณผู้ที่มีจิตศรัทธาบริจาคสิ่งของต่างๆ มาให้ โดยเฉพาะเครื่องช่วยหายใจแบบไฮโฟล จากเดิมที่ขาดแคลน ตอนนี้ได้รับบริจาคจนมีใช้เพียงพอแล้ว

จัดรพ.สนามรับแรงงาน-ราชทัณฑ์

ขณะที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มีการเตรียมพร้อม รพ.และ รพ.สนาม เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด จากคลัสเตอร์แคมป์คนงานก่อสร้าง โดยเฉพาะในพื้นที่เขตหลักสี่ และวัฒนา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว หากผู้ติดเชื้อมีอาการระดับสีเขียว จะนำส่งรักษาที่ รพ.สนาม จ.สมุทรสาคร กลุ่มสีเหลือง มีศูนย์แรกรับ-ส่งต่อนิมิบุตร และสถาบันบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติ บรมราชชนนีได้รองรับบางส่วนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือให้ส่งต่อไปยัง รพ.บุษราคัม เพื่อช่วยรับบางส่วนด้วย

น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า กรณีผู้ติดเชื้อในเรือนจำ รพ.ราชทัณฑ์ พร้อมให้การดูแลผู้ติดเชื้อทั้งในระดับสีเขียว และสีเหลือง อีกทั้ง ได้มีการสั่งการให้เรือนจำทั่วประเทศ จัดตั้งรพ.สนาม หากเรือนจำใดไม่มีพื้นที่ จะให้ใช้พื้นที่ของทัณฑสถานเปิด หรือสถานกักกัน หรือเรือนจำเก่า ปรับปรุงเป็นรพ.สนาม หากเรือนจำและทัณฑสถานใด ที่มีการแพร่ระบาดของโรค จะต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อผู้ต้องขังทั้งเรือนจำ และทัณฑสถานให้ครบ 100% รวมทั้งเอกซเรย์ปอดผู้ติดเชื้อจนครบทุกราย เพื่อแยกกลุ่มตามลักษณะอาการและเร่งการรักษาอย่างทันท่วงที โดยจะเป็นการทำงานร่วมกับรพ.แม่ข่าย กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ภายใต้การสนับสนุนงบฯหลัก จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)


กำลังโหลดความคิดเห็น