"คลัสเตอร์สุวรรณภูมิ" ล่าสุดติดเชื้อพุ่ง 126 ราย รอผลเสี่ยงสูงอีกเกือบ 200 ราย มั่นใจคุมอยู่ จัดกลุ่มแยกพื้นที่ ทำงาน เร่งระดมฉีดวัคซีน ผู้ปฎิบัติงานทุกส่วนเกือบ 5 หมื่นคน ครบในมิ.ย.นี้ โดยฉีดครบ 2 โดสแล้ว กว่า 4,000 คน
วานนี้ (16พ.ค.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) มีการแถลงข่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 กรณีที่มีคลัสเตอร์การติดเชื้อของผู้ปฏิบัติงานภายในสนามบินสุวรรณภูมิโดยมีพล.อ.ปรีชา เบ็ญจขันธ์ ผบ.ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน เป็นประธานการแถลงข่าว โดยนพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการสธ. เขตที่ 6 เปิดเผยว่า รายงานในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุดวันที่16 พ.ค. มีผู้ติดเชื้อโควิด 126 ราย ผู้มีความเสี่ยงสูงอยู่ระหว่างรอผล 191ราย
ส่วนแผนฉีดวัคซีน จะดำเนินการ 4ส่วน คือ 1. กลุ่มเสี่ยงจากการปฎิบัติหน้าที่พบผู้คน ประมาณ 4,000 คน ซึ่งขณะนี้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ส่วนที่เหลือจะเร่งฉีดตั้งแต่วันที่17 พ.ค. 2. กลุ่มรองที่เจอผู้คนน้อยลง และพนักงาน outsource 3. กลุ่มทำงานสำนักงาน 4. กลุ่มคาร์โก้
นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่า มีผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานภายใน สนามบินสุวรรณภูมิ ติดเชื้อโควิด-19 หลายราย มีพนักงาน และลูกจ้างของฝ่ายขนส่งทางอากาศติดเชื้อ 34 คน ซึ่งได้กำชับให้ดำเนินการตามมาตรการของสธ.อย่างเคร่งครัด ได้แก่
1.ให้ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วย และมีความเสี่ยงสูงได้เข้าทำการตรวจหาเชื้อ ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูง กักตัว 14 วัน 2. ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และทำความสะอาดแบบ Deep cleaning ในบริเวณพื้นที่ที่ผู้ป่วย และผู้มีความเสี่ยงสูงปฏิบัติงาน 3. ตรวจเชิงรุกพนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 4.ให้พนักงานและลูกจ้างฯ สวมใส่หน้ากากอนามัย และถุงมือในขณะปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการรักษาระยะห่าง อย่างเคร่งครัด 5. แบ่งพื้นที่การทำงานของแต่ละส่วนงาน ให้มีพื้นที่ปลอดภัยเป็นพื้นที่ทำงานชั่วคราวแทนได้ และจัดหาพื้นที่กักตัวสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง โดยให้ทำงานจากที่บ้านอย่างน้อย 80%
ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนให้กับพนักงาน และผู้ปฏิบัติงานที่สุวรรณภูมิไปแล้วกว่า 4,371 คน จากที่สำรวจพบว่ามีพนักงานทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องราว 5 หมื่นคน ซึ่งจะเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้ปฏิบัติงานที่ให้บริการภาคพื้น รวมถึงพนักงานในเขตพื้นที่เขตปลอดอากรก่อนเป็นการเร่งด่วน และจะทยอยฉีดให้ผู้ปฏิบัติงานอื่นๆ จนครบทุกคนภายในเดือนมิ.ย.นี้
นิคมอุตฯ59แห่งจุดฉีดวัคซีน
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึง แนวทางบริหารจัดการพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เป็นศูนย์กลางการฉีดวัคซีน ให้กับประชาชน ร่วมกับหน่วยงานรัฐ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้ง คณะกรรมการบริหารจัดการจุดบริการให้ฉีดวัคซีน ให้แก่แรงงานภาคอุตสาหกรรม ประชาชนทั่วไป โดยคณะกรรมการชุดนี้ จะมีการประชุมถึงแนวทางการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในวันนี้ (17 พ.ค.) มีนางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตฯ เป็นประธาน หน้าที่หลักของคณะกรรมการชุดนี้ คือ
1. กำหนดแนวทาง พื้นที่จุดบริการฉีดวัคซีนโควิด แก่แรงงานภาคอุตสาหกรรม และประชาชน 2. ประสานงานและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ให้มีความพร้อม 3. ติดตามและรายงานผลการดำเนินการ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.ได้จัดตั้งคณะทำงาน ลงพื้นที่ สำรวจพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งมีทั้งในส่วนที่ กนอ. บริหารจัดการเอง และในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน รวมทั่วประเทศ 59 นิคมฯ แต่จะต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุมคณะกรรมการฯ อีกครั้ง ว่าความสามารถในการฉีดวัคซีนต่อวัน จะได้ประมาณกี่ราย
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แบ่งผู้ที่รับวัคซีนออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. ผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ในนิคมฯ 2.โรงงานอุตสาหกรรมนอกนิคมฯ ที่แจ้งความประสงค์เข้ามา 3. ประชาชนทั่วไปในพื้นที่ใกล้เคียง
การทำงานของคณะกรรมการฯ ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการฉีดวัคซีนตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการฉีดให้ได้วันละ 5 แสนคน
วานนี้ (16พ.ค.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) มีการแถลงข่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 กรณีที่มีคลัสเตอร์การติดเชื้อของผู้ปฏิบัติงานภายในสนามบินสุวรรณภูมิโดยมีพล.อ.ปรีชา เบ็ญจขันธ์ ผบ.ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน เป็นประธานการแถลงข่าว โดยนพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการสธ. เขตที่ 6 เปิดเผยว่า รายงานในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุดวันที่16 พ.ค. มีผู้ติดเชื้อโควิด 126 ราย ผู้มีความเสี่ยงสูงอยู่ระหว่างรอผล 191ราย
ส่วนแผนฉีดวัคซีน จะดำเนินการ 4ส่วน คือ 1. กลุ่มเสี่ยงจากการปฎิบัติหน้าที่พบผู้คน ประมาณ 4,000 คน ซึ่งขณะนี้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ส่วนที่เหลือจะเร่งฉีดตั้งแต่วันที่17 พ.ค. 2. กลุ่มรองที่เจอผู้คนน้อยลง และพนักงาน outsource 3. กลุ่มทำงานสำนักงาน 4. กลุ่มคาร์โก้
นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่า มีผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานภายใน สนามบินสุวรรณภูมิ ติดเชื้อโควิด-19 หลายราย มีพนักงาน และลูกจ้างของฝ่ายขนส่งทางอากาศติดเชื้อ 34 คน ซึ่งได้กำชับให้ดำเนินการตามมาตรการของสธ.อย่างเคร่งครัด ได้แก่
1.ให้ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วย และมีความเสี่ยงสูงได้เข้าทำการตรวจหาเชื้อ ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูง กักตัว 14 วัน 2. ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และทำความสะอาดแบบ Deep cleaning ในบริเวณพื้นที่ที่ผู้ป่วย และผู้มีความเสี่ยงสูงปฏิบัติงาน 3. ตรวจเชิงรุกพนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 4.ให้พนักงานและลูกจ้างฯ สวมใส่หน้ากากอนามัย และถุงมือในขณะปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการรักษาระยะห่าง อย่างเคร่งครัด 5. แบ่งพื้นที่การทำงานของแต่ละส่วนงาน ให้มีพื้นที่ปลอดภัยเป็นพื้นที่ทำงานชั่วคราวแทนได้ และจัดหาพื้นที่กักตัวสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง โดยให้ทำงานจากที่บ้านอย่างน้อย 80%
ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนให้กับพนักงาน และผู้ปฏิบัติงานที่สุวรรณภูมิไปแล้วกว่า 4,371 คน จากที่สำรวจพบว่ามีพนักงานทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องราว 5 หมื่นคน ซึ่งจะเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้ปฏิบัติงานที่ให้บริการภาคพื้น รวมถึงพนักงานในเขตพื้นที่เขตปลอดอากรก่อนเป็นการเร่งด่วน และจะทยอยฉีดให้ผู้ปฏิบัติงานอื่นๆ จนครบทุกคนภายในเดือนมิ.ย.นี้
นิคมอุตฯ59แห่งจุดฉีดวัคซีน
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึง แนวทางบริหารจัดการพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เป็นศูนย์กลางการฉีดวัคซีน ให้กับประชาชน ร่วมกับหน่วยงานรัฐ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้ง คณะกรรมการบริหารจัดการจุดบริการให้ฉีดวัคซีน ให้แก่แรงงานภาคอุตสาหกรรม ประชาชนทั่วไป โดยคณะกรรมการชุดนี้ จะมีการประชุมถึงแนวทางการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในวันนี้ (17 พ.ค.) มีนางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตฯ เป็นประธาน หน้าที่หลักของคณะกรรมการชุดนี้ คือ
1. กำหนดแนวทาง พื้นที่จุดบริการฉีดวัคซีนโควิด แก่แรงงานภาคอุตสาหกรรม และประชาชน 2. ประสานงานและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ให้มีความพร้อม 3. ติดตามและรายงานผลการดำเนินการ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.ได้จัดตั้งคณะทำงาน ลงพื้นที่ สำรวจพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งมีทั้งในส่วนที่ กนอ. บริหารจัดการเอง และในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน รวมทั่วประเทศ 59 นิคมฯ แต่จะต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุมคณะกรรมการฯ อีกครั้ง ว่าความสามารถในการฉีดวัคซีนต่อวัน จะได้ประมาณกี่ราย
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แบ่งผู้ที่รับวัคซีนออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. ผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ในนิคมฯ 2.โรงงานอุตสาหกรรมนอกนิคมฯ ที่แจ้งความประสงค์เข้ามา 3. ประชาชนทั่วไปในพื้นที่ใกล้เคียง
การทำงานของคณะกรรมการฯ ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการฉีดวัคซีนตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการฉีดให้ได้วันละ 5 แสนคน