สนามบินสุวรรณภูมิปรับเคาน์เตอร์เช็กอิน อาคารผู้โดยสาร เป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่พนักงาน ทอท. และผู้ปฏิบัติงาน พนักงานสายการบินทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อความรวดเร็ว เพิ่มความเชื่อมั่นผู้โดยสาร
วันนี้ (26 เม.ย.) นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 6 ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า ทั้งพนักงาน ลูกจ้างของ ทอท. เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ตลอดจนสายการบินซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายกิตติพงศ์กล่าวว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ สนามบินสุวรรณภูมิ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน (ศปม.ทย.) ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนให้รวดเร็วและเป็นไปตามเป้าหมายการกระจายวัคซีนแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ ทสภ. และตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงได้ขยายพื้นที่จุดให้บริการฉีดวัคซีนใหม่เพื่อให้รองรับจำนวนผู้รับวัคซีนให้ได้มากขึ้น โดยใช้พื้นที่เคาน์เตอร์เช็กอิน แถว U และ แถว W ห้องโถงผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ของอาคารผู้โดยสาร รวมทั้งหมด 42 เคาน์เตอร์เพื่อใช้เป็นจุดบริการสำหรับผู้เข้ารับวัคซีน เช่น จุดลงทะเบียน วัดความดันและอุณหภูมิ ลงทะเบียนเข้าระบบ ซักถามประวัติความเสี่ยง บันทึกข้อมูลการให้บริการ ลงข้อมูลเข้าระบบติดตามวัคซีน รับบัตรนัด เป็นต้น
ทั้งนี้ จุดให้บริการฉีดวัคซีนจะมีพนักงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลบางพลี และโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และตัวแทนจากสายการบินต่างๆ ร่วมให้บริการ
นายกิตติพงศ์กล่าวว่า การดำเนินการเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ และเป็นการรักษามาตรฐานตามที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับการรับรอง Airport Health Accreditation จากสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (Airports Council International : ACI) มาตรการด้านความปลอดภัยสุขอนามัยจากการเข้าร่วมโครงการ Airport Health Accreditation (AHA) Programme ซึ่งได้ให้ความสำคัญต่อมาตรการด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานครอบคลุมทุกด้าน
