xs
xsm
sm
md
lg

ยืนคุก2-3ปี'สหพันธรัฐไท' ผิดฐานยุยงปลุกปั่น-อั้งยี่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุก 2-3 ปี จำเลยคดีแจกใบปลิว-สติกเกอร์-เสื้อ กลุ่มสหพันธรัฐไท ฐานอั้งยี่ ส่วนอีกสำนวนยืนยกฟ้องใส่เสื้อสหพันธรัฐไทเดินห้าง พยานโจทก์ไม่ชัดเจน

วานนี้ (27 เม.ย.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีสหพันธรัฐไทย 2 คดี โดยคดีแรก พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้อง นายกฤษณะ อาษาสู้, นายเทอดศักดิ์ เถียรพุดซา, นางประพันธ์ พิพัธนัมพร, น.ส.วรรณภา คำพิพจน์ และ น.ส.จินดา อัจฉริยะศิลป์ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ และอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 209 กรณีจำเลยแจกใบปลิว สติกเกอร์ และเสื้อซึ่งมีสัญลักษณ์กลุ่มสหพันธรัฐไท

วันที่ 8 มิ.ย. - 12 ก.ย. 2561 จำเลยทั้งห้ากับนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ, นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์, นายสยาม ธีรวุฒิ, นายวัฒน์ วรรลยางกูร และนายกฤษณะ ทัพไทย ซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันเป็นหัวหน้า ผู้จัดการ หรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ ในคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีการ ชื่อกลุ่มสหพันธรัฐไท มีความมุ่งหมายเพื่อต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไปสู่ระบอบการปกครองในระบอบสหพันธรัฐ ที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข

จำเลยทั้งห้ากับพวกดังกล่าว ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ การแจกเอกสารแผ่นปลิว ชักชวนให้สมาชิกกลุ่มและประชาชนทั่วไปต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านรัฐบาลและ คสช. ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

โดยจำเลยที่ 1-4 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 5 หลบหนี ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 5 ออกจากสารบบความ ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 ว่า จำเลยที่ 1-4 กระทำผิดฐานเป็นอั้งยี่ มาตรา 209 จำคุกคนละ 3 ปี โดยจำเลยที่ 2-3 รับสารภาพในชั้นสอบสวน ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 2-3 คนละ 2 ปี ทั้งหมดไม่รอลงอาญา ยกฟ้องฐานยุยงปลุกปั่นฯ มาตรา 116 ภายหลังโจทก์และจำเลยที่ 1-4 ยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว กรณีจำเลยที่ 1-4 มีความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตาม ป.อาญา ม.116 หรือไม่ พยานโจทก์มีหลักฐานบ่งชี้สนับสนุนให้เชื่อว่าจำเลยที่ 1-4 เกี่ยวข้องกับกลุ่มสหพันธรัฐไทจริง แต่เมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมประกอบข้อความในแผ่นใบปลิวและสติกเกอร์ ไม่มีลักษณะเป็นการยุยงปลุกปั่นฯ ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องความผิดฐานนี้มานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุกจำเลยที่ 1, 4 คนละ 3 ปี จำเลยที่ 2-3 คนละ 2 ปี

สำหรับคดีที่สอง พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายเทอดศักดิ์ เถียรพุดซา และนางประพันธ์ พิพัธนัมพร เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ และอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 209 สำนวนนี้โจทก์ฟ้องกรณีเมื่อวันที่ 4-5 ธ.ค. 2561 จำเลยทั้งสองกับพวกนัดหมายสวมใส่เสื้อสีดำ มีสัญลักษณ์ขององค์การสหพันธรัฐไทเดินในบริเวณห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ ในวันที่ 5 ธ.ค. 2561 เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ เหตุเกิดที่แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ต่อมาศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ภายหลังโจทก์ยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว องค์การสหพันธรัฐไทมีนายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ผู้ร่วมก่อตั้งองค์การสหพันธรัฐไท ดำเนินรายการทางสื่อสังคมออนไลน์ยูทูป ชักชวนให้ประชาชนสวมใส่เสื้อสีดำออกมาชุมนุมในห้างสรรพสินค้าหรือในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ในวันที่ 5 ธ.ค. 2561 กระทั่งวันดังกล่าวจำเลยทั้งสองสวมใส่เสื้อสีดำ มีสัญลักษณ์สีขาวแดงปรากฏตัวที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ พบปะพูดคุยกับประชาชนที่สวมใส่เสื้อสีดำในบริเวณนั้น เจ้าพนักงานตำรวจจึงจับกุมจำเลยทั้งสองแจ้งข้อหายุยงปลุกปั่นฯ และอั้งยี่

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมารับฟังได้เพียงว่า ในวันเกิดเหตุ จำเลยทั้งสองสวมใส่เสื้อยืดสีดำมีสัญลักษณ์ขององค์การสหพันธรัฐไท พูดคุยกับผู้สวมใส่เสื้อสีดำด้วยกันในที่เกิดเหตุเท่านั้น โดยโจทก์ไม่มีหลักฐานแจ้งชัดว่า จำเลยทั้งสองเป็นผู้มีส่วนริเริ่มชักชวนประชาชนทั่วไปให้มาชุมนุมกันที่หน้าห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุ หรือจำเลยทั้งสองกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาเช่นไร เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตาม ป.อาญา มาตรา 116 (2)(3) กรณีมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดดังกล่าวตามฟ้องโจทก์หรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยทั้งสอง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน


กำลังโหลดความคิดเห็น