อัยการเตือน ไม่ใส่หน้ากากอนามัย หรือผ้าปิดฉมูกออกนอกบ้านในเขต กทม. ผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ขณะที่หนุ่มสุราษฎร์ฝ่าฝืนกฎหมายไม่สวมหน้ากากอนามัย โดนศาลสั่งปรับ 4,000 บาท สารภาพลดเหลือ 2,000 บาท
วันนี้ (26 เม.ย.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทรยงค์ รองอธิบดีอัยการคดีทุจริต ภาค 9 อดีตรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ความเห็นวันที่ 26 เม.ย. ว่า ขณะนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเซ็นประกาศแล้วว่าคนกรุงเทพฯ ต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้านอย่างถูกต้องหรือถูกวิธี หากฝ่าฝืนปรับสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 51 มีผลตั้งแต่วันจันทร์นี้ เหมือนคำสั่งของจังหวัดต่างๆ ที่ให้สวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เจตนารมณ์ของกฎหมายที่รองรับคำสั่ง คือป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ การสวมหน้ากากอนามัยจึงต้องสวมให้ถูกต้องเพื่อป้องกันโรคระบาด ไม่ใช่เพื่อป้องกันถูกจับปรับไม่เกิน 20,000 บาท หน้ากากจึงมีไว้เพื่อป้องกันตัวท่านเองไม่ให้ติดเชื้อโควิด ไม่ใช่มีไว้เพื่อป้องกันตำรวจจับ
อัยการโกศลวัฒน์กล่าวว่า “คนที่ไม่อยากใส่ คนที่รู้สึกต่อต้าน ขอให้ไปอ่านข่าวกันบ้างว่าผู้ติดเชื้อโควิด นำเชื้อกลับเข้าไปติดคนที่บ้าน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่นำเชื้อไปติดพ่อแม่ที่สูงอายุ ท่านระมัดระวังไม่ออกนอกบ้าน มีวินัยป้องกันตนเองอย่างสูง แต่ลูกหลานเข้ามาหา นำเชื้อมาติดคนสูงอายุในบ้านหลายรายแล้ว เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ คงต้องมานั่งเสียใจแล้วคิดกันแบบเดิมๆ ว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเรา จึงไม่ควรประมาท ร่วมมือกันอย่างมีวินัย อย่างเคร่งครัด เราปลอดภัย ทุกคนที่ใกล้เราปลอดภัยด้วย จึงจะรอดไปด้วยกัน
จึงขอให้ปฏิบัติตามประกาศในทุกจังหวัดโดยเคร่งครัด ออกจากบ้านใส่หน้ากากทันที นั่งรถโดยสารสาธารณะ รถเมล์ รถแท็กซี่ ก็ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลานะครับ จังหวัดไหนที่ยังไม่ประกาศก็ใส่หน้ากากอนามัยได้เช่นกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลแขวงสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลมีคำพิพากษาคดีแดง 220/2564 ที่อัยการสำนักงานแขวงสุราษฎร์เป็นโจทก์ฟ้องชายไทย ขอสงวนชื่อตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยอัยการฟ้องว่า อาศัยอำนาจตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินประกอบ พ.ร.บ.ควบคุมโรคและคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ที่ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาขณะออกจากบ้าน โดยเมื่อวันที่ 21 เม.ย. เวลากลางคืนก่อนเที่ยง (หลัง 00.01 น.) จำเลยไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าขณะออกจากเคหสถานของจำเลยมายังบริเวณหมู่บ้านวนิดา หมู่ 1 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กำหนดไว้ในคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ศาลอธิบายฟ้องและสอบคำให้การแล้วจำเลยให้การรับสารภาพ พิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ลงโทษปรับ 4,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้ดำเนินการกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30