แม้ข่าวคราวเกี่ยวกับประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียง...อย่าง “พม่า” จะยังคงมาแรง แซงโค้ง หรือคงต้อง “จับตาแบบมิอาจกะพริบตา” เอาเลยก็ว่าได้ แต่เพื่อเปลี่ยนๆบรรยากาศไม่ให้ถึงกับต้องหมกมุ่น มั่ว และมึนซ์ซ์ซ์จนเกินไป วันนี้...เลยคงต้องขออนุญาตร่อนไปแถวๆ “ตะวันออกกลาง” กันอีกสักรอบ เพราะอย่างน้อย...ช่วงระยะเดือนมีนาคมปีนี้ หรือปี ค.ศ. 2021 ย่อมต้องถือเป็นช่วง “ครบรอบ 10 ปี” หรือครบหนึ่งทศวรรษของ “สงครามกลางเมือง” ในซีเรีย ที่อุบัติขึ้นมาจากการประท้วงและการ “แทรกแซงกิจการภายใน” ของคุณพ่ออเมริกาและประเทศตะวันตก เมื่อปี ค.ศ. 2011 โน่นเลย...
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละทั่น!!!...แม้ความฉิบหาย-วายวอด จะดำเนินต่อเนื่องอย่างยืดเยื้อยาวนานครบหนึ่งทศวรรษเข้าไปแล้ว ประชาชนผู้บริสุทธิ์จะตายโหง ตายห่า ไปไม่รู้กี่หมื่น-กี่แสน บ้านแตกสาแหรกขาดอีกไม่รู้กี่ต่อกี่ล้าน โดยที่คุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกที่เป็นผู้จุดประกายสงคราม หรือจุดไฟนรกสุดขอบฟ้าขึ้นมาในพื้นที่ดังกล่าว ได้แต่คว้าลม คว้าเงา ไปตามสภาพ ไม่อาจโค่นล้ม ทำลาย “ระบอบปกครองอัล-อัสซาด” ได้ตามที่ตัวเองปรารถนาและต้องการเอาเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายและกองทัพซีเรีย โดยความร่วมมือของรัสเซีย อิหร่าน และพันธมิตรในตะวันออกกลางอีกจำนวนไม่น้อย ยังสามารถ “พลิกหลังตีนให้กลับกลายเป็นหน้ามือ” หรือยังสามารถฟื้นคืนสภาพประเทศซีเรีย ให้กลับเข้าสู่บรรยากาศแห่ง “สันติภาพ” ได้อย่างเป็นขั้น เป็นตอน สามารถยึดพื้นที่เกือบ 80-90 เปอร์เซ็นต์กลับคืนมาได้ เหลือแค่แถบจังหวัด “Idlib” เพียงแค่กระจุกเดียว แต่กระนั้น...ก็คงไม่ได้ทำให้คุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกเกิดความสำนึกและตระหนัก ถึงความฉิบหาย วายวอด ที่ตัวเองเป็นผู้ก่อขึ้นมาเอาเลยแม้แต่น้อย...
เห็นว่า...แม้กระทั่งล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ยังเพิ่งออกประกาศ “แซงชั่น” กลุ่มบุคคล 6 ราย ผู้มีความใกล้ชิดกับประธานาธิบดี “อัล-อัสซาด” ออกมาอีกในช่วงวันจันทร์ (15 มี.ค.) ที่ผ่านมา ส่วนคุณพ่ออเมริกาก็ยังคงเพียรพยายามดำเนินกิจการ “ปล้นน้ำมัน” ของซีเรียในแถบจังหวัดภาคเหนือต่อไป รวมทั้งมีแนวโน้มที่จะฟื้นฟู ชูสถานภาพ ของบรรดา “ผู้ก่อการร้าย” หรือผู้ที่ยังคงคิดโค่นล้ม ทำลาย “ระบอบปกครองอัล-อัสซาด” ให้ฟื้นคืนกลับมาได้ใหม่ ยิ่งโดยเฉพาะ “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” ของอเมริกาในตะวันออกกลาง อย่าง “อิสราเอล” ด้วยแล้ว การเปิดฉาก “ถล่มซีเรีย” ด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิด หรือโดรนปีละนับเป็นพันๆ เที่ยว ด้วยเหตุผล ข้ออ้าง ว่าเพื่อเล่นงาน “ศัตรูคู่กัดตลอดกาล” อย่างอิหร่านและพวกเฮซบอลเลาะห์ ที่แพร่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ของซีเรีย อย่างเป็นระบบและกิจการจนตราบเท่าทุกวันนี้ โดยมีแนวโน้มว่าน่าจะแรงขึ้นๆ หนักขึ้นๆ ยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลใหม่ของอเมริกา ทำท่าว่าอยากหันไปเปิดโต๊ะเจรจาในเรื่องข้อตกลงโครงการนิวเคลียร์อิหร่านรอบใหม่ หลังจากที่ประธานาธิบดีคนเก่าอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้ตัดสินใจถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว ตามการยุแยงตะแคงรั่วของอิสราเอลตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว...
และในช่วงระยะที่ว่านี้นี่เอง...ข่าวคราวเกี่ยวกับความขัดแย้ง ความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ริษยาและชิงชัง ระหว่าง “อิหร่าน” กับ “อิสราเอล” มันจึงปรากฏให้เห็นครั้งแล้ว ครั้งเล่า อย่างเป็นระลอก ไม่ว่าตั้งแต่การลอบฆ่า ลอบสังหาร “นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์” ของอิหร่าน เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ภายในใจกลางประเทศอิหร่านแท้ๆ ก่อนตามมาด้วยข่าวคราว “สถานทูตอิสราเอล” ในแถบละตินอเมริกา ถูกผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม ก่อวินาศกรรมแบบไม่อาจจับมือใครดมได้ง่ายๆ มาจนถึงเมื่อเดือนกุมภาฯ ที่ผ่านมา เรือบรรทุกสินค้า “Helios Ray” ของอิสราเอล ก็ดันถูกวางระเบิดในอ่าวโอมาน โดยที่ไม่ว่านายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ไปจนถึงทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ ต่าง “ชี้นิ้ว” ไปที่อิหร่านเป็นทิศทางเดียวกัน แม้ว่าทางการอิหร่านจะออกมาปฏิเสธแบบเสียงดัง ฟังชัด เพียงใดก็ตาม และนั่นเองที่อาจเป็นเหตุให้เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ของอิหร่าน หรือเรือ “Shar E Kord” ของบริษัท “Islamic Republican of Iran Shipping” ถูกใครก็ไม่รู้ หรือผู้ไม่ประสงค์จะออกนามอีกเช่นเคย ยิงจรวดถล่มเอาดื้อๆ!!!
บรรดาข่าวคราวเหล่านี้จึงไม่ได้ออกไปทาง “ขี้หมูรา-ขี้หมาแห้ง” แต่อย่างใด แต่อาจถือเป็นภาพสะท้อน “ความตึงเครียด” แบบเขม็งเกลียวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ของ “แนวรบในตะวันออกกลาง” ตลอดทั่วทั้งแนวเอาเลยก็ได้ ที่นับวันยิ่งเป็นอะไรที่ “อ่อนไหว” เอามากๆ ไม่ว่าต่อสิ่งที่เป็นไปด้วย “ความจงใจ” หรือสิ่งที่อาจอุบัติขึ้นมาเพราะ “อุบัติเหตุ” ก็ตาม หรือพูดง่ายๆ ว่าโอกาสที่จะเกิดการลงมือ ลงตีน เกิดการสาด “บ้องข้าวหลามยักษ์” ใส่กันและกัน เกิด “ไฟนรกสุดขอบฟ้า” ลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมา ภายในอาณาบริเวณเหล่านี้ นับวันจะมี “ความเป็นไปได้” สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
หรือแม้อาจไม่ใช่การ “เผชิญหน้าโดยตรง” ระหว่างคู่กัดตลอดกาล อย่าง “อิหร่าน” กับ “อิสราเอล” แบบตรงไป-ตรงมาก็ตาม แต่แค่เฉพาะผู้ที่ถูกถือว่าเป็น “ตัวแทนอิหร่าน” อย่าง “ขบวนการเฮซบอลเลาะห์” ในเลบานอน ที่ถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดอิสราเอลหย่อนระเบิดใส่หัวกบาลครั้งแล้ว ครั้งเล่า เพียงเท่านี้...ก็ถึงกับทำให้ผู้ซึ่งมีบทบาท หน้าที่ ในการปกป้องความปลอดภัยในอิสราเอล อย่าง “พลตรีUri Gordin” ผู้บัญชาการหน่วย “OC Home Front Command” ถึงกับ “หนาวว์ว์ว์” ยะเยือกเอาเลยก็ว่าได้ จนต้องออกมากระตุ้นเตือนให้บรรดา “นักการเมือง” ในอิสราเอล ที่กำลังหาเสียงและกำลังกล่าวหาซึ่งกันและกัน ให้ตระหนัก สำนึกถึง “ผลกระทบ” ที่จะตามมา ถ้าหากต้องเกิดการเปิดศึกแบบเต็มรูปแบบแม้แต่กับ “ตัวแทนอิหร่าน” อย่างพวก “เฮซบอลเลาะห์” ก็ตาม ด้วยการสรุปว่า...โอกาสที่บรรดาชาวอิสราเอลในแต่ละซอก แต่ละมุม ทั่วประเทศ จะต้องเจอกับ “บ้องข้าวหลามยักษ์” หรือเจอกับขีปนาวุธของฝ่ายเฮซบอลเลาะห์ ไม่ต่ำกว่า “วันละ 2,000 ลูก” เป็นอย่างน้อย ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ เพราะตามข่าวล่า-มาเรือ หรือตามข้อมูลของหน่วยงานดังกล่าว ระบุเอาไว้ว่าจำนวนขีปนาวุธที่พวก “เฮซบอลเลาะห์” สะสมเอาไว้ จนตราบเท่าทุกวันนี้ น่าจะมีจำนวนไม่น้อยไปกว่า 150,000 ลูกเป็นอย่างน้อย...
นี่...น่าสยดสยองพองขนถึงขั้นไหน คงต้องลองไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน แต่ถ้าหากการกระทบกระทั่ง การปะทะขัดแย้งมันเกิดลุกลามบานปลาย ปลายบาน จะด้วย “ความจงใจ” หรือโดย “อุบัติเหตุ” ก็ตาม จนกลายเป็นการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่าง “อิหร่านกับอิสราเอล” ขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะก็ อันนี้...ยิ่งต้อง “ปิดแอร์” แม้จะเป็นหน้าร้อน หรือแม้เหงื่อไหลไคลย้อย เพียงใดก็แล้วแต่ เพราะเมื่อช่วงวัน-สองวัน หรือเมื่อช่วงวันจันทร์ (15 มี.ค.) ที่ผ่านมานี่เอง โทรทัศน์ทางการอิหร่านเขาได้นำเอา “วิดีโอเทป” สั้นๆ ของหน่วยงานทางทหารอย่าง “The Islamic Revolution Guard Corps Navy” มาเผยแพร่ให้เห็นกันแบบจะจะ ถึงอาณาเขต อาณาบริเวณ ที่ถูกเรียกขานกันในนาม “Missile City” หรือ “เมืองจรวด” หรือคลังเก็บอาวุธใต้ดิน ที่ตั้งอยู่ ณ แห่งหนตำบลใดก็มิอาจคาดคะเนได้ แต่ขุดลึกลงไปใต้ผืนดิน มีระบบป้องกันความมั่นคง ปลอดภัย แบบครบสูตร ชนิดสามารถอยู่รอดปลอดภัย จากการโจมตีด้วย “สงครามไซเบอร์” ในทุกรูป ทุกแบบ...
โดยภายใน “เมืองจรวด” ที่ว่านี้...แม้จะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง หรือส่วนน้อยนิด ที่ถูกนำมาอวด มาโชว์ แต่มันเต็มไปด้วย “บ้องข้าวหลามยักษ์” แออัดยัดเยียด แน่นขนัดไปจนสุดลูกหูลูกตาเอาเลยก็ว่าได้ หรือยังไงๆ...ก็น่าจะมากกว่าบ้องข้าวหลามยักษ์ของพวกเฮซบอลเลาะห์ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า ชนิดที่อาจนำไปสู่ฉากเหตุการณ์ ฉากสถานการณ์ แบบที่อดีตประธานาธิบดีอิหร่าน “นายมาห์มูด อาห์มาดิเนจาด” (Mahmoud Ahmadinejad) เคยพูดๆ ไว้นานแล้วว่า ถึงขั้นคิดจะ “ลบประเทศอิสราเอลออกจากแผนที่” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย!!! ส่วนอิสราเอลที่คงไม่ยอม “เอามือซุกหีบ” ไว้เฉยๆ แต่ยังแอบสะสมบ้องข้าวหลามยักษ์ ระดับ “ขีปนาวุธนิวเคลียร์” เอาไว้ไม่ต่ำกว่า 20-40 ลูกเป็นอย่างน้อย จะคิดทำอะไรกับอิหร่านกันในแบบไหน อย่างไร อันนี้...คงมีแต่ “พระผู้เป็นเจ้า” นั่นแหละ ที่พอจะให้คำตอบได้มั่ง...