“R&I” ของญี่ปุ่น คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ “A-” คงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับ “มีเสถียรภาพ”
วานนี้ (11 มี.ค.) นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า บริษัท Rating and Investment Information, Inc. (R&I) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น จัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้และผู้ออกตราสารหนี้ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ A- และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นในแนวทางการดำเนินโยบายของรัฐบาลและทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวและเติบโต อย่างไรก็ดี R&I ให้ความสนใจและจะติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทย
นางแพตริเซีย ยังได้ชี้แจงรายละเอียดโดยสังเขปด้วยว่า สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ระดับ A- และมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระดับมีเสถียรภาพ เนื่องจากรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการดำเนินมาตรการเชิงรุกในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีกทั้งมีการดำเนินการในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศมีศักยภาพในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว และหลุดพ้นจากการติดกับดักรายได้ปานกลาง ขณะที่ภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) มีความแข็งแกร่งเป็นผลจากการบริหารจัดการ และรักษาวินัยทางการคลังอย่างรอบคอบ ส่งผลให้รัฐบาลมีพื้นที่ทางการคลัง (Fiscal Space) เพื่อสนับสนุนการดำเนินมาตรการต่างๆของรัฐบาลเพิ่มเติม รวมไปถึงภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ที่ยังคงมีความเข้มแข็ง
“แม้ว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้รัฐบาลไทยและต่างประเทศต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น แต่ R&I ยังเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 จะฟื้นตัวและเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปและจะช่วยฟื้นฟูการลงทุนภายในประเทศในระยะต่อไป” นางแพตริเซีย ระบุ
วานนี้ (11 มี.ค.) นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า บริษัท Rating and Investment Information, Inc. (R&I) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น จัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้และผู้ออกตราสารหนี้ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ A- และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นในแนวทางการดำเนินโยบายของรัฐบาลและทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวและเติบโต อย่างไรก็ดี R&I ให้ความสนใจและจะติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทย
นางแพตริเซีย ยังได้ชี้แจงรายละเอียดโดยสังเขปด้วยว่า สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ระดับ A- และมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระดับมีเสถียรภาพ เนื่องจากรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการดำเนินมาตรการเชิงรุกในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีกทั้งมีการดำเนินการในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศมีศักยภาพในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว และหลุดพ้นจากการติดกับดักรายได้ปานกลาง ขณะที่ภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) มีความแข็งแกร่งเป็นผลจากการบริหารจัดการ และรักษาวินัยทางการคลังอย่างรอบคอบ ส่งผลให้รัฐบาลมีพื้นที่ทางการคลัง (Fiscal Space) เพื่อสนับสนุนการดำเนินมาตรการต่างๆของรัฐบาลเพิ่มเติม รวมไปถึงภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ที่ยังคงมีความเข้มแข็ง
“แม้ว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้รัฐบาลไทยและต่างประเทศต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น แต่ R&I ยังเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 จะฟื้นตัวและเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปและจะช่วยฟื้นฟูการลงทุนภายในประเทศในระยะต่อไป” นางแพตริเซีย ระบุ