ผู้จัดการรายวัน 360 - ครม. อนุมัติปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 พร้อมแผนก่อหนี้ใหม่ เพิ่มขึ้น 74,394 ล้านบาท ระบุอยู่ภายใต้กรอบบริหารจัดการหนี้สาธารณะไม่เกินร้อยละ 60%
วานนี้ (23 ก.พ.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการปรับปรุงแผนการก่อหนี้ใหม่ เป็น 1,539,832.78 ล้านบาท จากเดิม 1,465,438.61 ล้านบาท เป็นการปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 74,394.17 ล้านบาท (จากแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลจำนวน 66,687.92 ล้านบาท และแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ (หนี้ภายในประเทศ) จำนวน 7,706.25 ล้านบาท) การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้เดิม ที่ปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 124,534.37 ล้านบาท จากเดิม 1,279,446.80 ล้านบาท เป็น 1,403,981.17 ล้านบาท และการปรับปรุงแผนการชำระหนี้ ที่ปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 505.88 ล้านบาท จากเดิม 387,354.84 ล้านบาท เป็น 387,860.72 ล้านบาท
สำหรับสาระสำคัญของการปรับแผนฯ ได้แก่ การกู้เงินเพื่อดำเนินแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชี้อไวรัสโควิด-19 พ.ศ. 2563 (พระราชกำหนดกู้เงินโควิด-19ฯ) จำนวน 76,239.00 ล้านบาท การปรับเพิ่มวงเงินปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณฯ จำนวน 120,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อสนับสนุนการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานภาครัฐ และโครงการพัฒนาของรัฐวิสาหกิจ เช่น โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ช่วงบางซื่อ - รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการขยายระบบไฟฟ้า ระยะที่ 12 ของการไฟ้ฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังรวมโครงการพัฒนา ที่จะเสนอขออนุมัติต่อครม. จำนวน 18 โครงการหรือรายการ เช่น โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันตกและภาคใต้เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางของการยางแห่งประเทศไทย เป็นต้น และการชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของรัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจำนวน 441.87 ล้านบาท
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะฯ ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 1 อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พระราชกำหนดกู้เงินโควิด-19ฯ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยประมาณการณ์ระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 จะอยู่ที่ร้อยละ 56.74 ซึ่งยังอยู่ภายใต้สัดส่วนไม่เกินร้อยละ 60 ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด
วานนี้ (23 ก.พ.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการปรับปรุงแผนการก่อหนี้ใหม่ เป็น 1,539,832.78 ล้านบาท จากเดิม 1,465,438.61 ล้านบาท เป็นการปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 74,394.17 ล้านบาท (จากแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลจำนวน 66,687.92 ล้านบาท และแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ (หนี้ภายในประเทศ) จำนวน 7,706.25 ล้านบาท) การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้เดิม ที่ปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 124,534.37 ล้านบาท จากเดิม 1,279,446.80 ล้านบาท เป็น 1,403,981.17 ล้านบาท และการปรับปรุงแผนการชำระหนี้ ที่ปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 505.88 ล้านบาท จากเดิม 387,354.84 ล้านบาท เป็น 387,860.72 ล้านบาท
สำหรับสาระสำคัญของการปรับแผนฯ ได้แก่ การกู้เงินเพื่อดำเนินแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชี้อไวรัสโควิด-19 พ.ศ. 2563 (พระราชกำหนดกู้เงินโควิด-19ฯ) จำนวน 76,239.00 ล้านบาท การปรับเพิ่มวงเงินปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณฯ จำนวน 120,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อสนับสนุนการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานภาครัฐ และโครงการพัฒนาของรัฐวิสาหกิจ เช่น โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ช่วงบางซื่อ - รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการขยายระบบไฟฟ้า ระยะที่ 12 ของการไฟ้ฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังรวมโครงการพัฒนา ที่จะเสนอขออนุมัติต่อครม. จำนวน 18 โครงการหรือรายการ เช่น โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันตกและภาคใต้เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางของการยางแห่งประเทศไทย เป็นต้น และการชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของรัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจำนวน 441.87 ล้านบาท
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะฯ ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 1 อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พระราชกำหนดกู้เงินโควิด-19ฯ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยประมาณการณ์ระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 จะอยู่ที่ร้อยละ 56.74 ซึ่งยังอยู่ภายใต้สัดส่วนไม่เกินร้อยละ 60 ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด