“ศาล รธน.” มีมติเสียงข้างมาก “รัฐสภา” มีอำนาจยกร่าง รธน.ใหม่ได้ แต่ต้องทำ “ประชามติ” ทั้งก่อน-หลังทำ "ชวน" ชี้ความเห็นไม่ตรงกัน ยังรอรายละเอียดคำวินิจฉัยศาล รธน. ยันเดินหน้าโหวตวาระ 3 ต่อ อ้าง รธน.กำหนด ยันโหวตวาระ 2 ไม่โมฆะ
วานนี้ (11 มี.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการพิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ประธานรัฐสภา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรค 1 (2) กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาในการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (1) โดยมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง
“ชวน”ยันเดินหน้าโหวตวาระ 3
ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ส่งคำวินิจฉัยมาให้แล้ว แต่มีเนื้อหาเพียง 4-5 บรรทัด ซึ่งขณะนี้ความเห็นก็ยังไม่ค่อยตรงกันเท่าใดนัก ยังคงตีความกันอยู่ ดังนั้นจึงต้องรอรายละเอียดของคำวินิจฉัยก่อน ส่วนจะสามารถโหวตญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐมนตรีมาตรา 256 ประเด็นการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในวาระ 3 ที่นัดหมายในการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่าตนได้สั่งบรรจุระเบียบวาระก่อนที่ศาลฯ มีคำวินิจฉัยออกมา และวาระ 2 ผ่านไปโดยเรียบร้อย ระเบียบวาระ ไม่ได้มีปัญหาอะไร
“ไพบูลย์” เชื่อ 17 มี.ค.ถกกันยาวแน่
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจของรัฐสภาต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กล่าวว่า พอใจในคำวินิจฉัยของศาลฯ ที่ยืนยันในอำนาจของรัฐสภา ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่ใช่การยกอำนาจให้องค์กรใดดำเนินการ เช่น ส.ส.ร. อย่างไรก็ดี ในการลงมติวาระ 3 เชื่อว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะรัฐสภาได้ทำเกินไปกว่าที่คำวินิจฉัยศาลฯระบุ คาดว่าในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ที่จะมีการประชุมรัฐสภา ที่ประชุมต้องถกเถียงในความหมายดังกล่าวว่า จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป
“แต่ในความเห็นส่วนตัวเชื่อว่า รัฐสภาไม่สามารถลงมติได้” นายไพบูลย์ ระบุ
“สว.วันชัย” ชี้วาระ1-2 โมฆะ
เช่นเดียวกับ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.ที่ระบุว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านวาระ 1-2 และเตรียมเข้าสู่วาระ 3 นั้น เป็นกระบวนการทำที่ไม่ชอบ และใช้ไม่ได้ เพราะไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลฯ และถือว่าเป็นการกระทำที่เกินไปกว่าคำวินิจฉัย ที่ระบุว่าต้องถามความประสงค์ของประชาชน ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ อย่างไรก็ดี ตนเชื่อด้วยว่าการลงมติวาระ 3 ในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ไม่สามารถเดินหน้าได้ ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังจากคำวินิจฉัยศาลฯ ยังมีทางที่ทำได้ คือ แก้ไขรายมาตรา แต่การแก้ไขแบบรายมาตรานั้น เชื่อว่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะต้องใช้ความเห็นพ้องร่วมกันทั้ง 4 ฝ่าย คือ คณะรัฐมนตรี, ฝ่ายค้าน, ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว. เนื่องจากเชื่อว่า บางประเด็นที่พรรคการเมืองบางพรรคได้ประโยชน์ เช่น บัตรเลือกตั้งใบเดียว คงไม่ยอมกัน
“สุทิน-ชูศักดิ์” เชื่อเดินหน้าต่อได้
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า คำวินิจฉัยที่ออกมาทำให้มีการตีความไปคนละทิศละทาง แต่ส่วนตัวมีความเห็นว่าคำวินิจฉัยที่ศาลบอกว่าการยกร่างทั้งฉบับต้องไปถามประชาชน โดยทำประชามติ 2 ครั้งนั้น หมายถึงฉบับที่ ส.ส.ร.จะยกร่างขึ้น แต่ฉบับที่คาสภาฯอยู่นี้ เป็นการแก้เพียงมาตราเดียวคือ มาตรา 256 ไม่ใช่การยกร่างทั้งฉบับ ดังนั้นส่วนตัวจึงคิดว่าสามารถเดินหน้าโหวตวาระ 3 ได้ตามปกติ
เช่นเดียวกับ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่กล่าวว่า ตนเห็นว่าที่รัฐสภาดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน คือการทำประชามติก่อนตามความหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยออกมา และสอดคล้องเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จากนี้ก็ต้องเดินหน้าลงมติร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 ต่อไป และเชื่อว่ากระบวนการจะไม่ล่าช้ากว่าเดิม
“สมชัย” เชียร์โหวตวาระ 3
ขณะที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และรองประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ว่า การประชุมรัฐสภาวาระที่ 3 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ เพื่อให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ยังไม่มีการเริ่มจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นรัฐสภาก็ควรประชุมลงมติวาระที่ 3 ต่อไป และหากลงมติเห็นชอบวาระที่ 3 แล้ว จะต้องมีการจัดให้มีประชามติ ภายใน 90-120 วัน ทั้งนี้ การลงประชามติ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในราวต้นเดือน ก.ค.64
“สร้างไทย” จี้เลื่อนลงมติวาระ3
วันเดียวกันคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกลุ่มสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กแถลงการณ์กลุ่มสร้างไทยต่อกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า รัฐสภาควรเลื่อนการลงมติการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ออกไปก่อน เพื่อรอการทำประชามติสอบถามประชาชนตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังพิจารณาในรัฐสภาเป็นร่างของพรรคร่วมรัฐบาล นายกฯโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีควรเร่งดำเนินการปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฏรและประธานวุฒิสภาเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงประชามติ สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในไม่เกิน 90 วัน ตามกฎหมายประชามติที่ยังมีผลบังคับใช้ เพื่อให้ปัญหาทางการเมืองของประเทศได้รับการคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีต่อไป และกลุ่มสร้างไทยยังเห็นว่าทางออกเดียวที่จะนำพาประเทศชาติออกจากวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองคือการคืนอำนาจให้ประชาชนได้เป็นผู้กำหนดกติกาการอยู่ร่วมกันและกติกาทางการเมืองของประเทศนี้ใหม่ โดยการเลือกตั้ง ส.ส.ร. มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“ผลวินิจฉัยออกมาแบบนี้ กว่าจะแก้รัฐธรรมนูญพร้อมประชามติอีก 2 ครั้ง สภาชุดนี้หมดวาระไปก่อนแน่ นี่คือเกมลากยาวเพื่อใช้รัฐธรรมนูญปี 60 ที่มี ส.ว. 250 คน ไว้เลือกลุงๆ กลับมาเป็นรัฐบาลอีกในสมัยหน้าเท่านั้น ดังนั้น ส.ส.ฝ่ายประชาธิปไตยต้องแก้เกมเลื่อนลงมติวาระ 3 ออกไปก่อน” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ.
วานนี้ (11 มี.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการพิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ประธานรัฐสภา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรค 1 (2) กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาในการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (1) โดยมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง
“ชวน”ยันเดินหน้าโหวตวาระ 3
ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ส่งคำวินิจฉัยมาให้แล้ว แต่มีเนื้อหาเพียง 4-5 บรรทัด ซึ่งขณะนี้ความเห็นก็ยังไม่ค่อยตรงกันเท่าใดนัก ยังคงตีความกันอยู่ ดังนั้นจึงต้องรอรายละเอียดของคำวินิจฉัยก่อน ส่วนจะสามารถโหวตญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐมนตรีมาตรา 256 ประเด็นการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในวาระ 3 ที่นัดหมายในการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่าตนได้สั่งบรรจุระเบียบวาระก่อนที่ศาลฯ มีคำวินิจฉัยออกมา และวาระ 2 ผ่านไปโดยเรียบร้อย ระเบียบวาระ ไม่ได้มีปัญหาอะไร
“ไพบูลย์” เชื่อ 17 มี.ค.ถกกันยาวแน่
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจของรัฐสภาต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กล่าวว่า พอใจในคำวินิจฉัยของศาลฯ ที่ยืนยันในอำนาจของรัฐสภา ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่ใช่การยกอำนาจให้องค์กรใดดำเนินการ เช่น ส.ส.ร. อย่างไรก็ดี ในการลงมติวาระ 3 เชื่อว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะรัฐสภาได้ทำเกินไปกว่าที่คำวินิจฉัยศาลฯระบุ คาดว่าในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ที่จะมีการประชุมรัฐสภา ที่ประชุมต้องถกเถียงในความหมายดังกล่าวว่า จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป
“แต่ในความเห็นส่วนตัวเชื่อว่า รัฐสภาไม่สามารถลงมติได้” นายไพบูลย์ ระบุ
“สว.วันชัย” ชี้วาระ1-2 โมฆะ
เช่นเดียวกับ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.ที่ระบุว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านวาระ 1-2 และเตรียมเข้าสู่วาระ 3 นั้น เป็นกระบวนการทำที่ไม่ชอบ และใช้ไม่ได้ เพราะไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลฯ และถือว่าเป็นการกระทำที่เกินไปกว่าคำวินิจฉัย ที่ระบุว่าต้องถามความประสงค์ของประชาชน ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ อย่างไรก็ดี ตนเชื่อด้วยว่าการลงมติวาระ 3 ในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ไม่สามารถเดินหน้าได้ ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังจากคำวินิจฉัยศาลฯ ยังมีทางที่ทำได้ คือ แก้ไขรายมาตรา แต่การแก้ไขแบบรายมาตรานั้น เชื่อว่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะต้องใช้ความเห็นพ้องร่วมกันทั้ง 4 ฝ่าย คือ คณะรัฐมนตรี, ฝ่ายค้าน, ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว. เนื่องจากเชื่อว่า บางประเด็นที่พรรคการเมืองบางพรรคได้ประโยชน์ เช่น บัตรเลือกตั้งใบเดียว คงไม่ยอมกัน
“สุทิน-ชูศักดิ์” เชื่อเดินหน้าต่อได้
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า คำวินิจฉัยที่ออกมาทำให้มีการตีความไปคนละทิศละทาง แต่ส่วนตัวมีความเห็นว่าคำวินิจฉัยที่ศาลบอกว่าการยกร่างทั้งฉบับต้องไปถามประชาชน โดยทำประชามติ 2 ครั้งนั้น หมายถึงฉบับที่ ส.ส.ร.จะยกร่างขึ้น แต่ฉบับที่คาสภาฯอยู่นี้ เป็นการแก้เพียงมาตราเดียวคือ มาตรา 256 ไม่ใช่การยกร่างทั้งฉบับ ดังนั้นส่วนตัวจึงคิดว่าสามารถเดินหน้าโหวตวาระ 3 ได้ตามปกติ
เช่นเดียวกับ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่กล่าวว่า ตนเห็นว่าที่รัฐสภาดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน คือการทำประชามติก่อนตามความหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยออกมา และสอดคล้องเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จากนี้ก็ต้องเดินหน้าลงมติร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 ต่อไป และเชื่อว่ากระบวนการจะไม่ล่าช้ากว่าเดิม
“สมชัย” เชียร์โหวตวาระ 3
ขณะที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และรองประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ว่า การประชุมรัฐสภาวาระที่ 3 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ เพื่อให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ยังไม่มีการเริ่มจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นรัฐสภาก็ควรประชุมลงมติวาระที่ 3 ต่อไป และหากลงมติเห็นชอบวาระที่ 3 แล้ว จะต้องมีการจัดให้มีประชามติ ภายใน 90-120 วัน ทั้งนี้ การลงประชามติ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในราวต้นเดือน ก.ค.64
“สร้างไทย” จี้เลื่อนลงมติวาระ3
วันเดียวกันคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกลุ่มสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กแถลงการณ์กลุ่มสร้างไทยต่อกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า รัฐสภาควรเลื่อนการลงมติการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ออกไปก่อน เพื่อรอการทำประชามติสอบถามประชาชนตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังพิจารณาในรัฐสภาเป็นร่างของพรรคร่วมรัฐบาล นายกฯโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีควรเร่งดำเนินการปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฏรและประธานวุฒิสภาเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงประชามติ สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในไม่เกิน 90 วัน ตามกฎหมายประชามติที่ยังมีผลบังคับใช้ เพื่อให้ปัญหาทางการเมืองของประเทศได้รับการคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีต่อไป และกลุ่มสร้างไทยยังเห็นว่าทางออกเดียวที่จะนำพาประเทศชาติออกจากวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองคือการคืนอำนาจให้ประชาชนได้เป็นผู้กำหนดกติกาการอยู่ร่วมกันและกติกาทางการเมืองของประเทศนี้ใหม่ โดยการเลือกตั้ง ส.ส.ร. มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“ผลวินิจฉัยออกมาแบบนี้ กว่าจะแก้รัฐธรรมนูญพร้อมประชามติอีก 2 ครั้ง สภาชุดนี้หมดวาระไปก่อนแน่ นี่คือเกมลากยาวเพื่อใช้รัฐธรรมนูญปี 60 ที่มี ส.ว. 250 คน ไว้เลือกลุงๆ กลับมาเป็นรัฐบาลอีกในสมัยหน้าเท่านั้น ดังนั้น ส.ส.ฝ่ายประชาธิปไตยต้องแก้เกมเลื่อนลงมติวาระ 3 ออกไปก่อน” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ.