ผู้จัดการรายวัน360-ผลสอบข้อเท็จจริงจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน ชุด อคส. ออกแล้ว เตรียมเรียก “พ.ต.อ.รุ่งโรจน์” และพวกอีก 2 คน รับทราบข้อกล่าวหาผิดวินัยร้ายแรง 3 มี.ค.นี้ ชง ผอ.อคส. ตั้งกรรมการฟันผิดทางวินัยร้ายแรง โทษไล่ออก ให้ออก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ที่มีพ.ต.อ.สุรพงษ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) กรณีการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ที่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ อคส. ระดับบริหาร 8 อีก 2 ราย ได้ร่วมกันดำเนินการ ได้มีการสืบสวนข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว และวันที่ 3 มี.ค.2564 จะเชิญผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย มารับฟังข้อกล่าวหา และจะส่งสำนวนการสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใช้ประกอบการไต่สวนกรณีนี้ด้วย
ข้อกล่าวหาที่จะแจ้งต่อทั้ง 3 ราย คือ มีความผิดวินัยร้ายแรง ทั้ง 3 รายไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ และยังเอื้อประโยชน์ให้กับภาคเอกชน จนทำให้ อคส. เกิดความเสียหายร้ายแรง เพราะได้จ่ายเงินค่ามัดจำซื้อถุงมือยาง 2,000 ล้านบาทให้กับบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ ผู้ผลิตถุงมือยาง ที่เป็นคู่สัญญาของ อคส.
ภายหลังจากรับทราบข้อกล่าวหา ทั้ง 3 ราย มีสิทธิ์ที่จะแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน และเมื่อครบ 15 วันแล้ว หากไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาของคณะกรรมการฯ จะเสนอให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. ตั้งคณะกรรมการลงโทษทางวินัย ซึ่งโทษของความผิดวินัยร้ายแรง คือ ให้ออก หรือไล่ออก และตั้งคณะกรรมการรับผิดทางละเมิด เพื่อให้ชดใช้ความเสียหายให้กับ อคส.
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการฯ ได้ทำหนังสือถึงนายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการ อคส. เพื่อให้ชี้แจงกรณีที่นายสุชาติถูกพรรคฝ่ายค้านพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงมือยาง ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์นั้น นายสุชาติได้แจ้งว่า จะทำเป็นหนังสือชี้แจงส่งให้คณะกรรมการฯ ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งคำชี้แจงของนายสุชาติ ไม่มีผลต่อการแจ้งข้อกล่าวหาของคณะกรรมการฯ ต่อทั้ง 3 ราย และคณะกรรมการฯ ไม่มีอำนาจที่จะตัดสินว่า นายสุชาติ ร่วมกระทำผิดกับทั้ง 3 รายด้วยหรือไม่ ต้องรอให้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ที่มีพ.ต.อ.สุรพงษ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) กรณีการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ที่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ อคส. ระดับบริหาร 8 อีก 2 ราย ได้ร่วมกันดำเนินการ ได้มีการสืบสวนข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว และวันที่ 3 มี.ค.2564 จะเชิญผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย มารับฟังข้อกล่าวหา และจะส่งสำนวนการสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใช้ประกอบการไต่สวนกรณีนี้ด้วย
ข้อกล่าวหาที่จะแจ้งต่อทั้ง 3 ราย คือ มีความผิดวินัยร้ายแรง ทั้ง 3 รายไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ และยังเอื้อประโยชน์ให้กับภาคเอกชน จนทำให้ อคส. เกิดความเสียหายร้ายแรง เพราะได้จ่ายเงินค่ามัดจำซื้อถุงมือยาง 2,000 ล้านบาทให้กับบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ ผู้ผลิตถุงมือยาง ที่เป็นคู่สัญญาของ อคส.
ภายหลังจากรับทราบข้อกล่าวหา ทั้ง 3 ราย มีสิทธิ์ที่จะแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน และเมื่อครบ 15 วันแล้ว หากไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาของคณะกรรมการฯ จะเสนอให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. ตั้งคณะกรรมการลงโทษทางวินัย ซึ่งโทษของความผิดวินัยร้ายแรง คือ ให้ออก หรือไล่ออก และตั้งคณะกรรมการรับผิดทางละเมิด เพื่อให้ชดใช้ความเสียหายให้กับ อคส.
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการฯ ได้ทำหนังสือถึงนายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการ อคส. เพื่อให้ชี้แจงกรณีที่นายสุชาติถูกพรรคฝ่ายค้านพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงมือยาง ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์นั้น นายสุชาติได้แจ้งว่า จะทำเป็นหนังสือชี้แจงส่งให้คณะกรรมการฯ ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งคำชี้แจงของนายสุชาติ ไม่มีผลต่อการแจ้งข้อกล่าวหาของคณะกรรมการฯ ต่อทั้ง 3 ราย และคณะกรรมการฯ ไม่มีอำนาจที่จะตัดสินว่า นายสุชาติ ร่วมกระทำผิดกับทั้ง 3 รายด้วยหรือไม่ ต้องรอให้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเท่านั้น