ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 756 ราย “แก๊งปาร์ตี้มะตูม” ติดอีก 2 ราย “ก.ควบคุมโรค” ร่อนหนังสือถึง กทม. ซัด “ก๊วนดีเจ” ทำผิดหลายกรณี ทั้งปกปิดข้อมูล-ฝ่าฝืนจัดงานเลี้ยง “โรงแรม” โดนด้วย ผวาคลัสเตอร์ใหม่ “ไอคอนสยาม” เสี่ยงสูง
วานนี้ (28 ม.ค.) เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศประจำวันว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 756 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 746 ราย มาจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังและบริการ 22 ราย จากการค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 724 ราย ทั้งหมดพบใน จ.สมุทรสาคร และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศโดยอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) 10 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 233 ราย
ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 16,221 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่ 15 ธ.ค.63 - 28 ม.ค.64 อยู่ที่ 11,984 ราย รักษาหายแล้ว 11,287 ราย กำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 4,858 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 76 ราย
ชงฟันแก๊งมะตูม-โรงแรม
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงสถานการณ์ใน กทม.ด้วยว่า ในกลุ่มก้อนที่เชื่อมโยง (คลัสเตอร์) กับในกลุ่มดีเจมะตูม พบผู้ติดเชื้อในกลุ่มอย่างเป็นทางการ 24 ราย ไม่เป็นทางการ 26 ราย โดยพบเพิ่ม 2 ราย อยู่ระหว่างรอสอบสวนโรคเพิ่มเติม มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ 113 ราย สัมผัสเสี่ยงต่ำ 53 ราย โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมโรค ระบุว่า มีการให้ข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน ทั้งที่ไปในสถานที่ใกล้เคียงกัน มีการปกปิดข้อมูล ทาง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักอนามัย กทม. เพื่อขอให้ตรวจสอบ และดำเนินการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เนื่องจากกรณีดังกล่าว อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดออกไปในวงกว้างได้
“สิ่งที่เกิดขึ้นเข้าข่ายการฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งมีความผิดฐานขัดขวาง ไม่อำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ให้ข้อมูลเท็จกับเจ้าหน้าที่ โทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับทั้งนี้ รวมถึงเจ้าของสถานที่ ผู้ร่วมงานที่เกี่ยวข้องอาจมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่ง กทม. เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดตั้งแต่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา” พญ.อภิสมัย ระบุ
กลุ่มไอคอนสยามเสี่ยง 200
พญ.อภิสมัย เปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ใกล้เคียงกันกับกรณีดีเจมะตูม เกิดขึ้นที่ห้างไอคอน สยาม เมื่อวันที่ 16 ม.ค. เป็นร้านอาหารที่มีการรวมตัวสังสรรค์ พบติดเชื้อแล้ว 7 คน โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงร่วมกันในที่เดียว 12 ราย
“ตอนนี้ไอคอนสยามที่เดียว มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงมากกว่า 200 ราย จำเป็นต้องเฝ้าระวังต่อ และต้องค้นหาเชิงรุกอย่างมาก” พญ.อภิสมัย กล่าว
ศบค.ถกคลายล็อกวันนี้
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ศบค.ชุดใหญ่จะประชุมเพื่อพิจารณามาตรการผ่อนคลายต่างๆ ซึ่งยอมรับว่า ศบค. หนักใจ เพราะบางเรื่องประชาชนมีความเห็นต่าง เช่น กรณีการเปิดโรงเรียน เมื่อเปิดแล้ว จะมีการป้องกันการระบาดได้หรือไม่ หรือถ้าปิด จะดูแลลูกหลานอย่างไรให้ได้รับการศึกษาที่เหมาะสม ตรงนี้ ศบค.ใช้ฐานข้อมูลที่มีความละเอียดยิบย่อยในการพิจารณา ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม เราจะเฝ้าระวังการติดเชื้ออย่างเดียวไม่ได้ ศบค.ต้องพิจารณาปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อนำไปตัดสินใจด้วย
กทม.ยึดข้อมูลตามใบโนเวล
ขณะที่ ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม. แถลงกระบวนการออกไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิด-19 หลังมีผู้ป่วยบางรายปกปิดการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาล แพทย์จะซักประวัติ และไปพื้นที่เสี่ยง หลังจากนั้น จะส่งใบสอบสวนโรค หรือใบโนเวล ไปยังกรมควบคุมโรค และ กทม. และเมื่อ กทม.ได้รับข้อมูลแล้วจะโทรศัพท์ไปตรวจสอบและจะอัปเดตข้อมูลไปตามที่ได้รับแจ้ง โดยหลังจากสำนักอนามัยได้ข้อมูลดังกล่าวมาแล้ว ก็จะมีคณะกรรมการที่ผู้ว่าฯ กทม.ตั้งขึ้น ทำการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย ก่อนเผยแพร่สู่สาธารณะ
“ไทม์ไลน์ที่ กทม.ออก เป็นกระบวนการที่ได้รับมา ซึ่งแพทย์ที่ได้รับเคสจะเขียนใบโนเวล เอกสารทุกอย่าง กทม.มี แต่ทางเราก็ถามเพิ่มเติม ซึ่งบางรายตอบ บางรายก็ไม่ตอบ จึงเป็นที่มาของการระบุว่า ผู้ป่วยไม่ให้ข้อมูล แต่ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ป่วยหลายคนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และขอยืนยันว่า กทม.ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อควบคุมโรค ไม่ใช่การประจาน” โฆษก กทม. กล่าว
ให้ข้อมูลเท็จฟัน กม.แน่
ร.ต.อ.พงศกร เปิดเผยด้วยว่า หากได้รับข้อมูลเป็นเท็จก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งผู้ที่จะสามารถแจ้งความได้ คือ เจ้าพนักงานควบคุมโรค แต่หากผู้ป่วยยืนยันที่จะไม่ให้ข้อมูลหรือปิดบังข้อมูล ก็สามารถดำเนินการได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนข้อมูลของผู้ป่วย 2 คนว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่
“ส่วนมากให้ข้อมูลหมดแล้ว แต่ที่ กทม.หนักใจคือเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ตอนนี้อยู่ระหว่างสืบสวน” ร.ต.อ.พงศกร กล่าว
ชลฯสั่งปิดโรงแรม-ที่เที่ยว
วันเดียวกัน นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าฯชลบุรี ได้ลงนามคำสั่งหนังสือคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ชลบุรี มีมติให้ปิดโรงแรมหรือสถานประกอบการในลักษณะคล้ายโรงแรม และปิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งของราชการและเอกชนใน จ.ชลบุรีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ให้เจ้าของกิจการดูแล ช่วยเหลือลูกจ้างในสถานประกอบการเพื่อให้ชะลอการเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดชลบุรี หากสถานประกอบการใดยังมีผู้ใช้บริการ หรือมีความประสงค์ยังไม่ปิดบริการให้แจ้งนายอำเภอในท้องที่ภายใน 7 วัน (นับจากวันที่คำสั่งมีผลบังคับใช้)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสั่งปิดโรงแรมครั้งนี้น่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการการท่องเที่ยว และโรงแรมขนาดเล็ก เพื่อให้ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล เป็นไปตามข้อเสนอของสมาคมโรงแรมภาคตะวันออก และภาคเอกชนที่ได้ทำหนังสือแจ้งถึงความเดือดร้อนไปยังผู้ว่าฯชลบุรี ที่ขอให้รัฐออกคำสั่งปิดกิจการโรงแรมเพื่อให้พนักงานได้รับสิทธิเยียวยา กระทั่ง นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ศบค. เห็นชอบและมีการนำเรื่องของเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อสั่งการอย่างเป็นทางการก่อนมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่จังหวัดเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ จ.ชลบุรีนั้นไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่ติดต่อกันหลายวันส่งไปยัง ศบค.ส่วนกลาง พร้อมระบุสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ว่าลดลงจนอยู่ในขั้นปลอดภัย จนเชื่อว่า ศบค.น่าจะอนุญาตให้ จ.ชลบุรี ดำเนินมาตรการผ่อนปรนได้มากขึ้น
วานนี้ (28 ม.ค.) เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศประจำวันว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 756 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 746 ราย มาจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังและบริการ 22 ราย จากการค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 724 ราย ทั้งหมดพบใน จ.สมุทรสาคร และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศโดยอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) 10 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 233 ราย
ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 16,221 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่ 15 ธ.ค.63 - 28 ม.ค.64 อยู่ที่ 11,984 ราย รักษาหายแล้ว 11,287 ราย กำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 4,858 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 76 ราย
ชงฟันแก๊งมะตูม-โรงแรม
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงสถานการณ์ใน กทม.ด้วยว่า ในกลุ่มก้อนที่เชื่อมโยง (คลัสเตอร์) กับในกลุ่มดีเจมะตูม พบผู้ติดเชื้อในกลุ่มอย่างเป็นทางการ 24 ราย ไม่เป็นทางการ 26 ราย โดยพบเพิ่ม 2 ราย อยู่ระหว่างรอสอบสวนโรคเพิ่มเติม มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ 113 ราย สัมผัสเสี่ยงต่ำ 53 ราย โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมโรค ระบุว่า มีการให้ข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน ทั้งที่ไปในสถานที่ใกล้เคียงกัน มีการปกปิดข้อมูล ทาง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักอนามัย กทม. เพื่อขอให้ตรวจสอบ และดำเนินการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เนื่องจากกรณีดังกล่าว อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดออกไปในวงกว้างได้
“สิ่งที่เกิดขึ้นเข้าข่ายการฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งมีความผิดฐานขัดขวาง ไม่อำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ให้ข้อมูลเท็จกับเจ้าหน้าที่ โทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับทั้งนี้ รวมถึงเจ้าของสถานที่ ผู้ร่วมงานที่เกี่ยวข้องอาจมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่ง กทม. เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดตั้งแต่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา” พญ.อภิสมัย ระบุ
กลุ่มไอคอนสยามเสี่ยง 200
พญ.อภิสมัย เปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ใกล้เคียงกันกับกรณีดีเจมะตูม เกิดขึ้นที่ห้างไอคอน สยาม เมื่อวันที่ 16 ม.ค. เป็นร้านอาหารที่มีการรวมตัวสังสรรค์ พบติดเชื้อแล้ว 7 คน โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงร่วมกันในที่เดียว 12 ราย
“ตอนนี้ไอคอนสยามที่เดียว มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงมากกว่า 200 ราย จำเป็นต้องเฝ้าระวังต่อ และต้องค้นหาเชิงรุกอย่างมาก” พญ.อภิสมัย กล่าว
ศบค.ถกคลายล็อกวันนี้
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ศบค.ชุดใหญ่จะประชุมเพื่อพิจารณามาตรการผ่อนคลายต่างๆ ซึ่งยอมรับว่า ศบค. หนักใจ เพราะบางเรื่องประชาชนมีความเห็นต่าง เช่น กรณีการเปิดโรงเรียน เมื่อเปิดแล้ว จะมีการป้องกันการระบาดได้หรือไม่ หรือถ้าปิด จะดูแลลูกหลานอย่างไรให้ได้รับการศึกษาที่เหมาะสม ตรงนี้ ศบค.ใช้ฐานข้อมูลที่มีความละเอียดยิบย่อยในการพิจารณา ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม เราจะเฝ้าระวังการติดเชื้ออย่างเดียวไม่ได้ ศบค.ต้องพิจารณาปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อนำไปตัดสินใจด้วย
กทม.ยึดข้อมูลตามใบโนเวล
ขณะที่ ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม. แถลงกระบวนการออกไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิด-19 หลังมีผู้ป่วยบางรายปกปิดการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาล แพทย์จะซักประวัติ และไปพื้นที่เสี่ยง หลังจากนั้น จะส่งใบสอบสวนโรค หรือใบโนเวล ไปยังกรมควบคุมโรค และ กทม. และเมื่อ กทม.ได้รับข้อมูลแล้วจะโทรศัพท์ไปตรวจสอบและจะอัปเดตข้อมูลไปตามที่ได้รับแจ้ง โดยหลังจากสำนักอนามัยได้ข้อมูลดังกล่าวมาแล้ว ก็จะมีคณะกรรมการที่ผู้ว่าฯ กทม.ตั้งขึ้น ทำการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย ก่อนเผยแพร่สู่สาธารณะ
“ไทม์ไลน์ที่ กทม.ออก เป็นกระบวนการที่ได้รับมา ซึ่งแพทย์ที่ได้รับเคสจะเขียนใบโนเวล เอกสารทุกอย่าง กทม.มี แต่ทางเราก็ถามเพิ่มเติม ซึ่งบางรายตอบ บางรายก็ไม่ตอบ จึงเป็นที่มาของการระบุว่า ผู้ป่วยไม่ให้ข้อมูล แต่ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ป่วยหลายคนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และขอยืนยันว่า กทม.ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อควบคุมโรค ไม่ใช่การประจาน” โฆษก กทม. กล่าว
ให้ข้อมูลเท็จฟัน กม.แน่
ร.ต.อ.พงศกร เปิดเผยด้วยว่า หากได้รับข้อมูลเป็นเท็จก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งผู้ที่จะสามารถแจ้งความได้ คือ เจ้าพนักงานควบคุมโรค แต่หากผู้ป่วยยืนยันที่จะไม่ให้ข้อมูลหรือปิดบังข้อมูล ก็สามารถดำเนินการได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนข้อมูลของผู้ป่วย 2 คนว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่
“ส่วนมากให้ข้อมูลหมดแล้ว แต่ที่ กทม.หนักใจคือเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ตอนนี้อยู่ระหว่างสืบสวน” ร.ต.อ.พงศกร กล่าว
ชลฯสั่งปิดโรงแรม-ที่เที่ยว
วันเดียวกัน นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าฯชลบุรี ได้ลงนามคำสั่งหนังสือคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ชลบุรี มีมติให้ปิดโรงแรมหรือสถานประกอบการในลักษณะคล้ายโรงแรม และปิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งของราชการและเอกชนใน จ.ชลบุรีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ให้เจ้าของกิจการดูแล ช่วยเหลือลูกจ้างในสถานประกอบการเพื่อให้ชะลอการเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดชลบุรี หากสถานประกอบการใดยังมีผู้ใช้บริการ หรือมีความประสงค์ยังไม่ปิดบริการให้แจ้งนายอำเภอในท้องที่ภายใน 7 วัน (นับจากวันที่คำสั่งมีผลบังคับใช้)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสั่งปิดโรงแรมครั้งนี้น่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการการท่องเที่ยว และโรงแรมขนาดเล็ก เพื่อให้ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล เป็นไปตามข้อเสนอของสมาคมโรงแรมภาคตะวันออก และภาคเอกชนที่ได้ทำหนังสือแจ้งถึงความเดือดร้อนไปยังผู้ว่าฯชลบุรี ที่ขอให้รัฐออกคำสั่งปิดกิจการโรงแรมเพื่อให้พนักงานได้รับสิทธิเยียวยา กระทั่ง นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ศบค. เห็นชอบและมีการนำเรื่องของเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อสั่งการอย่างเป็นทางการก่อนมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่จังหวัดเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ จ.ชลบุรีนั้นไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่ติดต่อกันหลายวันส่งไปยัง ศบค.ส่วนกลาง พร้อมระบุสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ว่าลดลงจนอยู่ในขั้นปลอดภัย จนเชื่อว่า ศบค.น่าจะอนุญาตให้ จ.ชลบุรี ดำเนินมาตรการผ่อนปรนได้มากขึ้น
