ไทยพบผู้ป่วยรายใหม่ 756 ราย หลายจังหวัดไร้ผู้ติดเชื้อติดต่อกันหลายวัน ส่อแววได้ผ่อนคลายเยอะ เตือนอย่าเพิ่งจัดกิจกรรมให้คนมารวมตัว รับ ศบค.หนักใจบางกรณียังมีคนเห็นต่าง มีหนาว! เตรียมคาดโทษพวกปกปิดข้อมูล โดนแน่ทั้งจำคุก-ปรับ ขณะที่สถานที่จัดงาน-คนร่วมงานโดนด้วย อ่วมคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่น
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 756 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 746 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 22 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกใน จ.สมุทรสาคร 724 ราย แบ่งเป็นแรงงานต่างด้าว 710 ราย และคนไทย 14 ราย นอกจากนี้ มาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ 10 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 16,221 ราย หายป่วยสะสม 11,287 ราย อยู่ระหว่างรักษา 4,858 ราย ในจำนวนนี้อาการหนัก 10 ราย ไม่มีรายงานเสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดสะสมคงที่ 76 ราย อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกราฟยังเชิดหัวขึ้น เรายังต้องระวังอย่างกระชั้นชิด ยังวางใจไม่ได้ ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 101,433,090 ราย เสียชีวิตสะสม 2,184,120 ราย
พญ.อภิสมัยกล่าวถึงสถานการณ์ กทม. กรณีนายเตชินท์ พลอยเพชร หรือดีเจมะตูม ว่าข้อมูล ณ วันที่ 27 ม.ค.มีการแพร่ระบาดไปแล้ว 24 ราย และอย่างไม่เป็นทางการอีก 2 ราย ยังไม่นับรวมกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงอีก 113 รายและเสี่ยงต่ำ 53 ราย ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อมีความกังวลกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำที่มีการเดินทางไปในหลายพื้นที่ เช่น โรงแรมและร้านอาหาร แต่ละคนให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกัน ทั้งที่ไปในสถานที่ใกล้กัน หรือบางคนปกปิดข้อมูล โดยทางกรมควบคุมโรครายงานว่า กรณีแบบนี้อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดออกไปและการป้องกันควบคุมอาจล่าช้าไม่ทันการณ์ ดังนั้น กรมควบคุมโรคจึงทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม.ว่าพฤติกรรมเหล่านี้เข้าข่ายฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 รวมถึงกฎหมายอื่นๆ 1. มีความผิดฐานขัดขวาง หรือไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท รวมถึงอาจมีความผิดฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแต่อเจ้าพนักงาน อาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหายตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ขณะที่สถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนการห้ามจัดกิจกรรม เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค และไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด รวมทั้งบุคคลที่ร่วมงานเลี้ยง อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนการห้ามทำกิจกรรมมั่วสุมในสถานที่แอดอัด ตามมาตรา 9 ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า กทม.เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด อยากให้ติดตามการรายงานการดำเนินการความผิดเหล่านี้ในอีก 1-2 วันนี้ แต่ขณะนี้เกิดปรากฏการณ์สังคมลงโทษผู้ติดเชื้อ อยากให้ติดตามข่าวโดยไม่ตัดสินในเรื่องของอารมณ์ให้การเรียนรู้กรณีดังกล่าวนำไปสู่การป้องกันในโอกาสหน้า ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา เป็นการใช้ชีวิตของชุมชนเมือง การลงโทษผู้ติดเชื้อบางครั้งไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขอให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายของภาครัฐที่จะดูแล แต่ประชาชนต้องมาเรียนรู้ร่วมกันเพื่อหามาตรการต่อไป ขณะที่เหตุการณ์ที่ใกล้เคียง คือ ที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม มีรายงานผู้สัมผัสเสี่ยง 12 ราย ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 7 ราย ซึ่งเกิดจากการรวมตัวสังสรรค์กัน และขณะนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่จำเป็นต้องสอบสวนโรคและเฝ้าระวังต่อมากกว่า 200 ราย
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า การนำเสนอดังกล่าวเพื่อให้เห็นไทม์ไลน์ที่ชัดเจนนำไปศึกษาและนำไปวางมาตรการป้องกัน ไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น จึงขอย้ำว่าการปกปิดข้อมูลนั้นถือเป็นความผิดทางกฎหมาย เพราะถ้าท่านไม่ปกปิดอย่างน้อยกรมควบคุมโรคเข้าไปสอบสวน และจะประกาศให้ประชาชนหรือชุมชนนั้นเกิดการเฝ้าระวัง ป้องกันของเขาให้ปลอดภัยกันได้
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า จากข้อมูลการติดเชื้อจะเห็นว่าในหลายจังหวัดไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อมาหลายวันแล้ว โดยจังหวัดที่ยังพบผู้ติดเชื้อในช่วง 2 วันที่ผ่านมา มี 13 จังหวัด จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกันในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา มี 1 จังหวัด จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกันในช่วง 5-6 วันที่ผ่านมา มี 2 จังหวัด จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกันในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มี 47 จังหวัด และจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อเลย 14 จังหวัด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เราจะนำไปพิจารณาออกมาตรการผ่อนคลาย จังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อในระยะเวลานานจะมีมาตรการผ่อนคลายที่มากกว่า โดยในวันที่ 29 ม.ค. ศบค.ชุดใหญ่จะประชุมเพื่อพิจารณามาตรการผ่อนคลายต่างๆ เรื่องเหล่านี้ยอมรับว่า ศบค.หนักใจ เพราะบางเรื่องประชาชนมีความเห็นต่าง เช่น กรณีการเปิดโรงเรียน เมื่อเปิดแล้วจะมีการป้องกันการระบาดได้หรือไม่ หรือถ้าปิดจะดูแลลูกหลานอย่างไรให้ได้รับการศึกษาที่เหมาะสม ตรงนี้ ศบค.ใช้ฐานข้อมูลที่มีความละเอียดยิบย่อยในการพิจารณา ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อย่างไรก็ตาม เราจะเฝ้าระวังการติดเชื้ออย่างเดียวไม่ได้ ศบค.ต้องพิจารณาปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ ด้วย เพื่อนำไปตัดสินใจ
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า มาตรการที่ ศบค.ชุดใหญ่จะออกมาจะเป็นหลักการ แต่ในทุกจังหวัดจะมีคณะกรรมการโรติดต่อจังหวัด รวมถึงเจ้าหน้าที่ในระดับต่างๆ ซึ่งจะเป็นผู้ออกมาตรการเฉพาะพื้นที่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตัวเอง แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอความร่วมมือประชาชน การ์ดตกไม่ได้ ต้องสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง สถานการณ์บริการก็ต้องกำหนดมาตรการสูงสุดในพื้นที่ของตัวเองเพื่อไม่ให้มีการรวมตัว หรือการชุมนุมของคนจนเกิดความแออัด ร้านค้าอาจจะยังไม่สามารถจัดกิจกรรมที่ทำให้คนมารวมตัวกันจำนวนมาก โปรโมชันตรุษจีนอาจต้องรอไว้ก่อน ทั้งนี้ ขอให้ติดตามผลการประชุมของ ศบค.ในวันที่ 29 ม.ค.ซึ่งจะมีมาตรการต่างๆ ออกมา แต่เชื่อว่ามาตรการผ่อนคลายจะทำให้ปลอดภัยอย่างแน่นอน
เมื่อถามถึงกรณีการเปิดโรงเรียนในวันที่ 1 ก.พ.นี้ หากเด็กนักเรียนอาศัยอยู่ใน จ.สมุทรสาคร แต่ต้องเดินทางมาเรียนหนังสือในโรงเรียนที่อยู่เขต กทม. หรือจังหวัดใกล้เคียงจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีรายงานผู้ป่วย เช่น อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ตรงนี้หลายคนใช้คำว่าคนหัวหมอ โดยระบุว่าคนส่วนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ถูกปิดแต่ข้างบ้านอีกอำเภอหนึ่งเปิด เช่น การดื่มเหล้า จะย่องไปดื่มในพื้นที่ข้างเคียงได้หรือไม่ คงต้องเป็นเรื่องของความรับผิดชอบส่วนบุคคล ที่จะต้องร่วมมือและเฝ้าระวัง แต่มาตรการของจังหวัดลงไปถึงระดับอำเภอจะต้องเข้มข้นด้วย เช่น โรงเรียน เพราะในทุกพื้นที่จะต้องรู้จักเด็กนักเรียนเป็นอย่างดี หากรับทราบว่าเด็กนักเรียนคนไหนเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงจะต้องมีมาตรการ โดยผ่านการประชุมหารือในระดับโรงเรียนหรือสถานศึกษาเพื่อหารือว่าควรเฝ้าระวังและคัดกรองอย่างไร เรื่องดังกล่าวต้องเป็นการขอความร่วมมือ เนื่องจาก ศบค.ได้ย้ำแล้วว่าทางโรงเรียนสามารถกำหนดมาตรการให้มีการเรียนการสอนที่หลากหลาย นักเรียนที่อยู่ในพื้นที่สีเขียวสามารถเดินทางมาเรียนในโรงเรียนได้ แต่ถ้าเด็กส่วนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่สีแดงยังไม่มีความปลอดภัยที่จะเดินทางมาเรียนที่โรงเรียนต้องจัดระบบการเรียนออนไลน์ให้เด็ก ซึ่งจะดีกว่าการตัดเด็กออกว่าห้ามเข้ามาในโรงเรียน จึงขอให้ทุกๆ สถานที่การศึกษาและที่ทำงานทุกแห่งช่วยกันพัฒนานวัตกรรมเพื่อให้เกิดการเรียนการสอนการทำงาน ในลักษณะที่ไปด้วยกันได้ และเพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่ผู้ปกครอง
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม มีกรณีตัวอย่างในเขตของ กทม.ที่มีรายงานโรงงานรองเท้า ซึ่งโรงงานกับที่พักอยู่กันคนละที่ แต่พบว่าคนงานอยู่ในหอพักเดียวกัน ดังนั้น เจ้าตัวเองต้องระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงของตัวเอง สถานประกอบการเองต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในเรื่องการคัดกรองให้เป็นไปตามมาตรฐานของ สธ. และสิ่งที่ต้องการให้ทุกคนเห็น คือ ศปม. ทำงานหนักมาก เช่นที่ จ.สมุทรสาครแห่งเดียวมีการตั้งจุดตรวจคัดกรองจำนวน 11 ด่านด้วยกัน สามารถคัดกรองในวันเดียวได้ถึง 15,548 คน ขอความร่วมมือประชาชนหากจะต้องผ่านจุดคัดกรองให้ความร่วมมือ และขอฝากว่ามาตรการผ่อนคลายจะเกิดขึ้นแน่นอนในวันที่ 29 ม.ค. ถึงอย่างไรก็ตามเราทุกคนยังต้องร่วมมือกัน สธ.เองไม่ได้ลดการป้องกัน การตรวจค้นเชิงรุก การเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลทุกแห่ง ยังคงตั้งการ์ดสูงเพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่าเราจะดูแลทุกคนอย่างปลอดภัย