xs
xsm
sm
md
lg

ถล่ม"แก๊งมะตูม"ปกปิดข้อมูลทำโควิดลาม "อนุทิน"ลั่นเอาผิดกราวรููด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360- ผู้ป่วยโควิดรายใหม่เพิ่ม 819 ราย เสียชีวิตอีก1 ราย ศบค.ชุดล็ก ชงจัดโซนพื้นที่ใหม่ เหลือ"สมุทรสาคร"อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังปิดเกือบทุกกิจกรรม แต่คลายล็อกในพื้นที่อื่นให้ “นั่งดื่ม-กิน”ได้ถึง 5 ทุ่ม เปิดเรียนได้เกือบทุกจังหวัด “อาบ อบ นวด”เปิดได้ จำกัดผู้ใช้บริการ รอศบค.ชุดใหญ่เคาะ 29 ม.ค.นี้ “มะตูม”ผวากลัวตาย ไข้ขึ้นสูง 40 องศา หายใจติดขัด ขณะที่ 3 ผู้ป่วยร่วมก๊วนปาร์ตี้วันเกิดปกปิดข้อมูล โดนสังคมถล่มเละ ทำให้ต้องเรียงหน้าออกมาชี้แจงกันวุ่น พบแล้ว"ข้าวโอ๊ต AXIS"นักร้องที่ป่วยติดเชื้อจากปาร์ตี้วันเกิด "วิษณุ" เตรียมฟันผิดทั้งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.โรคติดต่อ ยกตัวอย่าง พวกหนีลงอ่าง "อนุทิน" สั่งขยายผลเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง

เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (27ม.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 819 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 808 ราย มาจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังและบริการ 92 ราย จากการค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 716 ราย ส่วนใหญ่พบใน จ.สมุทรสาคร และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 11 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มมีจำนวน 162 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย

สำหรับผู้เสียชีวิตรายที่76 เป็นชายไทย อายุ 56 ปี มีโรคประจำตัวหลอดเลือดสมองตีบ และเป็นผู้ป่วยติดเตียง

สมุทรสาครพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม749ราย

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใน จ.สมุทรสาคร ณ เวลา 24.00 น. วันที่ 26 ม.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 749 ราย เป็นการพบผู้ติดเชื้อจากการตรวจในรพ. 78 รายเป็นคนไทย 26 รายต่างด้าว 52 รายพบผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุก 714 ราย เป็นคนไทย 3 ราย ต่างด้าว 711 ราย จากการค้นหาเชิงรุก11,075 ราย เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อรอบใหม่อยู่ที่ 7,347 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหาย/จำหน่ายเคสแล้ว 3,652 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 2 ราย

จัดโซนพื้นที่ใหม่-สมุทรสาครควบคุมสูงสุด

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้พิจารณามาตรการจากกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเตรียมผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรม ในทุกพื้นที่ทั้งเรื่องการเรียนการสอน ร้านอาหาร เป็นต้น ยกเว้นจังหวัดสมุทรสาคร ที่ยังคงล็อกดาวน์กิจกรรมส่วนใหญ่ เพราะยังเป็นเพียงจังหวัดเดียวที่กำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

โฆษก ศบค. กล่าวว่า เบื้องต้นที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กยังคงให้ จ.สมุทรสาคร เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเพียงจังหวัดเดียว จากเดิม 5 จังหวัด ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด ลดจาก 23 จังหวัดเหลือ 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรปราการ นนทบุรี ส่วนพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) ปรับจาก 11 จังหวัด เป็น 20 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 38 จังหวัด เหลือ 17 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) มีอยู่ 35 จังหวัด

พร้อมกันนี้ สธ.ยังได้เสนอมาตรการผ่อนคลายต่อที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ให้พิจารณาก่อนจะเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 29 ม.ค. นี้ โดย จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สิ่งที่ปิดยังปิดเหมือนเดิม ทั้งนี้ มีข้อเสนอให้เปิดได้บ้างคือ ตลาดนัด ร้านอาหารที่ให้เปิดแบบซื้อกลับไปบริโภค ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ไม่เกิน 21.00 น.โรงงานที่มีมาตรการป้องกันและติดตามโรค อย่างไรก็ตาม จากเดิมพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เป็นพื้นที่สีแดงเข้มทั้งหมด แต่ข้อเท็จจริงแล้วที่ อ.บางแพ้ว ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อ จึงจะให้อำนาจจังหวัดเป็นผู้พิจารณาสำหรับโอกาสในการเปิดกิจการและกิจกรรมลงเป็นรายอำเภอ

สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด ยังคงให้ปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ ขณะที่ร้านอาหารให้นั่งรับประทานได้แบบเว้นระยะห่าง เปิดได้ไม่เกินเวลา 23.00 น.และจำกัดเวลาการจำหน่ายแอลกอฮอล์ไม่เกินเวลา 23.00 น. แสดงดนตรีได้ แต่งดการเต้นรำ ส่วนพื้นที่ที่เหลืองจะมีการผ่อนคลายไปตามลำดับ

ส่วนการประชุมสัมมนาในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและพื้นที่ควบคุม จำกัดผู้เข้าร่วมไม่เกิน 100 คน งดการดื่มสุราและแสดงดนตรี ขณะที่พื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่เฝ้าระวัง จำกัดผู้เข้าร่วมไม่เกิน 300 คน งดการดื่มสุราและแสดงดนตรี

ส่วนเรื่องการเปิดการเรียนการสอน ทุกพื้นที่เปิดได้เกือบทั้งหมด เช่นเดียวกับ กทม.และปริมณฑลที่เปิดได้ แต่ต้องคำนึงถึงมาตรการในการป้องกันโรค เช่น การสลับเวลาเรียน การเว้นระยะห่าง หรือการสอนออนไลน์ ยกเว้น จ.สมุทรสาคร ที่ยังให้ปิดอยู่ ตรงนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ นอกจากนี้ ในส่วนบ่อนการพนันปิดทุกพื้นที่

ขณะที่สถานบริการ อาบน้ำ อาบ อบ นวด ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและพื้นที่ควบคุมให้ปิดสถานที่และงดบริการนอกสถานที่ ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่เฝ้าระวัง ให้เปิดใช้บริการได้ โดยจำกัดผู้ใช้บริการ ส่วนการแข่งขันชกมวยของพื้นที่ควบคุมสูงสุดและพื้นที่ควบคุมสามารถแข่งขันได้แบบไม่มีผู้ชม แต่พื้นที่เฝ้าระวังสูงและเฝ้าระวังสามารถจัดการแข่งขันและมีผู้ชมตามเกณฑ์ที่กำหนดได้ ทั้งนี้ ขอให้ติดตามผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 29 ม.ค.นี้

"มะตูม"ไข้สูง 40 องศาหายใจติดขัด

กรณี "ดีเจมะตูม" เตชินท์ พลอยเพชร ที่ติดเชื้อโควิด ท่ามกลางข่าวลือสารพัด ล่าสุด "มดดำ" คชาภา ตันเจริญ ได้เผยผ่านรายการแฉ เมื่อคืนวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า มะตูมมีไข้ขึ้นสูง 40 องศา อีกทั้งยังรู้สึกหายใจติดขัด โดยมะตูมเผยหวาดๆ กับมดดำว่า ตนเองจะตายไหม

อย่างไรก็ตาม มะตูม ยืนยันผ่านรายการว่า ในงานปาร์ตี้ไม่มีดารามาร่วมงานด้วย ส่วนที่มีชื่อหนุ่ม“ปีโป้ ฮอร์โมน”ณัชพัณณ์ ปรมะเจริญโรจน์ ว่าไปโผล่ในงานด้วยนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่มีเพื่อนที่ติดโควิดชื่อปีโป้ เป็นคนละคนกัน

ก๊วนปาร์ตี้วันเกิด "ดีเจมะตูม" ไม่เปิดไทม์ไลน์

ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกของกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กเอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง - Earth Pongsakorn Kwanmuang สรุปพบผู้ติดเชื้อในกทม.ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 63 ถึงวันที่ 26 ม.ค. 64 (721 ราย) เป็นคนต่างจังหวัดที่ Admit รพ.ในพื้นที่ กทม. 153 รายและเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่ กทม. 568 ราย

ทั้งนี้ การติดเชื้อในประเทศ ส่วนใหญ่มาจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน ที่เป็นคนในครอบครัวหรือจากคนในที่ทำงาน การไปสถานบันเทิง/สถานที่ชุมชน และการตรวจเชิงรุกในตลาด และชุมชนมีไทม์ไลน์ แถลงไปแล้ว 643 ราย และวันนี้ มีไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อที่อยู่ใน กทม. ซึ่งได้สอบสวนโรคเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพิ่มอีก 15 ราย

โดยไทม์ไลน์ผู้ป่วยรายที่ 647 เป็นชาย อาชีพนักร้อง นักแสดง ผู้ป่วยรายที่ 657 เป็นชาย อาชีพ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และผู้ป่วยรายที่ 658 เป็นชาย อาชีพ เจ้าหน้าที่รัฐ โดยผู้ป่วยทั้ง 3 คน พบประวัติเดินทางไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนวันที่ 9 ม.ค.และ16 ม.ค.ซึ่งผู้ป่วยทั้ง 3 ราย ไม่ได้ให้ข้อมูลไทม์ไลน์ใดๆ นอกจากไปร่วมงานวันเกิด

ต่อมา ร.ต.อ.พงศกร ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร แจ้งเคสปกปิดข้อมูล ขณะนี้ทีมสอบสวนโรคของ กทม. กำลังสอบสวนโรคเพิ่มเติม หากได้ข้อมูลจะ update timeline ทันที แต่หากยังปกปิดข้อมูล เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคจะแจ้งความกับทางตำรวจ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปครับ

รุมถล่มเละก๊วนปาร์ตี้วันเกิดไม่เปิดไทม์ไลนฺ

ด้าน "พชร์ อานนท์" โพสต์อินสตาแกรม ฉะนักร้องติดโควิด แต่ยังปิดบังข้อมูลว่า " พวกใครพวกมัน ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว มันต้องช่วยกัน ช่วยกันปิดบัง มันจะติดกันทั้งวงการ เห็นใจคนที่เขาทำตามมาตรการบ้าง อย่าเห็นแก่ตัว "

และอีกข้อความระบุว่า " CCTVโรงแรมอยู่ไหน เอามาดู มีดาราคนไหนไปบ้าง แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ชาวบ้านเขาจะได้ระวังตัว โควิดนะ ไม่ใช่ขี้กลากจะได้ทายาหายง่ายๆ "

ขณะเดียวกันได้มีคนวงการออกมาแสดงความเห็นพร้อมเรียกร้องให้ ผู้ติดเชื้อกลุ่มดังกล่าวแสดงตัวตน พร้อมทั้งให้ความร่วมมือและแจ้งข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการป้องการการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

ส่วนนายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรายการข่าวชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เพื่อนร่วมปาร์ตี้ "ดีเจมะตูม" จำนวนหนึ่งไม่ยอมให้ข้อมูล !! มีทั้งนักร้อง นักแสดง เจ้าหน้าที่รัฐ ย้ำนะครับมี "เจ้าหน้าที่รัฐ" ด้วย พวกคุณไปแอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ หรือไปทำสิ่งที่คนปกติเขาไม่ทำกัน หรือครับ ? ถึงเปิดเผยไม่ได้?

ทำไมภาครัฐต้องรับรักษาฟรีคนพวกนี้ ทั้งที่มันไม่ให้ความร่วมมือ? สันดาน !!

จากกรณีที่กรุงเทพมหานคร ได้เปิดเผยไทม์ไลน์ของผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งพบว่ามีผู้ป่วยได้ไปร่วมงานวันเกิดสถานที่เดียวกันกับดีเจมะตูม โดยทางผู้ป่วยไม่ให้ประวัติข้อมูลการเดินทางกับเจ้าหน้าที่

ขณะที่ ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร แจ้งเคสปกปิดข้อมูล ขณะนี้ทีมสอบสวนโรคของกทม. กำลังสอบสวนโรคเพิ่มเติม หากได้ข้อมูลจะ update timeline ทันที แต่หากยังปกปิดข้อมูล เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคจะแจ้งความกับทางตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558

“วิษณุ”ย้ำปกปิดไทม์ไลน์ ผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.โรคติดต่อ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ที่มีดารานักร้องชาย อายุ 23 ปี ซึ่งเกี่ยวพันกับกรณีปาร์ตี้วันเกิด ดีเจมะตูม ซึ่งไม่ยินยอมเปิดเผยข้อมูลไทม์ไลน์ ว่า การปกปิดข้อมูลถือว่า ผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ แต่จะต้องได้ความที่ชัดเจนก่อนว่าจงใจ หรือไม่ เพราะถ้าเพียงแค่ลืม ก็ช่วยไม่ได้ ไม่เป็นความผิดเพราะไม่เจตนา หากเปรียบเทียบกับตนเอง ตนเองก็ลืมได้เหมือนกันว่า ในแต่ละวัน ช่วงเวลานั้นเวลานี้ ได้พบเจอกับใครบ้าง หรือแม้ว่าอาจจะพบปะกับผู้คน แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่า เป็นใครบ้าง คงไม่รู้จักชื่อ และไม่สามารถให้เจ้าหน้าเรียกมาตรวจได้ ดังนั้นต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก

หากในไทม์ไลน์ที่เจ้าหน้าที่ผู้สอบสวนโรคระบุว่า ผู้ป่วยไม่ให้ข้อมูลก็สามารถระบุได้ แต่ถือเป็นการกล่าวหาให้กลัวไว้ก่อน แต่เมื่อถึงเวลาจะเอาถึงขั้นผิด ฟ้องร้องกันจริง ก็ต้องมีหลักฐาน เพราะการไม่ให้ข้อมูลจะต้องมีหลักฐาน แม้บางครั้งไม่ให้ข้อมูลก็จริง แต่เป็นเพราะลืม ดังนั้นเจ้าหน้าที่ก็ต้องลงไว้ว่า ไม่ให้ข้อมูล แต่ถ้าจะไปฟ้องร้องโดยระบุว่าไม่ให้ข้อมูลนั้น เป็นไปไม่ได้ แต่หากจะไปฟ้องต้องเป็นการไม่ให้ข้อมูล หรือปกปิด และต้องให้โจทก์พิสูจน์ให้ได้

ดังนั้นที่สุดแล้วต้องอยู่ที่เจตนาเป็นหลัก อย่างเช่น บางคนไปสถานบันเทิง อาบอบนวด แล้วติดโควิด-19 มาก็บอกไทม์ไลน์ทั้งหมด แต่ไม่กล้าบอกว่าไปที่สถานนั้นมา ซึ่งการไม่บอกนั้น เพราะอาจจะกลัวเมียรู้ ถ้าเป็นอย่างนี้สืบเจตนาได้ง่าย อีกตัวอย่างหนึ่งคือ ต้องการทำลายคู่แข่งของสถานบันเทิงนั้น ก็สามารถเอ่ยชื่อร้านคู่แข่งนั้นได้ อย่างนั้นถือว่าผิด เพราะมีเจตนา

นายวิษณุ กล่าวว่า การไม่อยากให้ข้อมูลไทม์ไลน์ต่อเจ้าหน้าที่นั้น ทำไม่ได้ ซึ่งเขาคงคิดว่าถ้าให้แล้วอาจผิด จึงคิดว่าไม่ให้เสียเลยก็อาจจะไม่ผิด ส่วนกรณีที่มีผู้ป่วยบางรายมีอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องโดนด้วยทั้งนั้น ส่วนที่สื่อถามว่าจะมีความผิดทางวินัยอีกกระทงหนึ่งหรือไม่ เอาไว้เป็นเรื่องในอนาคต เพราะการเอาผิดทางวินัย ส่วนใหญ่จะอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่ หากไม่ใช่หน้าที่ ก็ไม่ใช่วินัย

รองนายกฯ สั่งสอบผู้เกี่ยวข้องปาร์ตี้ดีเจดัง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ถ้าปกปิดถือเป็นการให้การเท็จ โดยจะผิดกฎหมายในลักษณะให้การเท็จกับเจ้าพนักงาน ต้องดำเนินคดี ซึ่งตนจะสั่งการให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ไปตรวจสอบมีใครเกี่ยวข้องบ้าง ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ปกปิดข้อมูลเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ รวมถึงตรวจยสอบสถานที่จัดงานมีการเปิดเกินเวลา 21.00 น.หรือไม่ มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

คอนเฟิร์ม "ข้าวโอ๊ต AXIS" ติดเชื้อปาร์ตี้วันเกิด

หลังจากถูกกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก ผู้ที่ถูกจับตามองว่าจะเข้าข่ายเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อที่เข้าร่วมงานวันเกิดดีเจมะตูม โดยเฉพาะนักร้องบอยแบน์ วง AXIS ที่ถูกเพ่งเล็งมากที่สุด ได้ทยอยออกมาปฏิเสธและไม่ได้ร่วมปาร์ตี้วันเกิดดังกล่าว ทั้ง บัส นรวิชญ์, แพน, โจเซฟ สิรภัทร และคอนเน็ค-ภูมิพัฒน์ ที่ออกมาปฏิเสธ ยกเว้น ข้าวโอ๊ต คริษฐ์ พรรณธรรม หัวหน้าวง AXIS

ล่าสุด "ดอร์เช่ ธีรเดช" ผู้จัดการส่วนตัวของ ข้าวโอ๊ต คริษฐ์ พรรณธรรม หัวหน้าวง แอคซิส ได้ออกมายอมรับ ว่า โอ๊ต ไปร่วมเซอร์ไพรซ์วันเกิดดีเจมะตูม ที่คอนโดในคืนวันที่ 8 ม.ค. 64 จริง และได้เดินทางไปโรงแรมบันยันทรีในวันที่ 9 ม.ค. เพื่อไปพบกับเพื่อนสนิทที่เดินทางมาร่วมปาร์ตี้วันเกิดดีเจมะตูม แต่โอ๊ตไม่ได้เข้าไปในงาน หลังจากพบเพื่อนคืนนั้นแล้วจึงเดินทางกลับ

กระทั่งมีอาการป่วยประกอบกับเห็นข่าวดีเจมะตูมติดโควิด-19 โอ๊ตจึงได้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเมื่อวันที่ 20 มกราคม แพทย์แจ้งว่า โอ๊ต มีเชื้อโควิด-19 ประมาณ 5% จึงให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อรอผลแน่ชัดในวันที่ 31 มกราคม ว่าหายหรือเป็นโควิด-19 ชัดเจน 100%

อย่างไรก็ตาม โอ๊ต จะวิดีโอคอลเพื่อเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดพร้อมทั้งไทม์ไลน์ละเอียดยิบ กับ มดดำ ในรายการ แฉ คืนนี้ระหว่างเวลา 21.30-23.00 น ทางช่อง GMM25 ขอยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาปกปิดไทม์ไลน์แต่อย่างใด

ขณะเดียวกันผู้จัดการประชาสัมพันธ์ ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ หนึ่งในผู้ติดเชื้อ ได้โพสต์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่ได้ปกปิดข้อมูล โดยว่า “ก่อนอื่นต้องชี้แจงทุกคนก่อน ตามข่าวที่ออกไปว่าเป็นบุคคลที่ปกปิด timeline ซึ่งที่จริงแล้วได้อธิบายดีแคลร์ timeline ของตัวเองอย่างละเอียดให้กับเจ้าหน้าที่ที่โทรมาสอบถาม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หลายท่านมาก ทั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิด timeline แต่อย่างใด ดังนั้นจึงขอชี้แจง timeline ของตัวเองตามที่ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอีกครั้ง และถ้ามีส่วนทำให้ใครเสียหาย เดือดร้อน ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยครับ”

ปกปิดไทม์ไลน์โควิดเจอคุก2ปีปรับ 4 หมื่น

สำหรับข้อกำหนด ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน(ฉบับที่ 17) ได้ระบุว่า "ผู้ติดเชื้อที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ"ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรคเป็นผลให้เชื้อโรคแพร่ออกไป อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ.2558

โดยโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่17 ได้กำหนดเอาไว้ว่า "ผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดซึ่งออกตามมาตรา9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ย่อมเป็นความผิดซึ่งอาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"


กำลังโหลดความคิดเห็น