xs
xsm
sm
md
lg

จุดไฟในนาคร...ฉบับอเมริกา!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระหว่างพิธีสาบานตนของโจ ไบเดน
อเมริกาช่วงนี้...ต้องเรียกว่า “เละเป็นขี้-เละเป็นโจ๊ก” ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ “ภายในประเทศ” หรือ “นอกประเทศ” ก็ตามที ชนิดถือเป็นการ “ท้าทาย” ขีดความสามารถของคนแก่ คนชรา ที่ออกจะหงำเหงอะ ง่วงเหงาและหาวนอน อย่าง “ผู้เฒ่าโจ” ผู้ซึ่งกำลังเข้าสาบานตนเป็นประธานาธิบดีอีกแค่ไม่ถึง 10 วันนับจากนี้ กันเป็นจำนวนมิใช่น้อย...

คือสำหรับ “ภายในประเทศ” อย่างเป็นที่รู้ๆ กันโดยถ้วนหน้านั่นแหละว่า ไม่เพียงแค่อเมริกันชนที่ต้องติดเชื้อโควิดไปแล้วระดับสิบล้าน ยี่สิบล้าน ตายไปแล้วไม่รู้กี่แสนต่อกี่แสนคน กระทั่ง “ลิงอุรังอุตัง” ในสวนสัตว์ “San Diego Zoo Safari Park” ยังทั้งไอ ทั้งจาม เหนื่อยหอบไม่เหลือเรี่ยว เหลือแรง ปุ่มรับรสอาหารไม่ทำงาน ฯลฯ เพราะดันติดเชื้อโควิดไปแล้วถึง 2 ตัว 3 ตัวซ้อนๆ ด้วยเหตุเพราะคนเลี้ยง หรือเพราะเหตุใดๆ ก็แล้วแต่ แม้กระทั่ง ส.ส.เดโมแครต ซึ่งพยายามเผ่นหนีพวกม็อบ “อเมริกันชู 3 นิ้ว” ที่บุกรัฐสภาอเมริกา เมื่อสองวันก่อน (6 ม.ค.) หลบเข้าไปในห้องนิรภัยของสภาฯ ยังต้องออกมากล่าวหาพวกนักการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม หรือพวก ส.ส.รีพับลิกันที่ดันไม่คิดจะสวมหน้ากาก แต่ตามเข้าไปหลบด้วย ว่าคือผู้แพร่เชื้อ ทำให้ตัวเองต้องติดโควิดตามไปด้วยอย่างช่วย-ม่าย-ล่าย!!!

ขณะที่ความแตกต่าง แตกแยก ภายในสังคมอเมริกันมีแต่จะลุกลามบานปลาย ยิ่งเข้าไปทุกที รั้งไม่หยุด-ฉุดไม่อยู่-กู่ไม่กลับระดับหน่วยงานความมั่นคงแห่งรัฐ อย่าง “FBI” ต้องออกเอกสารภายในเมื่อช่วงวันจันทร์ (11 ม.ค.) ที่ผ่านมา เตือนเอาไว้ถึงความเป็นไปได้ ที่จะเกิดการลุกฮือด้วยอาวุธ ในทั่วทั้ง 50 รัฐ หรือทั่วทั้งประเทศอเมริกา โดยเฉพาะถ้าหากฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ยังพยายามไล่บด ไล่บี้ ไล่กระทืบอีกฝ่าย อย่างไม่คิดจะลดราวาศอก ไม่ว่าจะเป็นผู้ซึ่งกำลังกลายเป็นอดีตประธานาธิบดี อย่าง “ทรัมป์บ้า” ที่ถูกพวกเดโมแครต พยายามตามไปถอดถอน (Impeachment) ทั้งๆ ที่ใกล้จะลาโรงอีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง ว่ากันว่า...การวางแผนลุกฮือด้วยอาวุธคราวนี้ อาจถึงขั้นบุกเข้าสู่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หรืออาจเตรียมก่อเหตุ ก่อการระหว่างพิธีสาบานตนของ “ผู้เฒ่าโจ” หรือไม่ อย่างไร ก็ยังมิอาจสรุปได้ชัดเจน...

ส่วนการไล่ล่า ไล่กระทืบ ผู้ซึ่งกำลังกลายเป็นอดีตประธานาธิบดี รวมทั้งบรรดาผู้สนับสนุนในโลกเสมือนจริง หรือโลกโซเชียล มีเดียทั้งหลาย ที่ออกจะหนักหน่วง รุนแรงไม่แพ้กัน โดยบรรดาพวก “สื่อยักษ์ใหญ่ไฮเทค” ในแต่ละราย ที่รวมหัว รวมตัว ไม่ว่าตั้งแต่ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก กูเกิล แอมะซอน ฯลฯ ถึงขั้นพยายามปิดปาก ปิดจมูก หรือถึงขั้นพร้อมทำลายหลักการพื้นฐานว่าด้วย “เสรีภาพในการพูด” (Free Speech) จนทำให้ใครต่อใครต้องออกมาแสดงความ “ไม่เห็นควรด้วย” เป็นจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าผู้นำเยอรมนีและอีกหลายต่อหลายประเทศ แต่เฉพาะในสังคมอเมริกัน ก็ได้ก่อให้เกิด “ปฏิกิริยา” ต่อต้าน ที่เอาเรื่องอยู่พอสมควรทีเดียว คือส่งผลให้พวกปีกขวาแทบทั้งกะบิ หันไปสมัครเป็นสมาชิกแพลตฟอร์มคู่แข่ง (Parler) กันแทนที่ จน “หุ้นทวิตเตอร์” ตกจากหอคอย่น ไปแล้วถึง 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินไม่น้อยไปกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์เอาเลยถึงขั้นนั้น และยังกลายเป็นตัวจุดประกายให้ “ไฟลามทุ่ง” ต่อไปได้เรื่อยๆ...

ถึงขนาด “สมาคมปืนไรเฟิล” (The National Rifle Association of America-NRA)ที่มีพวกชอบ “พกปืน” ในสังคมอเมริกันเป็นสมาชิกนับเป็นล้านๆ หรือถือเป็นสมาคมที่ใหญ่ที่สุดเอาเลยก็ว่าได้ ต้องเริ่มออกมาชี้แนะ ชี้นำ บรรดาสมาชิกให้ระมัดระวังตัวเอาไว้ให้จงหนัก และติดตามข่าวสารการเมืองโดยละเอียด โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวล่า-มาเรือ หรือ “ข่าวลือ” ออกมาอย่างเป็นระลอกว่า ว่าที่ประธานาธิบดีรายใหม่อย่าง “ผู้เฒ่าโจ” นั้น กำลังเตรียมออกคำสั่งให้อเมริกันชนเลิกพกปืน หรืออาจถึงขั้นคิดยุบเลิกสมาคม “NRA” เอาเลยก็ไม่แน่!!!

หรือพูดง่ายๆ ว่า...สังคมอเมริกันทุกวันนี้ กำลังเต็มไปด้วยอาการ “สวิงไป-สวิงมา” ชนิดหา “จุดกึ่งกลาง” หรือหาพวก “มัชฌิมาปฏิปทา” แทบไม่เจอ กลายเป็นสังคมที่ “ความแตกต่าง” กลายเป็น “ความแตกแยก” อย่างยากส์ส์ส์ที่จะประสานรอยร้าวได้ง่ายๆ แต่ภายใต้สภาพเช่นนี้นี่เอง กลับยิ่งทำให้ “สถานการณ์ภายนอก” ยิ่งเป็นอะไรที่เลวร้าย น่าเกลียด น่ากลัว ไม่น้อยไปกว่ากัน อันเนื่องมาจากพื้นฐานแห่งความเป็น “จ้าวโลก” ของอเมริกา ที่สามารถอาศัย “มาตรฐาน” แบบ “โถส้วม” หรือแบบ “American Standard” ไปชี้ผิด-ชี้ถูก ชี้ว่าอะไรเหมาะ อะไรควร กันไปในแทบทุกซีกโลกมาโดยตลอดนั่นเอง...

เพราะสิ่งเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้รัฐบาลอเมริกันของ “ทรัมป์บ้า” ที่กำลังหมดฤทธิ์ หมดเดช กำลังจะลาโรงไปในอีกไม่นาน-ไม่ช้ากลับสามารถฉวยโอกาส “วางระเบิด” เอาไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่ต้องหันมา “บ้าตาม” อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้เลย ไม่ว่าระเบิดเวลากรณีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศคู่กัดอย่าง อิหร่าน หรือจีน ก็ตาม โดยเฉพาะสำหรับจีนนั้น ต้องเรียกว่าหนักหนาสาหัสเอามากๆ คือถึงขั้นคิดจะยกเลิก “ข้อห้าม” ในการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กับไต้หวัน อันเท่ากับเป็นการแสดงออกถึงความพยายามที่จะยกเลิก “นโยบายจีนเดียว” หรืออาจหันไปรับรองความเป็น “เอกราช” ของไต้หวันเอาเลยก็ไม่แน่ โดยเตรียมที่จะส่งเจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงสุด อย่าง “นายKelly Craft” ทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ไปเยือนไต้หวันอย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์นี้ หรือภายใน 10 วันนับจากนี้ ตามคำพูด คำจา คำประกาศ ของรัฐมนตรีต่างประเทศ “นายไมค์ ปอมเปโอ” เมื่อช่วงวันเสาร์ (9 ม.ค.) ที่ผ่านมา...

นี่...อันนี้นี่แหละ ที่ทำให้รัฐบาลจีน ทางการจีน หนีไม่พ้นต้อง “ว๊ากก์ก์ก์...ตะลุ่งตุ้งแช่” ไม่ต่างไปจากอุปรากรจีน หรือ “งิ้วจีน” กันเห็นๆ โดยถ้าดูจาก “บทบรรณาธิการ” ของสื่อทางการจีนอย่าง “Global Times” เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าด้วยเรื่อง “China to respond to US provocations in next 10 day” ต้องเรียกว่า...ออกจะเป็นอะไรที่น่าสยดสยอง น่าขนลุกขนพอง พอสมควรทีเดียว คือถึงแม้รู้ทั้งรู้...ว่านี่คือการ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ ของผู้ซึ่งกำลังจะพ้นไปจากอำนาจ เพื่อให้พระเอกหนังจีน หรือหนังกำลังภายใน โดดเข้าไปสู่ “กับดัก” ของการนำเอา “ศัตรูภายนอก” มาใช้เป็นเงื่อนไขใดๆ ก็ตาม แต่ด้วยเหตุเพราะการกระทำดังกล่าว ถูกถือเป็น “การท้าทายครั้งสูงสุด” เท่าที่เคยเป็นมาในประวัติความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ อีกทั้งยังถือเป็นการปลุกปั่น ยุยง ส่งเสริม ให้บรรดาชาวไต้หวันที่กำลังคึกคะนอง อยู่กับความปรารถนาและต้องการที่จะเลิกล้มความคิดที่ว่าตัวเองเป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของจีน หรือของ “หนึ่งประเทศ-สองระบบ” ทางการจีนเลยคงเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องให้ “บทเรียนสั่งสอน” หรือต้อง “ตอบโต้อย่างจริงจังและรุนแรง” ภายในอีก 10 วันนับจากนี้ เพื่อให้ทั้งอเมริกาและไต้หวันได้เห็นถึง “ผลที่จะตามมา” ของแนวคิดดังกล่าว ว่าจะนำไปสู่ความฉิบหายวายป่วง ได้ถึงขั้นไหน???

แม้ว่าสื่อทางการของจีน...เขาจะไม่ได้แจกแจงรายละเอียด ถึงเนื้อหาใน “บทเรียนเร็วใหม่” ว่าจะดุเดือดเลือดพล่านไปถึงขั้นไหน ถึงจะทำให้บรรดาผู้ที่คิด “แยกดินแดน” ในไต้หวันรู้สึก รู้สา ขึ้นมามั่ง หรือเป็นการ “ตอกตะปูฝาโลง” ให้กับแนวคิดในการอาศัย “ศัตรูภายนอก” อย่างจีน มาเป็นทางออก ทางไป หรือ “ทางรอด” สำหรับสังคมอเมริกัน ที่กลัวจีน เกลียดจีน ไม่น้อยไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของอเมริกันชนไปแล้วทุกวันนี้ แต่การตอกย้ำให้เห็นว่า... “แม้ว่าสิ่งเหล่านี้ อาจส่งผลให้เกิดความตกตะลึงตาค้างต่อบทบาทความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ในช่วงระหว่างการเปลี่ยนถ่ายอำนาจของรัฐบาลอเมริกันก็ตาม” อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ประเทศเล็ก ประเทศน้อย อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา คงต้องคอยจับตาเอาไว้มั่ง อย่างมิอาจกะพริบตาได้เลย!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น