ทวิตเตอร์ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ 8 มกราคมว่า สั่งแบนแอคเคาต์ @realDonaldTrump ของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีผู้ติดตามถึง 88 ล้านคน เป็นการถาวรตลอดไป เพราะเป็นแอคเคาต์ที่มีความเสี่ยงที่จะยุยงให้เกิดความรุนแรง ภายหลังจากเหตุการณ์จลาจลที่สาวกทรัมป์บุก “แคปิตอล ฮิลล์” อาคารรัฐสภา ในวันที่ 6 มกราคม ที่มีผู้เสียชีวิต 5 คน
หนึ่งวันก่อนหน้านั้น มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ประกาศแบนทรัมป์ ไม่ให้ใช้เฟซบุ๊ก และอินสตราแกรมตลอดไป ด้วยเหตุผลเดียวกัน
ขณะที่กูเกิล แอปเปิล และแอมาซอน ต่างแบนแอพสนทนา ที่เป็นแหล่งปล่อยเฟกนิวส์ เฮชสปีชของพวกขวาจัด เหยียดผิว คลั่งทรัมป์ที่ถูกเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์บล็อกก่อนหน้านี้ แอพเหล่านี้ได้แก่ Parler, Telegram และ Gab เป็นต้น
ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก อ้างเสมอว่า แพลทฟอร์มของพวกเขา คือ เวทีของสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นของพลเมือง ตราบใดที่ไม่ละเมิดกฎของเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เวลาที่เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ได้รับการร้องขอจากรัฐบาลในประเทศต่างๆ ให้ลบ ข้อความหรือผู้ใช้ที่ใช้ข้อความที่สร้างความเกลียดชัง ข้อความเท็จ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ จะบอกว่า ทำไม่ได้ เพราะเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ต้องมีคำสั่งศาลจึงจะปิดได้
แต่ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กบล็อกโดนัลด์ ทรัมป์ โดยไม่ต้องรอคำสั่งศาล แม้ว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิของทรัมป์ เพราะเป็นเจ้าของแพลทฟอร์ม ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก จึงอยู่เหนือรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กปล่อยให้ทรัมป์ใช้แพลทฟอร์มของตน โจมตีฝ่ายตรงข้าม ทั้งพรรคเดโมแครต สื่อ ซีอีโอ แม้แต่นักการเมืองพรรคเดียวกันที่ไม่อยู่ข้างเขา รวมทั้งประชาชน ด้วยข้อความที่เป็นเท็จ รุนแรง และยั่วยุ ไม่สนใจต่อเสียงเรียกร้องของสังคมให้ยับยั้ง โดยอ้างว่า ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ประชาชนควรได้ฟังว่า ผู้นำของพวกเขาพูดอะไร
การจลาจลที่รัฐสภาวันที่ 6 มกราคม เกิดขึ้นเพราะทรัมป์และพรรคพวกของเขา ใช้โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะทวิตเตอร์ล้างสมอง สาวกของเขาให้เชื่อว่า ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่ถูกโกง
ยากล่อมประสาทชื่อ “โกงเลือกตั้ง” ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว หลังผลสำรวจคะแนนนิยมทรัมป์ตามหลังไบเดนอยู่หลายขุม ทรัมป์ทวีตว่า จะมีการโกงเลือกตั้ง ถ้าปล่อยให้มีการลงคะแนนทางไปรษณีย์
หลังปิดการลงคะแนนเสียงวันที่ 3 พฤศจิกายนไม่กี่ชั่วโมง ทรัมป์ประกาศชัยชนะผ่านทวิตเตอร์ แต่หลังจากนั้น สมาชิกในครอบครัวของเขา ทนายความใช้โซเชียลมีเดีย ปั่นกระแสว่า ทรัมป์ถูกโกง โดยใช้แฮชแทก Stop the Steal ซึ่งต่อมากลายเป็นชื่อกลุ่มที่เคลื่อนไหวเพื่อทรัมป์
ควบคู่กับการสร้างกระแสในโลกออนไลน์ ทรัมป์เคลื่อนไหวในโลกออฟไลน์ ฟ้องศาลกว่า 50 คดี ว่า การเลือกตั้งทุจริตตั้งแต่ศาลมลรัฐไปจนถึงศาลสูง ซึ่งศาลยกฟ้องทุกคดี แต่มันยิ่งทำให้คนที่เชื่อคำโกหกที่ว่า เขาถูกโกง ยิ่งปักใจเชื่อมากขึ้น
หลังการประชุมของคณะผู้เลือกตั้งวันที่ 14 ธันวาคมซึ่งลงคะแนนเลือกโจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่างเป็นทางการ ด้วยคะแนน 306 ต่อ 232 ทรัมป์ส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์นัดหมายให้ผู้นิยมพรรครีพับลิกันไปชุมนุมกันที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 6 มกราคม ซึ่งที่ประชุมร่วมรัฐสภา จะรับรองมติของคณะผู้เลือกตั้ง
วันที่ 19 ธันวาคม เขาทวีตซ้ำว่า “Be there Will be wild”- ไปร่วมชุมนุมแบบบึ้มๆ
หลังวันเลือกตั้ง 3 พฤศจิกายนจนถึงวันที่ 6 มกราคม ที่มีการบุกรัฐสภา ทรัมป์ สมาชิกครอบครัว และทนายความของเขา ทวีตข้อความเลือกตั้งทุจริต โกงบัตรเลือกตั้งกว่า 200 ข้อความ ถูกรีทวีตเกือบ 3.5 ล้านครั้ง และกดไลค์มากกว่า 9 ล้านครั้ง
ขณะเดียวกัน ในห้องแชทของกลุ่มขวาจัดอย่าง Qanon, The Proud Boys โพสต์คำแนะนำการเตรียมตัวสำหรับการปะทะ การลักลอบนำอาวุธเข้ามาในวอชิงตัน ดี.ซี. และปลุกระดมให้คนมาร่วมชุมนุมกันในวันที่ 9 มกราคม
ฝูงชนที่ไปชุมนุมกันในสวนสาธารณะหน้าทำเนียบขาว เที่ยงวันที่ 9 มกราคม ออกเดินไปที่รัฐสภาตามคำสั่งของทรัมป์ที่ออกมาปราศรัย และบุกเข้าไปในรัฐสภาไม่มีแกนนำในการชุมนุม ทุกคนต่างมาด้วยความเชื่อว่า คะแนนเสียงของพวกเขาที่เลือกทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีถูกขโมยไป เป็นความเชื่อที่เกิดขึ้นจากการถูกกล่อมประสาท ล้างสมองด้วยโซเชียลมีเดียติดต่อกันกว่า 2 เดือนว่า ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง แต่ถูกโกง
เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปลุกระดมมวลชนให้เชื่อ ให้ทำในสิ่งที่เป็นวาระซ่อนเร้นของผู้ปลุกระดม
ม็อบปลดแอก ม็อบ 3 นิ้วก็เช่นกัน ที่ถูกบ่มเพาะหล่อหลอมความเชื่อ ด้วยข้อมูลปั้นแต่ง ที่ถูกตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย ของเจ้าของม็อบ
แฟลชม็อบของพรรคอนาคตใหม่ ที่จัดขึ้นที่สกายวอล์ค ปทุมวัน เมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว หนึ่งวันหลังจาก กกต.ส่งคำร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะทำผิดกฎหมายพรรคการเมืองที่ห้ามกู้เงินไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ คนที่ไปร่วมชุมนุมเชื่อว่า พรรคอนาคตใหม่ ถูกกลั่นแกล้ง ตามข่าวที่ถูกปรุงแต่ง และปล่อยออกมาอย่างเป็นระบบ
เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบวันที่ 21 กุมภาพันธ์ การชุมนุมของนักศึกษา ในมหาวิทยาลัยก็เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันรุ่งขึ้น โดยมี # Save อนาคตใหม่ เป็นธงนำ ปลุกระดมมวลชนแบบเดียวกับที่ทรัมป์ใช้ #Stop the Steal สร้างนิยายเรื่องเขาถูกโกงเลือกตั้ง และระดมพวกขวาจัดไปบุกอาคารรัฐสภาในวันที่ 6 มกราคม
อย่างไรก็ตาม ทั้งการบุกอาคารรัฐสภาของสาวกทรัมป์ และแฟลชม็อบของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งพัฒนามาเป็นม็อบปลดแอกแบบบึ้มๆ จบด้วยความพ่ายแพ้เหมือนกัน เพราะเป้าหมายของการต่อสู้ เป็นแค่เรื่องโกหกในโลกโซเชียล ไม่ใช่ความจริงในโลกออฟไลน์