เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นระดับจังหวัดหรือ อบจ. ซึ่งมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 62.75 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่ำกว่า กกต.ตั้งเป้าไว้ร้อยละ 17.75 เป็นปัญหาที่ กกต.จะต้องนำไปวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแก้ไขในการเลือกตั้งครั้งต่อไป และในการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ ยังมีปรากฏการณ์ทางการเมือง ที่น่าจะได้นำมาวิเคราะห์อีกประการหนึ่ง นั่นก็คือ ผู้สมัครในตำแหน่งนายก อบจ.ซึ่งคณะก้าวหน้าภายใต้การกำกับดูแลของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 42 คนไม่ได้รับเลือกแม้แต่คนเดียว ทั้งๆ ที่ในการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อครั้งที่ผ่านมา ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ภายใต้การนำของนายธนาธร ได้รับเลือกเข้ามาเกินความคาดหมาย แซงหน้าพรรคการเมืองเก่าแก่เช่น พรรคประชาธิปัตย์ชนิดที่คาดไม่ถึง
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คณะก้าวหน้าพ่ายแพ้ และความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ส่งผลกระทบทางการเมืองในอนาคตของคนกลุ่มนี้อย่างไร?
ก่อนที่จะตอบปัญหาดังกล่าวข้างต้น ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านทำใจเป็นกลาง และมองปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในอดีต จากวันที่มีการเลือกตั้ง ส.ส.มาจนถึงวันที่เลือกตั้งนายก อบจ.ก็พออนุมานได้ว่า ความพ่ายแพ้ของคณะก้าวหน้า น่าจะเกิดจากเหตุปัจจัยทางการเมืองดังต่อไปนี้
1. ในขณะที่มีการเลือกตั้ง ส.ส.ภาพลักษณ์ทางการเมืองไทยตกต่ำ โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในระบอบเผด็จการ 5 ปีกว่าไม่เป็นที่พอใจของประชาชน เนื่องจากล้มเหลวในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาทุจริต คอร์รัปชันในภาครัฐ
ดังนั้น เมื่อพรรคอนาคตใหม่ภายใต้การนำของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ประกอบกับนโยบายบางประการของพรรคนี้ตรงกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ จึงได้รับความนิยมชมชอบ ด้วยหวังว่าจะมาช่วยกอบกู้ประเทศไทยได้ และนี่เองคือสาเหตุทำให้เส้นทางการเมืองของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และเพื่อนร่วมอุดมการณ์โดดเด่นขึ้น
2. แต่ในการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ทางการเมืองของนายธนาธร และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ได้ตกต่ำลง เมื่อมีการชุมนุมทางการเมือง และแกนนำของการชุมนุมหลายคนได้โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยถ้อยคำหยาบคายไร้วัฒนธรรม จึงเป็นเหตุให้เกิดกลุ่มปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาชุมนุมคู่ขนานไปกับกลุ่มแรก และจากความขัดข้องผู้ชุมนุมสองกลุ่มได้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแกนนำที่โจมตีสถาบันกับกลุ่มนายธนาธร รวมไปถึงได้นำพฤติกรรมในอดีตของคนกลุ่มนี้มาเปิดเผย จึงทำให้กระแสต่อต้านเส้นทางการเมืองของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และเพื่อนร่วมอุดมการณ์เกิดขึ้นในทุกๆ ที่ กลุ่มนี้ลงพื้นที่ไปปราศรัยหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.และนี่เองคือสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้
ส่วนประเด็นที่ว่า ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบถึงเส้นทางการเมืองของคณะก้าวหน้าอย่างไรนั้น พอจะอนุมานในเชิงตรรกะได้ดังนี้
1. ถ้าการชุมนุมในทางการเมืองของกลุ่มคนที่มุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังคงดำเนินต่อไป และบุคคลบางคนหรือทั้งกลุ่มของคณะก้าวหน้า ยังมีพฤติกรรมโยงใยกับแกนนำของการชุมนุม เฉกเช่นในอดีต การเลือกตั้งในครั้งต่อๆ ไปคงจะมีผลไม่ต่างไปจากการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ผ่านมา
2. ในทางตรงกันข้าม ถ้านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ถอนตัวจากแกนนำโดยสิ้นเชิง และพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า พร้อมที่จะแก้ไขเส้นทางการเมืองของตนเอง โดยเน้นการปรับปรุงแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยไม่ไปเกี่ยวข้องกับการโจมตีสถาบัน ดังที่แกนนำของที่ชุมนุมเป็นมาแล้ว ผู้เขียนเชื่อว่า สังคมคงให้อภัย และให้โอกาสแก้ตัวใหม่ แต่คงจะใช้เวลาในการยอมรับ
สุดท้ายขอจบด้วยกลอนบทนี้
อดีตพลาดพลั้ง ยังแก้ไข
ถ้าคนไม่หลงตน จนมืดมิด
ปล่อยให้อวิชชา มาครอบงำดำสนิท
ทำชีวิต ตกเหว ความเลวทราม