“บิ๊กตู่” เผยช่วงปีใหม่ทำงานตลอดไม่มีวันหยุด ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ควบคู่แก้ปัญหา ศก. เผย 1-2 เดือนได้วัคซีนส่วนแรก 2 ล้านโดสช่วยบุคลากรทางการแพทย์ จองต่ออีก 6 ล้านโดส วอนประชาชนไปพื้นที่เสี่ยงล็อกดาวน์ตัวเอง 14-15 วัน ระบุไม่อยากล็อกดาวน์ประเทศ เปรยบางเรื่องพูดได้แต่บางเรื่องพูดไปแล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่
วันนี้ (4 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ถือเป็นการทำงานวันแรก ซึ่งจริงๆแล้วตนก็ทำงานทุกวัน ช่วงที่ผ่านมาได้หารือกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. มาโดยตลอด ในการติดตามสถานการณ์และกำหนดมาตรการต่างๆออกมา แน่นอนต้องมีความเดือดร้อนกันอยู่บ้าง ซึ่งเราต้องช่วยกัน ไม่ใช่รัฐบาลทำแต่เพียงฝ่ายเดียว แม้จะออกมาตรการ เจ้าหน้าที่ทำงาน จะสำเร็จไม่ได้ ต้องร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย แต่ตนไม่โทษใคร แต่ก็ต้องหาทางว่าจะทำอย่างไร ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดเวลาในทุกๆเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะโควิด-19 หลายเรื่องที่ควรจะแก้ได้แต่ก็แก้ไม่ได้ เพราะคนมีจำนวนมาก ถ้าพูดก็พูดได้ แต่การกระทำต้องดูว่าคนเรามีเท่าไหร่ 70 กว่าล้านคนมันก็ยาก แต่จะไม่ยากถ้าเราร่วมมือกัน
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในโอกาสวาระดิถีขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมา ทุกคนคงมีความสุขตามสมควร ได้อยู่กับครอบครัวบ้าง หลายคนมีโอกาสได้มาเที่ยวบ้าง อันนี้ขอให้ระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่ว่าจะมาตรการอะไรก็ตาม ถ้าไม่ทำตามมาตรการก็คือปัญหา ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน จะเกิดความรุนแรงขึ้นในสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตามตนได้กำหนดแนวทางไปแล้วในเรื่องการจัดหาเรื่องวัคซีนอะไรต่างๆเหล่านี้ คาดว่าประมาณ 1-2 เดือนจะได้ส่วนแรกมาก่อน ของประเทศหนึ่ง ตนจำเป็นต้องนำเข้ามา เพราะเป็นห่วงบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 2 ล้านโดส ที่เหลือจะต้องรอของอีกที่เราจองไว้จำนวน 6 ล้านโดส ซึ่งจะต้องมีการชี้แจงอีกครั้ง จะต้องปรึกษาหารือกับสาธารณสุขร่วมกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้หยุด และต้องให้กำลังใจ ศบค. แรงกดดันสูง รวมไปถึงพื้นที่ผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ตนทราบดี แต่อย่างไรก็ตามต้องขอความร่วมมือกับคนหมู่มาก เพราะเจ้าหน้าที่อย่างไรก็ไม่เพียงพอที่จะไปเฝ้าตรวจทุกคน ซึ่งทุกคนต้องรักครอบครัวตัวเอง รักคนอื่น รักสังคมด้วย อะไรที่เป็นความเสี่ยงก็อย่าไปทำ มันคงช่วยให้ลดลงได้บ้างในวันข้างหน้า หลายอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องแก้ปัญหา พร้อมกับแก้ไม่ให้เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง อยากให้ดูแลซึ่งกันและกันในปีใหม่นี้ ขอให้ปีนี้เป็นปีแห่งความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาทุกปัญหา ตนไม่นิ่งนอนใจทุกเรื่อง บางเรื่องอาจจะพูดได้ และบางเรื่องอาจจะไม่พูด แต่ตนก็ทำ และรอผลการปฏิบัติออกมา เพราะถ้าพูดก็เรื่องใหญ่เรื่องมากไป หลายอย่างก็จะเกิดกระแสต่อต้านก่อน ตนคิดอย่างนั้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องอะไรต่างๆทุกคนทราบดีอยู่แล้ว มันต้องลดลงแน่นอน รัฐบาลต้องหามาตรการที่เหมาะสม จะดูแลกันอย่างไร วันนี้เป็นห่วง 28 จังหวัดที่มีการแพร่เชื้อจำนวนมาก จะสามารถควบคุมได้ถ้าทุกคนอยู่ในจังหวัดไม่ไปไหนเลย มันก็จะแก้ได้เป็นจังหวัดๆไป แต่ถ้ายังไปมากันตลอดคงไม่ได้ ซึ่งผู้ว่าฯจะต้องเป็นผู้พิจารณาพื้นที่ของตนเอง ส่วนเรื่องผู้ว่าฯสมุทรสาครและภรรยาตนเป็นห่วง ได้ให้จัดดอกไม้ไปเยี่ยมให้กำลังใจให้หายโดยเร็ว ซึ่งท่านได้ทำงานคู่กับประชาชน และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งมียอดสูงขึ้น จังหวัดท่องเที่ยวก็ตัวเลขสูงขึ้น ตรงนี้จึงต้องกลับมาดูว่าเราคงต้องมีวินัยกันอย่างไร โดยที่ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมอะไรต่างๆเหล่านี้หรือควบคุมมากนัก เราต้องควบคุมตัวเองให้ได้เสียก่อนจะดีที่สุด รัฐบาลรับผิดชอบอยู่แล้วทุกเรื่อง หน้าที่ของรัฐบาลคือต้องรับผิดชอบว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าบ่อนการพนันยังเป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อโควิด นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวตนจัดการต่อเอง ส่วนการย้ายเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อปล่อยให้มีเหตุการณ์อย่างที่ว่า แต่ปัญหาอีกอันเราต้องหาวิธีการจะทำอย่างไร ซึ่งวันนี้ทราบดี เมื่อเราเข้มงวดมันก็ไม่ดี หลักฐานต้องให้มี เขากำลังทำอยู่ เมื่อถามว่าต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย แพทย์พบเชื้อที่กลายพันธุ์ นายกฯ กล่าวว่า เป็นจำนวนน้อย ซึ่งเชื้อพันธุ์ใหม่ตนฟังทางการแพทย์มาแล้ว รวมทั้งโทรทัศน์ในต่างประเทศตนก็เปิดดู เขาบอกว่ามันคือเชื้อโควิดเหมือนเดิม คำว่ากลายพันธุ์ใหม่คือมันสู้กับสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น ติดเชื้อได้ง่ายกว่าเดิม เดิมของเราเว้นระยะห่าง 90 เซนติเมตรหรือ 1 เมตร มันปลอดภัย และต้องใส่หน้ากากด้วย น้ำลายก็ไม่ฟุ้งกระจาย แต่เชื้อใหม่แพร่ได้เร็วขึ้น แต่ท้ายที่สุดต้นตอคือโควิด ตนฟังจากต่างประเทศด้วย
เมื่อถามว่าเรื่องการพักชำระหนี้จะมีการพิจารณาหรือไม่ เพราะผู้ประกอบการร้องมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ อันเก่ายังไม่จบ เมื่อมีสถานการณ์ใหม่เกิดขึ้นก็ต้องดูว่าอะไรจะทำต่อ จำเป็นต้องทำต่อก็ทำให้ ขณะเดียวกันต้องมีวิธีการหาเงินมาใช้ด้วย ถ้ายังบอกว่าต้องช่วยๆแต่เอาเงินมาจากไหนไม่ได้เลยก็จบ เมื่อถามว่าหลังจากช่วงปีใหม่จบลงจะต้องใช้เวลาในการประเมินตัวเลขการแพร่ระบาดอย่างไร ที่จะยกระดับมาตรการควบคุมเพิ่มขึ้น นายกฯกล่าวว่า ตอนนี้มีการประเมินสถานการณ์ทุกวันและจะดู 14-15 วันประมาณนั้น นั่นคือระยะปลอดภัย ทุกคนถ้ารู้ว่ามีความเสี่ยงก็ควรจะอยู่บ้าน 14-15 วัน ซึ่งวันนี้ก็เริ่มมีการเวิร์คฟอร์มโฮม โรงเรียนก็ปิด และส่วนอื่นๆก็ปิด เว้นแต่ที่ไหนมีมาตรการรัดกุม
“เราไม่อยากล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ท่านก็รู้ว่าปัญหาคืออะไร ฉะนั้นท่านล็อกดาวน์ตัวเองให้จะได้ไหม มันอยู่ที่ทุกคน ถ้าเราไม่อยากติดเชื้อก็ไม่ต้องไปไหน อยู่บ้าน 14-15 วัน ถ้าทุกคนคิดแบบนี้เดี๋ยวก็ปลอดภัย ก็จะคัดกรองคนได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าทุกคนยังไปมาหาสู่กันได้หมด คงตรวจสอบคน 70 ล้านคนไม่ไหว ไม่มีที่ไหนทำได้” นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่าถ้ารัฐบาลไม่มีคำสั่งเป็นไปได้ยากที่คนจะล็อกดาวน์ตัวเอง นายกฯ กล่าวว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องยากที่ประชาชนจะล็อกดาวน์ตัวเอง เอาแค่ใส่หน้ากาคุณทำได้หรือเปล่า ทำได้ไหม สื่อก็ต้องพูดให้คนใส่หน้ากาก ไม่ใช่มาถามอย่างนี้ๆ คุณต้องบอกให้คนเขาใส่หน้ากาก ตนไม่เห็นสื่ออันไหนเขียนเลย