"อรรถพล" เรียกประชุม ก.อ.ถกด่วน หลังเลขาฯครม.ส่งหนังสือ ระบุองคมนตรีสั่งทบทวนเสนอรายชื่อแต่งตั้ง "เนตร" ผู้สั่งไม่ฟ้อง"บอส อยู่วิทยา" เป็นอัยการอาวุโส และ"ปรเมศวร์"ที่ถูกดำเนินคดีเมาแล้วขับ เป็นผู้ตรวจอัยการ
จากกรณีที่เลขาธิการครม.ได้ทำหนังสือถึง อัยการสูงสุด ระบุว่า สำนักงานองคมนตรี ให้พิจารณาถึงความเหมาะสม และข้อมูลการเสนอบัญชีรายชื่อนายเนตร นาคสุข อดีต รองอัยการสูงสุด ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนความผิดวินัย กรณีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ในคดีขับรถยนต์ชนข้าราชการตำรวจเสียชีวิต เป็นอัยการอาวุโส เเละ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ผู้เคยถูกตั้งกรรมการสอบสวนชั้นต้น และอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีขับรถยนต์ในขณะมึนเมา เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเเต่งตั้งให้ดำรงตำเเหน่ง ผู้ตรวจการอัยการ เพื่อให้สำนักงานเลขาธิการครม. ก่อนส่งไปยังสำนักงานองคมนตรี เพื่อพิจารณาก่อนที่จะเสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนั้น
นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) กล่าวถึงเรื่องนีร้ว่ากรณีนายเนตร นั้นตนได้ทราบเรื่องในวันที่ 29 ธ.ค.63 ซึ่งเป็นวันที่มีการประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ส่วนกรณีของนายปรเมศวร์ เพิ่งได้รับทราบ วันที่ 2 ม.ค.64 จากการเสนอข่าวของสื่อมวลชน
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยในวันนี้ (4 ม.ค.) ตนจะเรียกอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ ในฐานะ เลขา ก.อ.เข้ามาหารือ เพื่อที่จะเรียกนัดประชุม ก.อ. วาระพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
ด้านนายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องนี้ว่า กรณีนายเนตร นั้นถือว่าเป็นบุคคลที่ คณะกก.ชุดนายวิชา มหาคุณ ระบุว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งคดีที่ไม่สุจริต เพื่อช่วยเหลือ นายวรยุทธ อยู่วิทยา ส่วน นายปรเมศวร์ ก็มีคดีเมาแล้วขับ จึงมีคำถามว่า ใครต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวคิดว่า คนที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบคือ คณะกรรมการอัยการ ที่มีมติแต่งตั้งบุคคลทั้งสอง ทั้งๆ ที่มีคดีความติดตัว แต่กลับอ้างระเบียบว่า สามารถแต่งตั้งได้ เพราะผลสอบยังไม่ถึงที่สุด โดยไม่มีมโนสำนึกในหลักคุณธรรม จริยธรรมในการพิจารณา ทำแบบลูบหน้าปะจมูก เข้าด้วยช่วยเหลือกัน สิ่งที่เกิดขึ้น จึงนำมาซึ่งความเสื่อมขององค์กรอัยการ อย่างปฏิเสธไม่ได้
"รายชื่อที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ทุกรายชื่อ ต้องไม่มีความมัวหมอง หลังจากนี้คณะกรรมการอัยการ ต้องทบทวนรายชื่อที่มีปัญหา แก้ไขมติที่ผิดพลาดของตัวเองเสีย อย่าอ้างแต่ตัวบทของกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของฝ่ายใดฝายหนึ่ง การการตีกลับบัญชีแต่งตั้ง ยิ่งสะท้อนความฟอนเฟะขององค์กรยิ่งขึ้น ถ้าไม่อยากเห็น 125 ปี ของอัยการต้องมาล่มสลายในยุคนี้ ควรปฏิรูปองค์กรอัยการโดยด่วน " นายเชาว์ ระบุ
จากกรณีที่เลขาธิการครม.ได้ทำหนังสือถึง อัยการสูงสุด ระบุว่า สำนักงานองคมนตรี ให้พิจารณาถึงความเหมาะสม และข้อมูลการเสนอบัญชีรายชื่อนายเนตร นาคสุข อดีต รองอัยการสูงสุด ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนความผิดวินัย กรณีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ในคดีขับรถยนต์ชนข้าราชการตำรวจเสียชีวิต เป็นอัยการอาวุโส เเละ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ผู้เคยถูกตั้งกรรมการสอบสวนชั้นต้น และอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีขับรถยนต์ในขณะมึนเมา เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเเต่งตั้งให้ดำรงตำเเหน่ง ผู้ตรวจการอัยการ เพื่อให้สำนักงานเลขาธิการครม. ก่อนส่งไปยังสำนักงานองคมนตรี เพื่อพิจารณาก่อนที่จะเสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนั้น
นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) กล่าวถึงเรื่องนีร้ว่ากรณีนายเนตร นั้นตนได้ทราบเรื่องในวันที่ 29 ธ.ค.63 ซึ่งเป็นวันที่มีการประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ส่วนกรณีของนายปรเมศวร์ เพิ่งได้รับทราบ วันที่ 2 ม.ค.64 จากการเสนอข่าวของสื่อมวลชน
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยในวันนี้ (4 ม.ค.) ตนจะเรียกอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ ในฐานะ เลขา ก.อ.เข้ามาหารือ เพื่อที่จะเรียกนัดประชุม ก.อ. วาระพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
ด้านนายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องนี้ว่า กรณีนายเนตร นั้นถือว่าเป็นบุคคลที่ คณะกก.ชุดนายวิชา มหาคุณ ระบุว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งคดีที่ไม่สุจริต เพื่อช่วยเหลือ นายวรยุทธ อยู่วิทยา ส่วน นายปรเมศวร์ ก็มีคดีเมาแล้วขับ จึงมีคำถามว่า ใครต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวคิดว่า คนที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบคือ คณะกรรมการอัยการ ที่มีมติแต่งตั้งบุคคลทั้งสอง ทั้งๆ ที่มีคดีความติดตัว แต่กลับอ้างระเบียบว่า สามารถแต่งตั้งได้ เพราะผลสอบยังไม่ถึงที่สุด โดยไม่มีมโนสำนึกในหลักคุณธรรม จริยธรรมในการพิจารณา ทำแบบลูบหน้าปะจมูก เข้าด้วยช่วยเหลือกัน สิ่งที่เกิดขึ้น จึงนำมาซึ่งความเสื่อมขององค์กรอัยการ อย่างปฏิเสธไม่ได้
"รายชื่อที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ทุกรายชื่อ ต้องไม่มีความมัวหมอง หลังจากนี้คณะกรรมการอัยการ ต้องทบทวนรายชื่อที่มีปัญหา แก้ไขมติที่ผิดพลาดของตัวเองเสีย อย่าอ้างแต่ตัวบทของกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของฝ่ายใดฝายหนึ่ง การการตีกลับบัญชีแต่งตั้ง ยิ่งสะท้อนความฟอนเฟะขององค์กรยิ่งขึ้น ถ้าไม่อยากเห็น 125 ปี ของอัยการต้องมาล่มสลายในยุคนี้ ควรปฏิรูปองค์กรอัยการโดยด่วน " นายเชาว์ ระบุ
