“เชาว์” บี้ปฏิรูปอัยการ หลังสำนักนายกฯ ตีกลับชื่อ “เนตร-ปรเมศวร์” 2 อัยการฉาว ไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ชี้ กอ.ต้องรับผิดชอบฐานตั้งคนมีมลทิน แนะเลิกคุมกฎแบบลูบหน้าปะจมูก เร่งสะสางความเน่าเหม็นในองค์กร หวั่น 125 ปีอัยการ ถึงคราวล่มสลาย
วันนี้ (3 ม.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่องสำนักนายกฯ ตีกลับบัญชีแต่งตั้งอัยการ สะท้อนชัดว่าต้องปฏิรูปองค์กรอัยการโดยด่วน กลายเป็นข่าวอื้อฉาวอีกครั้งสำหรับสำนักงานอัยการสูงสุดหลังมีข่าวว่า สำนักนายกรัฐมนตรีตีกลับบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายอัยการ เนื่องจากมีชื่อฉาวของอัยการ 2 รายที่ไม่ควรได้รับการแต่งตั้ง ประกอบด้วย นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการอัยการให้เป็นอัยการอาวุโสสำนักงานอัยการจังหวัดพระโขนง ทั้งๆ ที่เป็นบุคคลที่คณะกรรมการชุดนายวิชา มหาคุณ ระบุชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการสั่งคดีที่ไม่สุจริต เพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส คดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และอีกรายหนึ่งคือ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ให้เป็นผู้ตรวจการอัยการ ทั้งที่มีคดีเมาแล้วขับ 2 รายชื่อที่มีมลทินนี้เป็นสาเหตุทำให้การแต่งตั้งอัยการนับพันต้องสะดุดหยุดลง
มีคำถามว่าใครต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น คิดว่าคนที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบ คือ คณะกรรมการอัยการ ที่มีมติแต่งตั้งบุคคลทั้งสองทั้งๆ ที่มีคดีความติดตัว โดยในส่วนของนายเนตรอยู่ระหว่างการถูกสอบวินัย ขณะที่นายปรเมศก็มีคดีเมาแล้วขับค้างอยู่ แต่กลับอ้างระเบียบว่าสามารถแต่งตั้งได้เพราะผลสอบยังไม่ถึงที่สุด โดยไม่มีมโนสำนึกในหลักคุณธรรมจริยธรรมในการพิจารณา ทำแบบลูบหน้าปะจมูก เข้าด้วยช่วยเหลือกัน สิ่งที่เกิดขึ้นจึงนำมาซึ่งความเสื่อมขององค์กรอัยการอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ผมคิดว่าสำนักนายกรัฐมนตรีทำถูกแล้วที่ตีกลับ 2 รายชื่อนี้ เนื่องจากรายชื่อที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ทุกรายชื่อต้องไม่มีความมัวหมอง หลังจากนี้คณะกรรมการอัยการต้องทบทวนรายชื่อที่มีปัญหา แก้ไขมติที่ผิดพลาดของตัวเองเสีย อย่าอ้างแต่ตัวบทของกฎหมายเพื่อประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะความเป็นธรรมที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย แต่อยู่ที่คนใช้กฎหมายที่ใช้อย่างเป็นธรรมต่างหาก ไม่ใช่ใช้เพื่อปกป้องพวกพ้อง 125 ปีของอัยการมีขึ้นลงตามยุคสมัย แต่ในยุคหลังสังคมจับจ้องการสั่งคดีที่ไม่ชอบอยู่หลายเรื่อง ยิ่งการการตีกลับบัญชีแต่งตั้งยิ่งสะท้อนความฟอนเฟะขององค์กรยิ่งขึ้น ถ้าไม่อยากเห็น 125 ปีของอัยการต้องมาล่มสลายในยุคนี้ ควรปฏิรูปองค์กรอัยการโดยด่วนครับ” นายเชาว์ระบุทิ้งท้าย