ผู้จัดการรายวัน360- กกพ.เด้งรับมติกพช. เตรียมเดินหน้าประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนโดยกำลังรอหนังสือตอบกลับจากกระทรวงเกษตรกรณีเข้าข่ายจัดทำระบบเกษตรพันธสัญญาหรือไม่ คาดออกระเบียบและประกาศรับซื้อได้ ประมาณ ก.พ.2564
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)ได้ร่างระเบียบและเงื่อนไขเพื่อประกาศรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบFeed-inTariff (FiT)สำหรับ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากโครงการนำร่อง150 เมกะวัตต์ ภายใต้เงื่อนไขใหม่ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ได้เห็นชอบล่าสุดแล้วแต่ยังอยู่ระหว่างการสอบถามข้อมูลไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณาว่าโครงการโรงไฟ้ฟาชุมชนฯต้องเข้าข่ายจัดทำ ระบบเกษตรพันธสัญญา หรือ คอนแทรคฟาร์มมิ่ง (contract farming) ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. 2560 หรือไม่
“โรงไฟฟ้าชุมชนรัฐได้กำหนดให้การจัดซื้อเชื้อเพลิงในราคาประกันกับวิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนในรูปแบบ Contract Farming ซึ่งสัญญาจะต้องระบุข้อมูลการรับซื้อพืชพลังงาน ราคารับซื้อและต้องปลูกโดยวิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายอย่างน้อย 80% ทางสำนักงานกกพ.จึงได้ทำหนังสือสอบถามไปยังกระทรวงเกษตรฯแล้ว ก็ต้องรอตอบกลับมาว่า เข้าข่ายเกษตรพันธสัญญาหรือไม่ หรือมีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไร ถ้าเข้าข่ายก็ต้องทำตามคาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงประมาณเดือนก.พ.64 และเปิดให้ผู้สนใจยื่นเสนอโครงการฯต่อไป” นายคมกฤชกล่าว
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากจะรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก(VSPP) นำร่อง 150 เมกะวัตต์ กำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (SCOD) ภายใน 36 เดือน นับถัดจากวันลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า แบ่งเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล ปริมาณไฟฟ้าเสนอขายไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ต่อโครงการเป้าหมายการรับซื้อ 75 เมกะวัตต์ และเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25%) ปริมาณไฟฟ้าเสนอขายไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ต่อโครงการ เป้าหมายการรับซื้อ 75 เมกะวัตต์ สัญญารับซื้อไฟฟ้าเป็นสัญญาแบบ Non-Firm ระยะเวลา 20 ปี
วิธีการคัดเลือกโครงการ จะมีการพิจารณาข้อเสนอขอขายไฟฟ้าทางด้านเทคนิคและด้านราคา ดังนี้ ส่วนที่ 1 ด้านเทคนิค จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติตามเงื่อนไข และประเมินด้านเทคนิค อาทิ ความพร้อมด้านเทคโนโลยีความพร้อมด้านการเงินความพร้อมด้านพื้นที่มีระบบสายส่งรองรับ ความพร้อมด้านเชื้อเพลิง รวมถึงพื้นที่ปลูก การบริหารน้ำและปัจจัยอื่นๆ ตลอดจนมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร เป็นต้น ผู้ที่ผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคเท่านั้นที่จะได้รับการพิจารณาด้านราคาต่อไป และส่วนที่ 2 ด้านราคา จะเป็นการแข่งขัน ด้านราคา (Competitive Bidding) โดยผู้ยื่นเสนอโครงการจะต้องเสนอส่วนลดในส่วนของ FiT คงที่ ซึ่งเป็นส่วนของค่าใช้จ่ายในการสร้างโรงไฟฟ้า โดยผู้ที่เสนอส่วนลดสูงสุดจะได้รับการพิจารณาเป็นลำดับต้น จนกว่าจะครบเป้าหมายการรับซื้อ ซึ่งโครงการที่ยื่นขอขายไฟฟ้า ต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่ไม่มีสัญญาผูกพันกับภาครัฐ
ขณะที่รูปแบบการร่วมทุนมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ผู้เสนอโครงการ (ภาคเอกชน) ถือหุ้นในสัดส่วน90% และส่วนที่ 2 วิสาหกิจชุมชน หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน และมีสมาชิกรวมกัน ไม่น้อยกว่า 200 ครัวเรือน ถือหุ้นในสัดส่วน 10% (เป็นหุ้นบุริมสิทธิ) ซึ่งเป็นผู้ปลูกพืชพลังงานให้แก่โรงไฟฟ้า เป็นต้น
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)ได้ร่างระเบียบและเงื่อนไขเพื่อประกาศรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบFeed-inTariff (FiT)สำหรับ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากโครงการนำร่อง150 เมกะวัตต์ ภายใต้เงื่อนไขใหม่ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ได้เห็นชอบล่าสุดแล้วแต่ยังอยู่ระหว่างการสอบถามข้อมูลไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณาว่าโครงการโรงไฟ้ฟาชุมชนฯต้องเข้าข่ายจัดทำ ระบบเกษตรพันธสัญญา หรือ คอนแทรคฟาร์มมิ่ง (contract farming) ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. 2560 หรือไม่
“โรงไฟฟ้าชุมชนรัฐได้กำหนดให้การจัดซื้อเชื้อเพลิงในราคาประกันกับวิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนในรูปแบบ Contract Farming ซึ่งสัญญาจะต้องระบุข้อมูลการรับซื้อพืชพลังงาน ราคารับซื้อและต้องปลูกโดยวิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายอย่างน้อย 80% ทางสำนักงานกกพ.จึงได้ทำหนังสือสอบถามไปยังกระทรวงเกษตรฯแล้ว ก็ต้องรอตอบกลับมาว่า เข้าข่ายเกษตรพันธสัญญาหรือไม่ หรือมีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไร ถ้าเข้าข่ายก็ต้องทำตามคาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงประมาณเดือนก.พ.64 และเปิดให้ผู้สนใจยื่นเสนอโครงการฯต่อไป” นายคมกฤชกล่าว
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากจะรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก(VSPP) นำร่อง 150 เมกะวัตต์ กำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (SCOD) ภายใน 36 เดือน นับถัดจากวันลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า แบ่งเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล ปริมาณไฟฟ้าเสนอขายไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ต่อโครงการเป้าหมายการรับซื้อ 75 เมกะวัตต์ และเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25%) ปริมาณไฟฟ้าเสนอขายไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ต่อโครงการ เป้าหมายการรับซื้อ 75 เมกะวัตต์ สัญญารับซื้อไฟฟ้าเป็นสัญญาแบบ Non-Firm ระยะเวลา 20 ปี
วิธีการคัดเลือกโครงการ จะมีการพิจารณาข้อเสนอขอขายไฟฟ้าทางด้านเทคนิคและด้านราคา ดังนี้ ส่วนที่ 1 ด้านเทคนิค จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติตามเงื่อนไข และประเมินด้านเทคนิค อาทิ ความพร้อมด้านเทคโนโลยีความพร้อมด้านการเงินความพร้อมด้านพื้นที่มีระบบสายส่งรองรับ ความพร้อมด้านเชื้อเพลิง รวมถึงพื้นที่ปลูก การบริหารน้ำและปัจจัยอื่นๆ ตลอดจนมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร เป็นต้น ผู้ที่ผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคเท่านั้นที่จะได้รับการพิจารณาด้านราคาต่อไป และส่วนที่ 2 ด้านราคา จะเป็นการแข่งขัน ด้านราคา (Competitive Bidding) โดยผู้ยื่นเสนอโครงการจะต้องเสนอส่วนลดในส่วนของ FiT คงที่ ซึ่งเป็นส่วนของค่าใช้จ่ายในการสร้างโรงไฟฟ้า โดยผู้ที่เสนอส่วนลดสูงสุดจะได้รับการพิจารณาเป็นลำดับต้น จนกว่าจะครบเป้าหมายการรับซื้อ ซึ่งโครงการที่ยื่นขอขายไฟฟ้า ต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่ไม่มีสัญญาผูกพันกับภาครัฐ
ขณะที่รูปแบบการร่วมทุนมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ผู้เสนอโครงการ (ภาคเอกชน) ถือหุ้นในสัดส่วน90% และส่วนที่ 2 วิสาหกิจชุมชน หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน และมีสมาชิกรวมกัน ไม่น้อยกว่า 200 ครัวเรือน ถือหุ้นในสัดส่วน 10% (เป็นหุ้นบุริมสิทธิ) ซึ่งเป็นผู้ปลูกพืชพลังงานให้แก่โรงไฟฟ้า เป็นต้น