นายกฯนั่งหัวโต๊ะถก ศบค.ชุดใหญ่ เคาะมาตรการรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่ ยันไม่ล็อกดาวน์ประเทศ แบ่ง 4 โซนคุมสถานการณ์ “สมุทรสาคร” ควบคุมสูงสุด “กทม.ตะวันตก-สมุทรสงคราม-นครปฐม-ราชบุรี” พื้นที่เฝ้าระวังสูง วอนงดจัดงานปีใหม่-วันเด็ก
วานนี้ (24ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เพื่อพิจารณาเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดของโควิดในประเทศระลอกใหม่
หลังการประชุม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.แถลงว่า ในที่ประชุมไม่มีคำว่าล็อกดาวน์ประเทศไทย แต่มีการพิจารณาเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดใหม่ของเชื้อโควิด-19 โดยการแบ่งพื้นที่ตามสถานการณ์ออกเป็น 4 พื้นที่ และจะไม่เรียกว่าเป็นพื้นที่สีอะไร ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุด คือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อจํานวนมากและมีมากกว่า 1 พื้นที่ย่อย, พื้นที่ควบคุม คือพื้นที่ที่ติดกับพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อเกินกว่า 10 ราย และมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น, พื้นที่เฝ้าระวังสูง คือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อไม่เกิน 10 ราย แต่มีแนวโน้มสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และพื้นที่เฝ้าระวัง คือพื้นที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ และยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีผู้ติดเชื้อ
แบ่ง 4 โซนคุมระลอกใหม่
ทั้งนี้ พื้นที่ควบคุมสูงสุด ขณะนี้ได้แก่ จ.สมุทรสาคร จะให้มีการจำกัดเวลาปิด-เปิด สถานประกอบการที่มีความจำเป็น, ปิดสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด, ห้ามแรงงานต่างด้าวเคลื่อนย้ายเข้า-ออก จากพื้นที่โดยเด็ดขาด, ควบคุมการเข้า-ออกของยานพาหนะและบุคคลคนไทย โดยไม่ให้กระทบการค้าและอุตสาหกรรมมากเกินจำเป็น ให้มีการจัดตั้งด่านตรวจคัดกรอง จุดสกัดและสายตรวจ เพื่อให้มีการควบคุมการเข้าออกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ, ใช้มาตรการทำงานจากที่บ้าน อย่างเต็มขีดความสามารถ
ส่วนพื้นที่ควบคุม ซึ่งเป็นจังหวัดอยู่ติดกับพื้นที่ควบคุมสูงสุด ได้แก่ กทม.(เฉพาะฝั่งตะวันตก), จ.สมุทรสงคราม, ราชบุรี และนครปฐม ให้หลีกเลี่ยงจัดกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากทุกรูปแบบ, สถานประกอบการและโรงงานที่ยังเปิดดำเนินการให้เน้นมาตรการป้องกันโควิด-19 ทั้งในบริเวณโรงงานและที่พักคนงาน หากไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ ศบค.กำหนด ให้พิจารณาหยุดการดำเนินการ, เฝ้าระวังการลักลอบเข้ามาในพื้นที่ของแรงงานต่างด้าวที่มีจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด, ให้พิจารณาจำกัดเวลาปิด-เปิดสถานประกอบการที่มีความจำเป็นตามความเหมาะสม, ให้พิจารณาปิดหรือจำกัดเวลาปิด-เปิดสถานกระกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด, ห้ามแรงงานต่างด้าวเคลื่อนย้ายเข้า-ออกจากพื้นที่ ,ให้ประสานจัดตั้งด่านคัดกรองกับจังหวัดพื้นที่สีแดงตามความเหมาะสม, ให้ใช้มาตรการทำงานจากที่บ้าน สำหรับบุคคลที่มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้สถานศึกษาพิจารณาหยุดการเรียนการสอน หรือการเรียนการสอนแบบออนไลน์
วอนงดจัดปีใหม่-วันเด็ก
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า พื้นที่เฝ้าระวังสูง ขณะนี้มีอยู่ 25 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี, สมุทรปราการ, สุพรรณบุรี, นนทบุรี, ปทุมธานี, อุตรดิตถ์, ฉะเชิงเทรา, กำแพงเพชร, เพชรบูรณ์, อยุธยา, ภูเก็ต, เพชรบุรี, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี, กระบี่, ขอนแก่น, ชัยนาท, อุดรธานี, พิจิตร, นครศรีธรรมราช, สุราษฏร์ธานี, ประจวบคีรีขันธ์, ชัยภูมิ, นครสวรรค์ และ อ่างทอง ส่วนพื้นที่เฝ้าระวัง ได้แก่ 47 จังหวัดที่เหลือ
“สำหรับการจัดกิจกรรมฉลองปีใหม่และการจัดกิจกรรมงานวันเด็กนั้น ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้งดจัดกิจกรรมฉลองทุกชนิด เว้นแต่จัดกิจกรรมแบบออนไลน์ ส่วนพื้นที่ควบคุมให้งดการจัดกิจกรรมที่เป็นสาธารณะ แต่ผ่อนผันให้จัดกิจกรรมที่จำกัดผู้เข้าร่วมกิจกรรม หรือกิจกรรมที่มีเฉพาะผู้คุ้นเคยได้ หรือพิจารณาจัดกิจกรรมแบบออนไลน์ พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง สามารถจัดกิจกรรมได้ แต่ต้องลดขนาดลงกว่าปกติ มีมาตรการลดความหนาแน่นของผู้ร่วมกิจกรรม และมีมาตรการควบคุมไม่ให้เกิดความคับคั่ง ทั้งนี้สามารถหารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อของ กทม.ได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ติดเชื้อในประเทศเพิ่ม 58 ราย
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 67 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 58 ราย เกี่ยวข้องคลัสเตอร์จังหวัดสมุทรสาคร 55 ราย เกี่ยวเนื่องคลัสเตอร์จังหวัดตาก 1 ราย ไปสถานที่ชุมชน. 2 ราย ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ทุกรายเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้มี 8 ราย ประกอบด้วย เมียนมา 3 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย สหรัฐอเมริกา 2 ราย ญี่ปุ่น 1 ราย กาตาร์ 1 ราย โดยวันนี้มีผู้เดินทางไม่เข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้จากกัมพูชา 1 ราย และวันนี้ม่ผู้ป่วยรักษาหาย 21 ราย
ส่วนการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในกลุ่มแรงงานต่างด้าวใน จ.สมุทรสาครพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 1,273 ราย
ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 5,829 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 3,895 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 1,934 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 1,402 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 21 ราย รวมเป็น 4,116 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,653 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 60 ราย
“สมุทรสาคร” สถานการณ์ดีขึ้น
ช่วงเย็น ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร ได้แถลงภายหลังการประชุม ศบค.กทม. ว่า สถานการณ์วันนี้ ตามที่ ศบค.แถลง กทม.พบผู้ติดเชื้อโควิด-9 เพิ่ม 14 คน รวมแล้ว 34 คน ส่วนใหญ่ยังเชื่อมโยงตลาดสมุทรสาคร
ขณะที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.สมุทรสาคร ได้รายงานยอดการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ณ เวลา 12.30 น. ของวันที่ 24 ธ.ค.63 จ. สมุทรสาคร พบผู้ป่วยโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 1,300 คน โดยแบ่งออกเป็นการพบเชื้อโดยการตรวจเชิงรุกโดยวิธี Swab จำนวน 1,273 คน และพบเพิ่มจากสถานพยาบาล อีกจำนวน 27 คน
สำหรับรายละเอียดการตรวจโควิด-19 เชิงรุกนั้น พบว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจโดยวิธี Swab ไปแล้วทั้งสิ้น 12,962 คน ได้รับผลตรวจแล้ว 6,787 คน คิดเป็น 52.36% และมีผลเป็นบวก หรือพบเชื้อโควิด-19 จำนวน 1,273 คน คิดเป็น 18.75% ซึ่งแบ่งเป็น คนไทย 56 คน (4.39%) และชาวเมียนมา 1,217 คน (95.60%) เหลือรอผลตรวจ 6,175 คน คิดเป็น 47.63 %
โดยขณะนี้ มีผู้ป่วยรวมทั้งหมด 1,300 คน อยู่ในสถานพยาบาล 83 คน เป็นคนไทย 79 คน (95.18%) ต่างด้าว 4 คน (4.81%)
ทั้งนี้ เมื่อเทียบจำนวนผู้ป่วยสะสมเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ซึ่ง จ.สมุทรสาคร ได้แถลงตัวเลขไว้ที่ 1,260 คน เท่ากับพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 40 ราย ถือว่า สถานการณ์การพบผู้ติดเชื้อในสมุทรสาคร ดีขึ้นตามลำดับ จากเดิม 22.37% ลดเหลือ 18.75%.
วานนี้ (24ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เพื่อพิจารณาเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดของโควิดในประเทศระลอกใหม่
หลังการประชุม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.แถลงว่า ในที่ประชุมไม่มีคำว่าล็อกดาวน์ประเทศไทย แต่มีการพิจารณาเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดใหม่ของเชื้อโควิด-19 โดยการแบ่งพื้นที่ตามสถานการณ์ออกเป็น 4 พื้นที่ และจะไม่เรียกว่าเป็นพื้นที่สีอะไร ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุด คือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อจํานวนมากและมีมากกว่า 1 พื้นที่ย่อย, พื้นที่ควบคุม คือพื้นที่ที่ติดกับพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อเกินกว่า 10 ราย และมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น, พื้นที่เฝ้าระวังสูง คือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อไม่เกิน 10 ราย แต่มีแนวโน้มสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และพื้นที่เฝ้าระวัง คือพื้นที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ และยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีผู้ติดเชื้อ
แบ่ง 4 โซนคุมระลอกใหม่
ทั้งนี้ พื้นที่ควบคุมสูงสุด ขณะนี้ได้แก่ จ.สมุทรสาคร จะให้มีการจำกัดเวลาปิด-เปิด สถานประกอบการที่มีความจำเป็น, ปิดสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด, ห้ามแรงงานต่างด้าวเคลื่อนย้ายเข้า-ออก จากพื้นที่โดยเด็ดขาด, ควบคุมการเข้า-ออกของยานพาหนะและบุคคลคนไทย โดยไม่ให้กระทบการค้าและอุตสาหกรรมมากเกินจำเป็น ให้มีการจัดตั้งด่านตรวจคัดกรอง จุดสกัดและสายตรวจ เพื่อให้มีการควบคุมการเข้าออกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ, ใช้มาตรการทำงานจากที่บ้าน อย่างเต็มขีดความสามารถ
ส่วนพื้นที่ควบคุม ซึ่งเป็นจังหวัดอยู่ติดกับพื้นที่ควบคุมสูงสุด ได้แก่ กทม.(เฉพาะฝั่งตะวันตก), จ.สมุทรสงคราม, ราชบุรี และนครปฐม ให้หลีกเลี่ยงจัดกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากทุกรูปแบบ, สถานประกอบการและโรงงานที่ยังเปิดดำเนินการให้เน้นมาตรการป้องกันโควิด-19 ทั้งในบริเวณโรงงานและที่พักคนงาน หากไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ ศบค.กำหนด ให้พิจารณาหยุดการดำเนินการ, เฝ้าระวังการลักลอบเข้ามาในพื้นที่ของแรงงานต่างด้าวที่มีจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด, ให้พิจารณาจำกัดเวลาปิด-เปิดสถานประกอบการที่มีความจำเป็นตามความเหมาะสม, ให้พิจารณาปิดหรือจำกัดเวลาปิด-เปิดสถานกระกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด, ห้ามแรงงานต่างด้าวเคลื่อนย้ายเข้า-ออกจากพื้นที่ ,ให้ประสานจัดตั้งด่านคัดกรองกับจังหวัดพื้นที่สีแดงตามความเหมาะสม, ให้ใช้มาตรการทำงานจากที่บ้าน สำหรับบุคคลที่มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้สถานศึกษาพิจารณาหยุดการเรียนการสอน หรือการเรียนการสอนแบบออนไลน์
วอนงดจัดปีใหม่-วันเด็ก
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า พื้นที่เฝ้าระวังสูง ขณะนี้มีอยู่ 25 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี, สมุทรปราการ, สุพรรณบุรี, นนทบุรี, ปทุมธานี, อุตรดิตถ์, ฉะเชิงเทรา, กำแพงเพชร, เพชรบูรณ์, อยุธยา, ภูเก็ต, เพชรบุรี, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี, กระบี่, ขอนแก่น, ชัยนาท, อุดรธานี, พิจิตร, นครศรีธรรมราช, สุราษฏร์ธานี, ประจวบคีรีขันธ์, ชัยภูมิ, นครสวรรค์ และ อ่างทอง ส่วนพื้นที่เฝ้าระวัง ได้แก่ 47 จังหวัดที่เหลือ
“สำหรับการจัดกิจกรรมฉลองปีใหม่และการจัดกิจกรรมงานวันเด็กนั้น ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้งดจัดกิจกรรมฉลองทุกชนิด เว้นแต่จัดกิจกรรมแบบออนไลน์ ส่วนพื้นที่ควบคุมให้งดการจัดกิจกรรมที่เป็นสาธารณะ แต่ผ่อนผันให้จัดกิจกรรมที่จำกัดผู้เข้าร่วมกิจกรรม หรือกิจกรรมที่มีเฉพาะผู้คุ้นเคยได้ หรือพิจารณาจัดกิจกรรมแบบออนไลน์ พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง สามารถจัดกิจกรรมได้ แต่ต้องลดขนาดลงกว่าปกติ มีมาตรการลดความหนาแน่นของผู้ร่วมกิจกรรม และมีมาตรการควบคุมไม่ให้เกิดความคับคั่ง ทั้งนี้สามารถหารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อของ กทม.ได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ติดเชื้อในประเทศเพิ่ม 58 ราย
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 67 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 58 ราย เกี่ยวข้องคลัสเตอร์จังหวัดสมุทรสาคร 55 ราย เกี่ยวเนื่องคลัสเตอร์จังหวัดตาก 1 ราย ไปสถานที่ชุมชน. 2 ราย ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ทุกรายเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้มี 8 ราย ประกอบด้วย เมียนมา 3 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย สหรัฐอเมริกา 2 ราย ญี่ปุ่น 1 ราย กาตาร์ 1 ราย โดยวันนี้มีผู้เดินทางไม่เข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้จากกัมพูชา 1 ราย และวันนี้ม่ผู้ป่วยรักษาหาย 21 ราย
ส่วนการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในกลุ่มแรงงานต่างด้าวใน จ.สมุทรสาครพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 1,273 ราย
ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 5,829 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 3,895 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 1,934 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 1,402 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 21 ราย รวมเป็น 4,116 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,653 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 60 ราย
“สมุทรสาคร” สถานการณ์ดีขึ้น
ช่วงเย็น ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร ได้แถลงภายหลังการประชุม ศบค.กทม. ว่า สถานการณ์วันนี้ ตามที่ ศบค.แถลง กทม.พบผู้ติดเชื้อโควิด-9 เพิ่ม 14 คน รวมแล้ว 34 คน ส่วนใหญ่ยังเชื่อมโยงตลาดสมุทรสาคร
ขณะที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.สมุทรสาคร ได้รายงานยอดการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ณ เวลา 12.30 น. ของวันที่ 24 ธ.ค.63 จ. สมุทรสาคร พบผู้ป่วยโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 1,300 คน โดยแบ่งออกเป็นการพบเชื้อโดยการตรวจเชิงรุกโดยวิธี Swab จำนวน 1,273 คน และพบเพิ่มจากสถานพยาบาล อีกจำนวน 27 คน
สำหรับรายละเอียดการตรวจโควิด-19 เชิงรุกนั้น พบว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจโดยวิธี Swab ไปแล้วทั้งสิ้น 12,962 คน ได้รับผลตรวจแล้ว 6,787 คน คิดเป็น 52.36% และมีผลเป็นบวก หรือพบเชื้อโควิด-19 จำนวน 1,273 คน คิดเป็น 18.75% ซึ่งแบ่งเป็น คนไทย 56 คน (4.39%) และชาวเมียนมา 1,217 คน (95.60%) เหลือรอผลตรวจ 6,175 คน คิดเป็น 47.63 %
โดยขณะนี้ มีผู้ป่วยรวมทั้งหมด 1,300 คน อยู่ในสถานพยาบาล 83 คน เป็นคนไทย 79 คน (95.18%) ต่างด้าว 4 คน (4.81%)
ทั้งนี้ เมื่อเทียบจำนวนผู้ป่วยสะสมเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ซึ่ง จ.สมุทรสาคร ได้แถลงตัวเลขไว้ที่ 1,260 คน เท่ากับพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 40 ราย ถือว่า สถานการณ์การพบผู้ติดเชื้อในสมุทรสาคร ดีขึ้นตามลำดับ จากเดิม 22.37% ลดเหลือ 18.75%.