xs
xsm
sm
md
lg

ศาลสั่งประหาร "บรรยิน" คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลพิพากษาประหารชีวิต “พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์” อดีตรมช.พาณิชย์ พร้อมกับลูกน้องอีก 4 คน คดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต อธิบดีศาลอาญาคดีทุจริตฯ เห็นแย้ง ให้ลงโทษประหารชีวิต “พ.ต.ท.บรรยิน” โดยไม่ลดโทษ

วานนี้ (15 ธ.ค.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์, นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี, นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี, นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ทั้งหมดภูมิลำเนา จ.นครสวรรค์ เป็นจำเลยที่ 1-6 ในคดีอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 70 ปี พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อหวังให้ยกฟ้องคดีโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาทของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 และ นายณรงค์ศักดิ์ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาอื่น ลงโทษบทหนักสุดให้ประหารชีวิต ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิตทั้งสองสถานเดียว และให้นับโทษ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ต่อจากคดีปลอมแปลงเอกสาร ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 8 ปี ด้วย

นายมานัส จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนฆ่าผู้อื่น ให้จำคุกตลอดชีวิต ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน ส่วนนายชาติชาย จำเลยที่ 4 และนายประชาวิทย์ จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ให้ประหารชีวิต ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว และ ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด จำเลยที่ 6 มีความผิดฐานร่วมกันสนับสนุนให้มีการหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ให้ประหารชีวิต ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว

ด้าน นายบวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีความเห็นแย้งคำพิพากษาขององค์คณะผู้พิพากษาสำนวนคดีนี้ไว้ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1,จำเลยที่ 2, จำเลยที่ 4-6 สถานเดียวโดยไม่ลดโทษ

โดยคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1,2 และ 4-6 เพราะจำนนต่อพยานหลักฐานที่ปรากฏจากภาพกล้องวงจรปิด ข้อมูลจากพยานบุคคลต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนสอบปากคำ รวมทั้งข้องมูลจากรายงานการสืบสวนและพยานหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฎอยู่ในสำนวนการสอบสวนและฝ่ายจำเลยได้ตรวจสอบและขอคัดถ่ายในชั้นตรวจพยานหลักฐานของศาลดังวินิจฉัยมาแล้วข้างต้น ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษที่จะลดโทษให้ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) ฐานร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น คงจำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป หรือเพื่ออำพรางคดี คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ฐานเป็นซ่องโจรเพื่อกระทำความผิดที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน และฐานร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่และการกระทำความผิดนั้นเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย คงจำคุกตลอดชีวิต แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 3 ตลอดชีวิตสถานเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) สำหรับจำเลยที่ 1,2, 4-6 เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้ประหารชีวิตจำเลยที่ จำเลยที่ 1,2, 4-6 สถานเดียว ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6 ในข้อหาฐานร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายและร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป หรือเพื่ออำพรางคดี และข้อหาเป็นซ่องโจร


กำลังโหลดความคิดเห็น