ผู้จัดการรายวัน 360 - ศบค.พบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 25 รายทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกันของรัฐ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,151 ราย รักษาหายเพิ่ม 6 ราย "หมอทวีศิลป์" วอนคนไทย 46 รายที่เดินทางจากท่าขี้เหล็กให้มาแสดงตัวตรวจหาเชื้อ ยันไป จ.เชียงรายได้ แต่ขอให้ปฏิบัติตัวตามมาตรการเคร่งครัด สธ. ควบคุมโรคแจงไม่พบผู้ติดเชื้อที่ใกล้ชิดบุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 5 ราย ทางการเมียนมา ทยอยส่งกลับคนไทยตกค้างชุดใหญ่ ข้ามด่านเข้า Local Quarantine กว่า 40 คน รอตรวจโรคก่อนส่งอีก 63 ราย ผบ.ทบ.สั่งเพิ่มกำลังตรึงเข้มชายแดนภาคเหนือสกัดแก๊งลักลอบเข้าประเทศ "อนุทิน" ชี้สถานการณ์โควิด-19 ยังคุมได้ วอน ปชช.อย่ากังวลแต่ต้องระวังตัว
วานนี้ (8 ธ.ค.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 25 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ประกอบด้วย คูเวต 2 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 6 ราย เมียนมา 7 ราย รัสเซีย 1 ราย สวีเดน 1 ราย สิงคโปร์ 1 ราย ตุรกี 2 ราย สหรัฐฯ 2 ราย และเกาหลีใต้ 3 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมรวม 4,151 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ 2,461 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 1,690 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 1,164 ราย
ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 6 ราย รวมเป็น 3,880 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 211 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม สำหรับกรณีผู้ป่วยที่เดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และเข้ามายัง จ.เชียงราย ขณะนี้สะสมรวม 46 ราย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 เข้าทางเส้นทางธรรมชาติ เดินทางเข้ามาก่อนจะเป็นข่าว รวม 17 ราย กระจายอยู่ใน 6 จังหวัด คือ เชียงราย 6 ราย เชียงใหม่ 5 ราย กทม. 3 ราย พะเยา พิจิตรและราชบุรี จังหวัดละ 1 ราย กลุ่มที่ 2 ผ่านจุดข้ามแดนและเข้าพักในสถานกักกันโรคท้องถิ่นของรัฐ (Local Quarantine) เดินทางเข้ามา 196 ราย มีการติดเชื้อรวม 27 ราย คิดเป็นร้อยละ14 และกลุ่มที่ 3 ผู้สัมผัสผู้ป่วยในไทย รวม 2 ราย คือ ผู้ป่วยในจ.เชียงรายและสิงห์บุรี
“ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเมียนมา ในช่วงปลาย พ.ย. ไม่ว่าอยู่จะอยู่ในจังหวัดหรืออำเภอใด ขอให้ท่านแสดงตัวและเข้ามาตรวจหาเชื้อได้ทันที ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ยังไม่ครบ 14 วันที่เจอรายแรกจากเมียนมา และในพื้นที่ต่างๆ ที่พบผู้ป่วยนั้นก็ขอให้นับเวลาต่อไปอีก 14 วัน ซึ่งก็ประมาณวันที่ 19-20 ธันวาคม หากไม่มีตัวเลขผู้ป่วยขึ้นมาก็จะเป็นความมั่นใจได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ส่วนถามบรรยากาศการท่องเที่ยวปีใหม่จะเป็นอย่างไร ควรปฏิบัติตัวอย่างไรต่อไปนับจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สธ.นายอนุทิน ชาญวีรกูล ลงพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมคณะผู้บริหาร กลับมาเล่าให้ฟังว่า บรรยากาศเงียบเหงาไปทั้งเมือง ถ้าจำได้กรณีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทั้งกรณีสถานบันเทิงทองหล่อ และสนามมวย เราเรียนรู้มาแล้วได้ เราต้องสามารถเรียกคนเข้ามาตรวจได้ ก็จะสามารถผ่านวิกฤติไปได้ ตัวเลข 46 ราย มีความเสี่ยงอยู่ เกิดปลาย พ.ย. นับวันนี้ก็มากว่า 10 กว่าวันแล้ว สิงห์บุรี วันที่ 5 ธ.ค. ติดเชื้อนอก จ.เชียงราย ก็ต้องนับไปอีก 14 วัน อาจเป็นวันที่ 19-20 ธ.ค. ถามว่าจะสบายใจหรือไม่ คงสบายใจไม่ได้ ก็ขอเน้นย้ำมาตรการ หากท่านใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เก็บเนื้อเก็บตัว 14 วัน ก็จะสามารถช่วยป้องกันได้ ขณะที่ถามว่าตอนนี้จะเดินทางไปเชียงรายได้หรือไม่ ยืนยันว่า ไปเชียงรายได้ หากคุณไม่ได้ไปอยู่ใน "ห้องกาสิโน" ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ก็ขอทุกคนสวมใส่หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย
สธ.แจงไม่พบผู้ติดเชื้อต่อจาก 5 บุคลากรการแพทย์
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีการติดเชื้อในประเทศ ซึ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์และทำงานใน Alternative State Quarantine (ASQ) ทั้ง 5 ราย ว่า ข้อมูลสรุปจากการสอบสวน คือ มีบุคลากรทางการแพทย์ 1 ราย ได้รับเชื้อจากการปฏิบัติงานใน ASQ แล้วมาแพร่เชื้อให้ผู้ร่วมงานนอกเวลางาน (จากการรับประทานอาหารร่วมกัน) จึงทำให้มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อรวม 5 ราย
ผลการสอบสวนโรคจาก รพ.ต้นสังกัด ซึ่งได้มีการเก็บตัวอย่างจากผู้สัมผัสอื่นๆอีก 31 ราย ไม่พบการติดเชื้อ ส่วนเพื่อนร่วมห้องพักเดียวกัน 6 ราย ตรวจไม่พบเชื้อ และห้องสัมภาษณ์งานใน รพ.รัฐ 7 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวอีก 7 ราย ผลตรวจก็ไม่พบเชื้อเช่นกัน
"กรณีนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 229 ราย แบ่งเป็น ผู้อยู่ในรพ.เอกชน 195 ราย ตรวจไม่พบเชื้อทั้งหมด และที่ทำงานใน ASQ ทั้ง 2 แห่ง รวม 34 คน ตรวจไม่พบเชื้อ สรุปผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 51 คน และเสี่ยงต่ำ 229 คน รวม 280 คน ตรวจไม่พบเชื้อทั้งหมด และตรวจบุคลากรในแผนกอื่นๆ อีก 465 คน รวมทั้งหมดทั้ง รพ. 745 คน ตรวจไม่พบเชื้อทั้งหมด
สรุปเหตุการณ์นี้การระบาดเกิดจากคน 1 คนที่ติดเชื้อจาก ASQ ในขณะปฏิบัติงาน และมาแพร่เชื้อต่อให้เพื่อนร่วมงานนอกเวลางาน 4 คน ส่วนที่ทำงานที่เป็น รพ.หลัก ไม่มีใครติดเชื้อเพิ่มเติม" นพ.โสภณกล่าว
สำหรับข้อมูลจากสถานกักกันตัวที่ราชการกำหนด ทั้งส่วนกลาง และจังหวัด (Quarantine Facilities) ตั้งแต่เปิดบริการเมื่อ เม.ย. - 9 ธ.ค.63 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,164 ราย จากจำนวนผู้ที่อยู่ในสถานกักกันตัว 172,544 ราย จาก 85 ประเทศ หรือคิดเป็นอัตราผู้ป่วยในกลุ่มผู้เข้ากักกันเพียง 0.67%
ส่วนการติดเชื้อในประเทศไทย กรณีหญิงไทย อายุ 51 ปี อาศัยที่ จ.สิงห์บุรี และเดินทางกลับมาจาก จ.เชียงรายนั้น จากการติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วย 55 ราย โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้ง 37 รายผลตรวจไม่พบเชื้อ ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยรายนี้ขอให้สบายใจได้ ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 18 ราย ยังอยู่ในระหว่างการสังเกตอาการให้ครบ 14 วันนับตั้งแต่วันที่เจอผู้ป่วยจากสิงห์บุรีครั้งสุดท้าย
ขณะที่ประชาชนที่โดยสารมาทางเครื่องบินเที่ยวบินเดียวกับหญิงไทย จ.สิงห์บุรี รายนี้ ทั้งผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ผลตรวจไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อ
เมียนมาจ่อส่งกลับคนไทยล็อตใหญ่นับร้อย
คณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาระดับท้องถิ่น หรือทีบีซี ฝ่ายเมียนมา ได้แจ้งมายังทางทีบีซีฝ่ายไทย อ.แม่สาย ว่าจะส่งมอบคนไทยที่ตกค้างอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ลงทะเบียนไว้กับทีบีซีตามข้อตกลงไทย-เมียนมาผ่านด่านฯ มาอีก 42 คน แต่ล่าสุดพบว่ามีคนไทยถูกส่งตัวกลับเพียง 25 คนเท่านั้น
คนไทยตกค้างที่จะส่งตัวกลับครั้งนี้ กรณีเป็นผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ทางการ จ.ท่าขี้เหล็กได้ดำเนินคดีก่อนตามกระบวนการช่วงสั้นๆ ด้วยการส่งศาลเปรียบเทียบปรับคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,300 บาท จากนั้นจะรีบนำตัวไปยังด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ไทยโดยทันที
หลังจากช่วง 1-2 วันก่อนหน้านี้ แม้คนไทยตกค้างที่ไปลงทะเบียนในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อถึงเวลาต้องเดินทางกลับกลับไม่เดินทางไป เพราะบางส่วนไม่แจ้งข้อมูลส่วนตัวที่แท้จริงแก่เจ้าหน้าที่เมียนมา จึงถูกตีกลับ และจำนวนหนึ่งกลัวว่าจะถูกต้องโทษข้อหาหลบหนีเข้าเมืองในเมียนมาถึงขั้นจำคุก
กระทั่ง นายอูมิ้น ไหน่ ผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก ต้องออกมาชี้แจงว่ากรณีมีข่าวว่าหากเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจะมีโทษจำคุกนั้นแท้ที่จริงแล้วไม่ถึงขั้นนั้น เพราะมีเพียงโทษปรียบเทียบปรับจากนั้นจะรีบส่งกลับทันที ทำให้ผู้ที่ตกค้างอยู่เริ่มเตรียมตัวเพื่อกลับตามช่องทางปกติอีกครั้ง
นอกจากนี้ ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม โดยจะรับตรวจคนไทยที่แจ้งจะเดินทางกลับในวันถัดไปจำนวน 63 คนด้วย และหากพบว่าไม่พบการติดเชื้อก็จะส่งตัวกลับเข้ามายัง อ.แม่สายตามขั้นตอนปกติ แต่หากพบการติดเชื้อจะมีการหารือฝ่ายไทยว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะคนกลุ่มนี้จะไม่มีการนำตัวไปเปรียบเทีบบปรับที่ศาลท่าขี้เหล็กเพื่อความปลอดภัยกรณีที่เป็นคนที่หลบหนีเข้าเมืองในประเทศเมียนมาด้วย
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน จ.ท่าขี้เหล็ก 8 ธ.ค.ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 7 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อแล้ว 81 ราย แต่วันเดียวกันก็มีผู้ที่ได้รับการรักษาจนหายปกติแล้วจำนวน 12 ราย รวมยอดผู้ที่รักษาหายในพื้นที่ 22 ราย
ขณะที่คนไทยที่เดินทางกลับมายังคงถูกตรวจพบการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งหมดถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และสถานกักดูอาการ หรือ Local Quarantine ทั้งในพื้นที่แม่สายและตัวเมืองเชียงราย จำนวน 10 แห่ง
ผบ.ทบ.สั่งเพิ่มกำลังตรึงเข้มชายแดนภาคเหนือ
พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. กล่าวถึงมาตรการของกองทัพบกในการสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติเพื่อสกัดเชื้อโควิด-19 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม สั่งการหน่วยทหารทุกหน่วยที่รับผิดชอบด้านชายแดน ทั้งทหาร ตำรวจ กองกำลังต่างๆ ยกระดับมาตรการดำเนินงาน โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 3 ได้เพิ่มเติมกองกำลังชุดปฏิบัติการเข้าไปอีกจำนวนหนึ่งและเพิ่มเครื่องมือสนับสนุนทั้งลวดหนามหีบเพลงในช่องทางธรรมชาติที่คนมักลักลอบข้ามไปมา รวมถึงเพิ่มการลาดตระเวน การเดินเท้า รถยนต์ การลาดตระเวนด้วยโดรนเฝ้าระวังพื้นที่แนวชายแดน เนื่องจากชายแดนภาคเหนือมีพื้นที่ยาว ต้องทุ่มเทอุทิศตนตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยกันป้องกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือประชาชนในพื้นที่ต้องช่วยป้องกันด้วย
เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจประชาชนอย่างไรว่าการลักลอบเข้าประเทศมีการป้องกันไว้แล้ว พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ขณะนี้กับประเทศเพื่อนบ้านได้ประสานกันทุกระดับ โดยเฉพาะหน่วยป้องกันตามแนวชายแดน 2 ประเทศมีการประสานข้อมูลให้ฝั่งตรงข้ามรับทราบว่าถ้ายังเข้ามาขอให้เข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะได้ช่วยกันดูแล ไม่ถูกลงโทษทางกฎหมายในขั้นหนัก ยืนยันทั้งสองประเทศตามแนวชายแดนประสานกันอยู่แล้ว แจ้งข้อมูลให้ผู้ประสงค์จะเข้าประเทศ โดยเฉพาะคนไทยให้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะออกไปอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม แต่ขอให้ไปแจ้งประเทศอีกฝ่ายให้ถูกต้องแล้วกลับเข้าประเทศไทยให้ถูกต้องจะได้เข้าสู่กระบวนการคัดกรอง กักตัวตามขั้นตอน
"อนุทิน" ชี้สถานการณ์ยังควบคุมได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ของไทยอยู่ภายใต้การควบคุม ขอให้ประชาชนอย่ากังวลใจ และยังสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย หรือจังหวัดเชียงใหม่ได้ ทั้งนี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังได้เดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันนี้ (9 ธ.ค.) เพื่อสร้างความมั่นใจด้วย แต่ขอให้ระวังตัวเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ส่วนมาตรการลดวันกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าไทยนั้น ยังอยู่ในการพิจารณาของ ศบค. แต่สถานการณ์ช่วงนี้ คงต้องชะลอการพิจารณาไปก่อน
วานนี้ (8 ธ.ค.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 25 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ประกอบด้วย คูเวต 2 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 6 ราย เมียนมา 7 ราย รัสเซีย 1 ราย สวีเดน 1 ราย สิงคโปร์ 1 ราย ตุรกี 2 ราย สหรัฐฯ 2 ราย และเกาหลีใต้ 3 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมรวม 4,151 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ 2,461 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 1,690 ราย และผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 1,164 ราย
ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 6 ราย รวมเป็น 3,880 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 211 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม สำหรับกรณีผู้ป่วยที่เดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และเข้ามายัง จ.เชียงราย ขณะนี้สะสมรวม 46 ราย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 เข้าทางเส้นทางธรรมชาติ เดินทางเข้ามาก่อนจะเป็นข่าว รวม 17 ราย กระจายอยู่ใน 6 จังหวัด คือ เชียงราย 6 ราย เชียงใหม่ 5 ราย กทม. 3 ราย พะเยา พิจิตรและราชบุรี จังหวัดละ 1 ราย กลุ่มที่ 2 ผ่านจุดข้ามแดนและเข้าพักในสถานกักกันโรคท้องถิ่นของรัฐ (Local Quarantine) เดินทางเข้ามา 196 ราย มีการติดเชื้อรวม 27 ราย คิดเป็นร้อยละ14 และกลุ่มที่ 3 ผู้สัมผัสผู้ป่วยในไทย รวม 2 ราย คือ ผู้ป่วยในจ.เชียงรายและสิงห์บุรี
“ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเมียนมา ในช่วงปลาย พ.ย. ไม่ว่าอยู่จะอยู่ในจังหวัดหรืออำเภอใด ขอให้ท่านแสดงตัวและเข้ามาตรวจหาเชื้อได้ทันที ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ยังไม่ครบ 14 วันที่เจอรายแรกจากเมียนมา และในพื้นที่ต่างๆ ที่พบผู้ป่วยนั้นก็ขอให้นับเวลาต่อไปอีก 14 วัน ซึ่งก็ประมาณวันที่ 19-20 ธันวาคม หากไม่มีตัวเลขผู้ป่วยขึ้นมาก็จะเป็นความมั่นใจได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ส่วนถามบรรยากาศการท่องเที่ยวปีใหม่จะเป็นอย่างไร ควรปฏิบัติตัวอย่างไรต่อไปนับจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สธ.นายอนุทิน ชาญวีรกูล ลงพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมคณะผู้บริหาร กลับมาเล่าให้ฟังว่า บรรยากาศเงียบเหงาไปทั้งเมือง ถ้าจำได้กรณีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทั้งกรณีสถานบันเทิงทองหล่อ และสนามมวย เราเรียนรู้มาแล้วได้ เราต้องสามารถเรียกคนเข้ามาตรวจได้ ก็จะสามารถผ่านวิกฤติไปได้ ตัวเลข 46 ราย มีความเสี่ยงอยู่ เกิดปลาย พ.ย. นับวันนี้ก็มากว่า 10 กว่าวันแล้ว สิงห์บุรี วันที่ 5 ธ.ค. ติดเชื้อนอก จ.เชียงราย ก็ต้องนับไปอีก 14 วัน อาจเป็นวันที่ 19-20 ธ.ค. ถามว่าจะสบายใจหรือไม่ คงสบายใจไม่ได้ ก็ขอเน้นย้ำมาตรการ หากท่านใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เก็บเนื้อเก็บตัว 14 วัน ก็จะสามารถช่วยป้องกันได้ ขณะที่ถามว่าตอนนี้จะเดินทางไปเชียงรายได้หรือไม่ ยืนยันว่า ไปเชียงรายได้ หากคุณไม่ได้ไปอยู่ใน "ห้องกาสิโน" ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ก็ขอทุกคนสวมใส่หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย
สธ.แจงไม่พบผู้ติดเชื้อต่อจาก 5 บุคลากรการแพทย์
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีการติดเชื้อในประเทศ ซึ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์และทำงานใน Alternative State Quarantine (ASQ) ทั้ง 5 ราย ว่า ข้อมูลสรุปจากการสอบสวน คือ มีบุคลากรทางการแพทย์ 1 ราย ได้รับเชื้อจากการปฏิบัติงานใน ASQ แล้วมาแพร่เชื้อให้ผู้ร่วมงานนอกเวลางาน (จากการรับประทานอาหารร่วมกัน) จึงทำให้มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อรวม 5 ราย
ผลการสอบสวนโรคจาก รพ.ต้นสังกัด ซึ่งได้มีการเก็บตัวอย่างจากผู้สัมผัสอื่นๆอีก 31 ราย ไม่พบการติดเชื้อ ส่วนเพื่อนร่วมห้องพักเดียวกัน 6 ราย ตรวจไม่พบเชื้อ และห้องสัมภาษณ์งานใน รพ.รัฐ 7 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวอีก 7 ราย ผลตรวจก็ไม่พบเชื้อเช่นกัน
"กรณีนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 229 ราย แบ่งเป็น ผู้อยู่ในรพ.เอกชน 195 ราย ตรวจไม่พบเชื้อทั้งหมด และที่ทำงานใน ASQ ทั้ง 2 แห่ง รวม 34 คน ตรวจไม่พบเชื้อ สรุปผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 51 คน และเสี่ยงต่ำ 229 คน รวม 280 คน ตรวจไม่พบเชื้อทั้งหมด และตรวจบุคลากรในแผนกอื่นๆ อีก 465 คน รวมทั้งหมดทั้ง รพ. 745 คน ตรวจไม่พบเชื้อทั้งหมด
สรุปเหตุการณ์นี้การระบาดเกิดจากคน 1 คนที่ติดเชื้อจาก ASQ ในขณะปฏิบัติงาน และมาแพร่เชื้อต่อให้เพื่อนร่วมงานนอกเวลางาน 4 คน ส่วนที่ทำงานที่เป็น รพ.หลัก ไม่มีใครติดเชื้อเพิ่มเติม" นพ.โสภณกล่าว
สำหรับข้อมูลจากสถานกักกันตัวที่ราชการกำหนด ทั้งส่วนกลาง และจังหวัด (Quarantine Facilities) ตั้งแต่เปิดบริการเมื่อ เม.ย. - 9 ธ.ค.63 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,164 ราย จากจำนวนผู้ที่อยู่ในสถานกักกันตัว 172,544 ราย จาก 85 ประเทศ หรือคิดเป็นอัตราผู้ป่วยในกลุ่มผู้เข้ากักกันเพียง 0.67%
ส่วนการติดเชื้อในประเทศไทย กรณีหญิงไทย อายุ 51 ปี อาศัยที่ จ.สิงห์บุรี และเดินทางกลับมาจาก จ.เชียงรายนั้น จากการติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วย 55 ราย โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้ง 37 รายผลตรวจไม่พบเชื้อ ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยรายนี้ขอให้สบายใจได้ ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 18 ราย ยังอยู่ในระหว่างการสังเกตอาการให้ครบ 14 วันนับตั้งแต่วันที่เจอผู้ป่วยจากสิงห์บุรีครั้งสุดท้าย
ขณะที่ประชาชนที่โดยสารมาทางเครื่องบินเที่ยวบินเดียวกับหญิงไทย จ.สิงห์บุรี รายนี้ ทั้งผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ผลตรวจไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อ
เมียนมาจ่อส่งกลับคนไทยล็อตใหญ่นับร้อย
คณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาระดับท้องถิ่น หรือทีบีซี ฝ่ายเมียนมา ได้แจ้งมายังทางทีบีซีฝ่ายไทย อ.แม่สาย ว่าจะส่งมอบคนไทยที่ตกค้างอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ลงทะเบียนไว้กับทีบีซีตามข้อตกลงไทย-เมียนมาผ่านด่านฯ มาอีก 42 คน แต่ล่าสุดพบว่ามีคนไทยถูกส่งตัวกลับเพียง 25 คนเท่านั้น
คนไทยตกค้างที่จะส่งตัวกลับครั้งนี้ กรณีเป็นผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ทางการ จ.ท่าขี้เหล็กได้ดำเนินคดีก่อนตามกระบวนการช่วงสั้นๆ ด้วยการส่งศาลเปรียบเทียบปรับคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,300 บาท จากนั้นจะรีบนำตัวไปยังด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ไทยโดยทันที
หลังจากช่วง 1-2 วันก่อนหน้านี้ แม้คนไทยตกค้างที่ไปลงทะเบียนในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อถึงเวลาต้องเดินทางกลับกลับไม่เดินทางไป เพราะบางส่วนไม่แจ้งข้อมูลส่วนตัวที่แท้จริงแก่เจ้าหน้าที่เมียนมา จึงถูกตีกลับ และจำนวนหนึ่งกลัวว่าจะถูกต้องโทษข้อหาหลบหนีเข้าเมืองในเมียนมาถึงขั้นจำคุก
กระทั่ง นายอูมิ้น ไหน่ ผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก ต้องออกมาชี้แจงว่ากรณีมีข่าวว่าหากเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจะมีโทษจำคุกนั้นแท้ที่จริงแล้วไม่ถึงขั้นนั้น เพราะมีเพียงโทษปรียบเทียบปรับจากนั้นจะรีบส่งกลับทันที ทำให้ผู้ที่ตกค้างอยู่เริ่มเตรียมตัวเพื่อกลับตามช่องทางปกติอีกครั้ง
นอกจากนี้ ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม โดยจะรับตรวจคนไทยที่แจ้งจะเดินทางกลับในวันถัดไปจำนวน 63 คนด้วย และหากพบว่าไม่พบการติดเชื้อก็จะส่งตัวกลับเข้ามายัง อ.แม่สายตามขั้นตอนปกติ แต่หากพบการติดเชื้อจะมีการหารือฝ่ายไทยว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะคนกลุ่มนี้จะไม่มีการนำตัวไปเปรียบเทีบบปรับที่ศาลท่าขี้เหล็กเพื่อความปลอดภัยกรณีที่เป็นคนที่หลบหนีเข้าเมืองในประเทศเมียนมาด้วย
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน จ.ท่าขี้เหล็ก 8 ธ.ค.ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 7 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อแล้ว 81 ราย แต่วันเดียวกันก็มีผู้ที่ได้รับการรักษาจนหายปกติแล้วจำนวน 12 ราย รวมยอดผู้ที่รักษาหายในพื้นที่ 22 ราย
ขณะที่คนไทยที่เดินทางกลับมายังคงถูกตรวจพบการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งหมดถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และสถานกักดูอาการ หรือ Local Quarantine ทั้งในพื้นที่แม่สายและตัวเมืองเชียงราย จำนวน 10 แห่ง
ผบ.ทบ.สั่งเพิ่มกำลังตรึงเข้มชายแดนภาคเหนือ
พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. กล่าวถึงมาตรการของกองทัพบกในการสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติเพื่อสกัดเชื้อโควิด-19 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม สั่งการหน่วยทหารทุกหน่วยที่รับผิดชอบด้านชายแดน ทั้งทหาร ตำรวจ กองกำลังต่างๆ ยกระดับมาตรการดำเนินงาน โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 3 ได้เพิ่มเติมกองกำลังชุดปฏิบัติการเข้าไปอีกจำนวนหนึ่งและเพิ่มเครื่องมือสนับสนุนทั้งลวดหนามหีบเพลงในช่องทางธรรมชาติที่คนมักลักลอบข้ามไปมา รวมถึงเพิ่มการลาดตระเวน การเดินเท้า รถยนต์ การลาดตระเวนด้วยโดรนเฝ้าระวังพื้นที่แนวชายแดน เนื่องจากชายแดนภาคเหนือมีพื้นที่ยาว ต้องทุ่มเทอุทิศตนตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยกันป้องกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือประชาชนในพื้นที่ต้องช่วยป้องกันด้วย
เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจประชาชนอย่างไรว่าการลักลอบเข้าประเทศมีการป้องกันไว้แล้ว พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ขณะนี้กับประเทศเพื่อนบ้านได้ประสานกันทุกระดับ โดยเฉพาะหน่วยป้องกันตามแนวชายแดน 2 ประเทศมีการประสานข้อมูลให้ฝั่งตรงข้ามรับทราบว่าถ้ายังเข้ามาขอให้เข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะได้ช่วยกันดูแล ไม่ถูกลงโทษทางกฎหมายในขั้นหนัก ยืนยันทั้งสองประเทศตามแนวชายแดนประสานกันอยู่แล้ว แจ้งข้อมูลให้ผู้ประสงค์จะเข้าประเทศ โดยเฉพาะคนไทยให้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะออกไปอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม แต่ขอให้ไปแจ้งประเทศอีกฝ่ายให้ถูกต้องแล้วกลับเข้าประเทศไทยให้ถูกต้องจะได้เข้าสู่กระบวนการคัดกรอง กักตัวตามขั้นตอน
"อนุทิน" ชี้สถานการณ์ยังควบคุมได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ของไทยอยู่ภายใต้การควบคุม ขอให้ประชาชนอย่ากังวลใจ และยังสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย หรือจังหวัดเชียงใหม่ได้ ทั้งนี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังได้เดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันนี้ (9 ธ.ค.) เพื่อสร้างความมั่นใจด้วย แต่ขอให้ระวังตัวเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ส่วนมาตรการลดวันกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าไทยนั้น ยังอยู่ในการพิจารณาของ ศบค. แต่สถานการณ์ช่วงนี้ คงต้องชะลอการพิจารณาไปก่อน