xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ กลายเป็น Banana Republic

เผยแพร่:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
เพราะสหรัฐฯ คือประเทศที่มีแสนยานุภาพเกรียงไกรยิ่งใหญ่ยังเป็นอันดับหนึ่งของโลก พร้อมด้วยเทคโนโลยีไร้เทียมทานที่สร้างเสริมอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ำหน้ากว่าประเทศใดๆ และสร้างเสริมสรรพกำลังด้านธุรกิจการค้า การเงิน การธนาคาร และการลงทุน; และเป็นประเทศทุนนิยมอันดับหนึ่งที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก

สหรัฐฯ ภูมิใจในความเป็นแม่แบบประชาธิปไตยมาเกือบ 250 ปี โดยเน้นการเลือกตั้งทั้งทางตรง (ส.ส., ส.ว., ผู้ว่าการรัฐ และอีกหลายๆ ตำแหน่งของผู้บริหาร, นิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการประจำรัฐ) และทางอ้อม (คือตำแหน่งประธานาธิบดี และตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาแห่งสหพันธรัฐ)

สหรัฐฯ ผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีมาถึง 45 คนแล้ว และภูมิใจว่าระบบการเลือกตั้งของเขานั้นมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรมมากที่สุดในโลก…เพราะการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรมคือ เสาหลักที่ค้ำประชาธิปไตยเสรีเอาไว้นั่นเอง

นั่นหมายถึงการเปลี่ยนตัวผู้บริหารสูงสุดของประเทศจะต้องราบรื่น ผ่านคะแนนที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่ลากปืนและรถถังออกมาตั้งกลางถนนแบบ Banana Republic ที่ใช้การทำรัฐประหาร เป็นการเปลี่ยนตัวผู้นำ ที่มีทั้งแบบเลือดสาดและเลือดเย็น

แม้จะมีข้อสังเกตว่า การเลือกตั้งสมัย JFK ในช่วง 1960 มีการใส่ไพ่ไฟจากนายกเทศมนตรีเมืองชิคาโก นักการเมือง เจ้าพ่อแบบ Mayor Daley ที่ใช้อิทธิพลจนคะแนน JFK ชนะอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นเหตุการณ์เล็กๆ ทางประวัติศาสตร์ที่ประเทศสหรัฐฯ; ก็เปลี่ยนผ่านไปจนได้ปธน.ที่คนอเมริกันรักและเทิดทูนมากที่สุดคนหนึ่งคือ JFK ที่มีคุณสมบัติดีเด่นหลายด้านมากมายชนิดที่คนอเมริกันได้ลืมการได้ชัยชนะของเขาจากการเลือกตั้งครั้งนั้นเสียสนิท เพราะส่วนหนึ่ง JFK ก็ถูกลอบสังหารตั้งแต่อายุยังน้อย

เคยมีการศึกษาย้อนหลังระยะยาวถึงการโกงการเลือกตั้งอย่างเป็นระบบ สำหรับการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ จากหลายสถาบันทางสังคมศาสตร์ และรวมทั้งครั้งล่าสุดที่ปธน.ทรัมป์ได้ตั้งคณะกรรมการมาวิจัยหลังจากเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2016 ซึ่งผลงานวิจัยก็มักสรุปไปทางเดียวกันคือ มีส่วนน้อยมากที่เกิดการโกงการเลือกตั้ง...ไม่ถึง 0.1% ด้วยซ้ำ ซึ่งอาจมีใบลงคะแนนที่ลายเซ็นไม่เหมือนของผู้ลงคะแนน หรือคนตายแล้วแต่มีบัตรลงคะแนนของคนตาย แต่น้อยมากๆ

สำหรับการเลือกตั้ง (ทางอ้อม) ปธน.ในปี 2020 นี้ มีความแตกต่างกับทุกๆ ครั้งคือ ปธน.ทรัมป์ได้โหมปราศรัยก่อนวันลงคะแนนถึง 2-3 เดือนว่า เขาต้องชนะแน่ๆ เพราะเขาเหนือกว่า Sleepy Joe ทุกๆ ด้าน รวมทั้งด้านเศรษฐกิจที่มีดัชนีตลาดทุนที่วอลล์สตรีทเป็นตัวชี้ เพราะทำลายสถิติถึง 48 ครั้งในรอบ 4 ปีภายใต้การบริหารของเขา

ทรัมป์สรุปเอาดื้อๆ ว่า เขาจะแพ้การเลือกตั้งก็ด้วยกรณีเดียวคือ เขาถูกโกงจากฝ่ายเดโมแครตนั่นเอง!!

โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ขณะนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 45 วัน ก็จะถึงวันสาบานตนของปธน.คนใหม่ในวันที่ 20 มกรา แต่ทรัมป์ยังคงพูดตลอดเวลาว่า เขาชนะการเลือกตั้ง แม้ในรัฐสมรภูมิได้มีการลงนามโดยผู้ว่าการรัฐ (หลายๆ รัฐเป็นรีพับลิกัน-เช่น ที่แอริโซนา, เพนซิลเวเนีย ที่จอร์เจีย เป็นต้น) รับรองว่า ไบเดนเป็นฝ่ายชนะก็ตาม และทีมทนายความของทรัมป์ก็ได้ทำการฟ้องศาลในหลายๆ รัฐ ซึ่งศาลบางรัฐก็ไม่ได้ยอมรับคดี เพราะคะแนนของไบเดนนำอยู่สูงจนทรัมป์จะไม่สามารถพลิกเป็นชนะได้ถึง 270 คะแนน (Electoral Votes) ได้ และศาลบางแห่งถึงกับใช้คำพูดแรงๆ กับการพยายามทำคดีสู้ศาล ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานเด่นชัด เป็นต้น

ล่าสุด กรรมการนับคะแนนที่รัฐเพนซิลเวเนีย ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน ได้ออกมาขอร้องกดดันปธน.ทรัมป์ รวมทั้ง ส.ส., ส.ว.ของพรรครีพับลิกัน ให้ออกมายอมรับชัยชนะของไบเดน ถึงกับฟันธงลงไปว่า ต้องออกมาเร็วๆ ก่อนจะสายเกินไป เพราะอาจเกิดเหตุร้ายแรงมีคนตายแน่ๆ จากวาทกรรมว่า ไบเดนโกงการเลือกตั้ง

ขณะที่ทรัมป์ได้จัดงานคริสต์มาสที่ทำเนียบขาว และได้กล่าวกับผู้เข้าร่วมงานว่า เขาชนะการเลือกตั้ง แต่ถูกโกงเป็นล้านๆ คะแนน และเขาจะกลับมาทำเนียบขาวในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งนับเป็นการข่มขู่เหล่า ส.ส., ส.ว.ของรีพับลิกันให้เกรงกลัวต่ออิทธิพลของเขา ที่คุมฐานเสียงถึง 73 ล้านเสียง ที่จะสามารถชี้เป็นชี้ตายให้แก่เหล่า ส.ส., ส.ว.รีพับลิกันที่จะมาต้านทรัมป์ ถึงขนาดอาจสอบตกได้ในการเลือกตั้ง (ในอีก 2 ปีของ ส.ส.ทุกคน)

นาทีนี้ แทบเป็นที่แน่นอนว่า ทรัมป์จะไม่ไปร่วมในพิธีสาบานตนของไบเดน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เพราะการที่ปธน.ที่หมดวาระมาร่วมพิธี จะทำให้บ้านเมืองกลับมาสมานฉันท์กันได้ระดับหนึ่ง...รวมทั้งธรรมเนียมการออกมายอมรับความพ่ายแพ้ก็เพื่อเป็นการปรามเหล่าฐานเสียงของผู้แพ้ ไม่ให้ใช้ความรุนแรงแข็งขืนต่อผู้ชนะ คล้ายๆ นักรบที่วางอาวุธ หลังทีมของตนแพ้นั่นเอง

Banana Republic จึงกลายเป็นฉายาที่หลายคนบอกว่า ปธน.ทรัมป์กำลังทำให้สหรัฐฯ เกิดภาวะแตกแยกอย่างรุนแรง โดยไม่ยอมแพ้การเลือกตั้ง แต่จะชนะด้วยการก่อหวอดของฐานเสียง (ผิวขาว) ที่ตนได้มาถึง 73 ล้านในครั้งนี้ ที่จะคอยทิ่มแทงขัดขวางการดำเนินงานของรัฐบาลไบเดนในทุกๆ ด้าน และอาจเกิดความไม่สงบด้วยการปลุกปั่นให้ผู้สนับสนุนทรัมป์ ออกมาใช้อาวุธกลางถนนเพื่อต่อสู้กับชาวเดโมแครตก็เป็นได้


กำลังโหลดความคิดเห็น