ผู้จัดการรายวัน 360 - กกร.มองเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะพลิกกลับมาเป็นบวกโดยจีพีดีโต 2-4% ส่งออกโต 3-5% หลังเศรษฐกิจไทยปีนี้เริ่มติดลบในอัตราที่ลดลงต่อเนื่อง ไม่กังวลกรณีการติดเชื้อโควิด-19 หวังรัฐจะคุมอยู่ ปีหน้ามาตรการจากรัฐกลไกหลักขับเคลื่อนศก. พร้อมชง 2 มาตรการทั้งสินเชื่อดบ.ต่ำและหนุนจ่ายเงินเดือนพนักงาน50%
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ที่ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2563 ดีขึ้นโดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ปี 2563 จะหดตัวในกรอบ -6% ถึง -7 % จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนพ.ย.เป็น -7% ถึง 9% การส่งออกจะหดตัวในกรอบ -7% ถึง -8 % จากกรอบเดิม -8%ถึง -10% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะหดตัวอยู่ในกรอบ -0.9 % ถึง - 1% จากเดิม -1%ถึง -1.5% ขณะที่คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะขยายตัวได้ในกรอบ 2 % ถึง 4 % ขณะที่การส่งออกจะขยายตัวในกรอบ 3 % ถึง 5.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 0.8% ถึง 1.2%
“ปี’ 64 การส่งออกของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากมีการใช้วัคซีนในวงกว้างในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงมาตรการกระตุ้นศก.ของสหรัฐ แต่เศรษฐกิจไทยจะยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนกว่า 10 %ของ GDP ยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ซึ่งรัฐยังคงเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนศก.ในปีหน้าดังนั้นมาตรการต่างๆต้องออกมาต่อเนื่องรวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างเชื่อมั่น”นายกลินท์กล่าว
นอกจากนี้ สมาคมโรงแรมไทยได้มาเสนอใน ที่ประชุม กกร. ขอให้ภาครัฐพิจารณา 2 มาตรการ 1. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับกรณีหนี้คงเหลือเดิมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นคงที่ 2% พร้อมทั้งพักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี และขอวงเงินสนับสนุนเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจไทย อนุมัติปล่อยสินเชื่อได้ไม่เกินรายละ 60 ล้านบาท/โรงแรม ในอัตราดอกเบี้ย 2% ปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี
2. มาตรการสนับสนุนเงินเดือนค่าจ้าง50 %Co-payment เพื่อรักษาการจ้างงาน สนับสนุนให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจ้างพนักงานเดิมจำนวน 200,000 คน (จำนวนไม่เกิน 30% ของจำนวนพนักงานปัจจุบัน) ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า กกร.ได้มีการหารือเรื่อง ปัญหาขาดแคลนตู้สินค้าอย่างรุนแรง โดยคาดว่าปัญหาการขาดแคลนตู้จะคลี่คลายในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราค่าระวางเรือ และต้นทุนสินค้าของประเทศไทยด้วย โดย กกร.มีข้อเสนอ ดังนี้ 1 การแก้ปัญหาระยะสั้น เสนอให้สมาคมผู้ส่งออกสินค้าประเภทต่างๆ ประสานเจรจากับสายเดินเรือต่างๆ โดยตรง เพื่อจัดทำสัญญาการใช้บริการ (Service Contract) ที่ระบุข้อตกลงในเรื่องค่าระวางเรือและการจัดสรรระวางเรือและจำนวนตู้สินค้าที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย
2. ส่งเสริมให้สายเดินเรือนำเรือแม่ขนาดใหญ่ของเส้นทางหลัก เช่น สายเอเชีย-ยุโรป สายเอเชีย-อเมริกา สายเอเชีย-ตะวันออกกลาง ฯลฯ เข้ามาเปิดบริการวิ่งตรง (Direct call service) ที่ท่าเรือแหลมฉบังให้มากขึ้น และ 3.ขอเสนอให้ภาครัฐ สนับสนุนส่งเสริมการนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาในประเทศไทย โดยการปรับลดอัตราค่าภาระขนถ่ายและค่าภาระหน้าท่าสำหรับการนำเข้าตู้เปล่า เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าตู้เปล่า
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า กกร.ได้มีการหารือถึงการใช้แอพพลิเคชันด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจร อาทิ จองโรงแรม ที่พักภายในประเทศ จองตั๋วเครื่องบิน และร้านอาหาร ซึ่งขณะนี้มีแอพพลิเคชัน TAGTHAi (ทักทาย) โดยเป็นแอพพลิเคชัน ที่หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ประชุม กกร. จึงเห็นควรสนับสนุนและร่วมมือกัน โปรโมท ต่อยอดให้มีการใช้แอพพลิเคชัน TAGTHAi อย่างแพร่หลาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมทั้ง เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ที่ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2563 ดีขึ้นโดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ปี 2563 จะหดตัวในกรอบ -6% ถึง -7 % จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนพ.ย.เป็น -7% ถึง 9% การส่งออกจะหดตัวในกรอบ -7% ถึง -8 % จากกรอบเดิม -8%ถึง -10% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะหดตัวอยู่ในกรอบ -0.9 % ถึง - 1% จากเดิม -1%ถึง -1.5% ขณะที่คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะขยายตัวได้ในกรอบ 2 % ถึง 4 % ขณะที่การส่งออกจะขยายตัวในกรอบ 3 % ถึง 5.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 0.8% ถึง 1.2%
“ปี’ 64 การส่งออกของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากมีการใช้วัคซีนในวงกว้างในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงมาตรการกระตุ้นศก.ของสหรัฐ แต่เศรษฐกิจไทยจะยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนกว่า 10 %ของ GDP ยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ซึ่งรัฐยังคงเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนศก.ในปีหน้าดังนั้นมาตรการต่างๆต้องออกมาต่อเนื่องรวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างเชื่อมั่น”นายกลินท์กล่าว
นอกจากนี้ สมาคมโรงแรมไทยได้มาเสนอใน ที่ประชุม กกร. ขอให้ภาครัฐพิจารณา 2 มาตรการ 1. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับกรณีหนี้คงเหลือเดิมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นคงที่ 2% พร้อมทั้งพักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี และขอวงเงินสนับสนุนเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจไทย อนุมัติปล่อยสินเชื่อได้ไม่เกินรายละ 60 ล้านบาท/โรงแรม ในอัตราดอกเบี้ย 2% ปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี
2. มาตรการสนับสนุนเงินเดือนค่าจ้าง50 %Co-payment เพื่อรักษาการจ้างงาน สนับสนุนให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจ้างพนักงานเดิมจำนวน 200,000 คน (จำนวนไม่เกิน 30% ของจำนวนพนักงานปัจจุบัน) ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า กกร.ได้มีการหารือเรื่อง ปัญหาขาดแคลนตู้สินค้าอย่างรุนแรง โดยคาดว่าปัญหาการขาดแคลนตู้จะคลี่คลายในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราค่าระวางเรือ และต้นทุนสินค้าของประเทศไทยด้วย โดย กกร.มีข้อเสนอ ดังนี้ 1 การแก้ปัญหาระยะสั้น เสนอให้สมาคมผู้ส่งออกสินค้าประเภทต่างๆ ประสานเจรจากับสายเดินเรือต่างๆ โดยตรง เพื่อจัดทำสัญญาการใช้บริการ (Service Contract) ที่ระบุข้อตกลงในเรื่องค่าระวางเรือและการจัดสรรระวางเรือและจำนวนตู้สินค้าที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย
2. ส่งเสริมให้สายเดินเรือนำเรือแม่ขนาดใหญ่ของเส้นทางหลัก เช่น สายเอเชีย-ยุโรป สายเอเชีย-อเมริกา สายเอเชีย-ตะวันออกกลาง ฯลฯ เข้ามาเปิดบริการวิ่งตรง (Direct call service) ที่ท่าเรือแหลมฉบังให้มากขึ้น และ 3.ขอเสนอให้ภาครัฐ สนับสนุนส่งเสริมการนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาในประเทศไทย โดยการปรับลดอัตราค่าภาระขนถ่ายและค่าภาระหน้าท่าสำหรับการนำเข้าตู้เปล่า เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าตู้เปล่า
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า กกร.ได้มีการหารือถึงการใช้แอพพลิเคชันด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจร อาทิ จองโรงแรม ที่พักภายในประเทศ จองตั๋วเครื่องบิน และร้านอาหาร ซึ่งขณะนี้มีแอพพลิเคชัน TAGTHAi (ทักทาย) โดยเป็นแอพพลิเคชัน ที่หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ประชุม กกร. จึงเห็นควรสนับสนุนและร่วมมือกัน โปรโมท ต่อยอดให้มีการใช้แอพพลิเคชัน TAGTHAi อย่างแพร่หลาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมทั้ง เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน