ก็เป็นพวกม็อบทั้งหลายนั่นแหละ ที่กำลังชุมนุมเยิ้วๆ อยู่แทบทุกวันตามสี่แยกหลักและจังหวัดรอบนอก สร้างความทุกข์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนยามบ่ายถึงค่ำ ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของม็อบที่ต้องชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ เพื่อสร้างแรงกดดันฝ่ายรัฐบาล
และที่ไปลำบากด้วย ก็คือรัฐบาลลุงตู่ โดยเฉพาะตัวลุงตู่ ไม่ว่าจะรอดจากการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ก็ตาม เพราะตัวลุงตู่เองนั้นอยู่ในฐานะนายกฯ ก็ลำบาก ลงก็ลำบาก และจะไปต่อก็ลำบากเช่นกัน แต่เป็นด้วยเหตุผลต่างกัน
จะว่าไปแล้วประชาชนคนห่วงใยบ้านเมืองรู้สึกเหมือนอยู่ระหว่างเขาควาย กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เกี่ยวกับรัฐบาล และการรณรงค์ของกลุ่มม็อบต่างๆ
เห็นลีลา ลวดลายโผล่มาแล้วของม็อบรุ่นใหม่ คงจะยากที่คนรุ่นปัจจุบันหรือรุ่นเดียวกันกับม็อบมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถฝากอนาคตให้พวกคนรุ่นใหม่ที่ว่า เพราะการไร้เนื้อหาสาระในการต่อสู้รณรงค์ ซึ่งเริ่มสูญเสียความน่าเชื่อถืออย่างเร็ว
และดูท่าว่าจะกลายเป็นม็อบสร้างความรำคาญให้ประชาชน และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ กิจการธุรกิจในพื้นที่ของการชุมนุม ในภาวะเศรษฐกิจตายซาก ฟื้นยาก ขาดทรัพยากร คนต้องแบกหนี้สินของตัวเองและหนี้ประเทศ
เป็นสภาวะหนักหนาสาหัส เพราะความไร้ดุลยภาพ วุฒิภาวะของม็อบ ทั้งส่อแววว่าอาจเกินความรุนแรงจากพวกเดียวกัน หรือจากความไม่พอใจของคนกลุ่มอื่นๆ
ลุงตู่อยู่ต่อก็ขาดพลังในการบริหารจัดการ รวมทั้งความรู้ความสามารถของทีมงาน ความศรัทธา น่าเชื่อถือ ปัญหาที่มีอยู่ทุกวันนี้เพราะไร้ความสามารถ และขาดความกล้าหาญในการจัดการทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม มีแต่ความห้าวกลวงๆ
ถ้ามีลีลาอะไร ก็คงถึงจุดตันเหมือนม็อบต่างๆ หลากประเภทขณะนี้นั่นแหละ เพราะเริ่มถึงจุดตัน ขาดความคิดริเริ่ม ขาดประเด็นจูงใจให้คนเข้าร่วม เพราะทำพลาดในด้านการใช้ความหยาบคาย ความก้าวร้าว เป็นจุดขาย การไร้ภูมิปัญญา วุฒิภาวะ
มีแต่ความคึกคะนอง ความกล้า แต่ไร้จิตวิญญาณ ความทุ่มเททำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน มุ่งแต่จ้องปฏิรูปแฝงแผนล้มสถาบันกษัตริย์ตามข้อกล่าวหา ใช้ประเด็นไล่ลุงตู่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเพียงฉากบังหน้าเคลื่อนไหว
กลุ่มม็อบได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าขณะที่คนเกือบทั้งประเทศลำบากด้วยปัญหาเศรษฐกิจ การดำรงชีพ ความอยู่รอด แทบเลือดตากระเด็น สิ่งเหล่านี้ไม่อยู่ในหัวคิดจิตใจของกลุ่มม็อบ มุ่งแต่ประเด็นจะเดินหน้าหาทางล้มเจ้าเป็นวาระสำคัญ
แม้กระทั่งนักศึกษารับปริญญาหมาดๆ ไร้งานทำกว่า 5 แสนคนปีนี้ และตกงานค้างตั้งแต่ปีก่อนร่วม 4 แสนคน เป็นบัณฑิตว่างงาน ก็ไม่ได้อยู่ในความเป็นห่วงของแกนนำม็อบที่ส่วนหนึ่งยังเรียนไม่จบ และยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เรียนจบหรือไม่
นั่นเป็นเพราะการชุมนุมทุกครั้งแกนนำม็อบ หัวหน้าระดับต่างๆ เป็นการเพิ่มจำนวนคดีอาญา สะสมแต้มไว้ แต่ละคนหลายคดี และยังไม่มีวี่แววว่าจะจบสิ้น
ยิ่งอยู่ยาว ก็ยิ่งกระทำความผิดเพิ่ม คดีก็จะยิ่งเยอะ ทั้งมีการกระทำผิดมาตรา 112 ด้วย ก็น่าห่วงว่าจะต้องอยู่ในความอนุเคราะห์ของกรมราชทัณฑ์นานหลายปี ด้วยความผิดต่างกรรมต่างวาระ อนาคตจะจบสิ้นกลายเป็นคนสิ้นอิสรภาพ
ม็อบเริ่มขาดประเด็น การชุมนุม 4-5 ครั้งที่ผ่านมามีเพียงการออกมาด้วยคำอ้างว่าเตรียมต่อต้านการรัฐประหาร ซึ่ง 3 ประเด็นแรกที่เรียกร้องนั้นยังห่างไกลจากความสำเร็จ เช่น ให้ลุงตู่ลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
การอ้างเลื่อนลอยว่ากลิ่นรัฐประหารโชยมา จะมีการปฏิวัติ หรืออะไรทำนองนั้นไม่มีหลักฐานอะไรนอกจากลมปาก แกนนำม็อบไม่บอกว่าใครจะทำรัฐประหาร ทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไร และจะทำโดยวิธีไหน มีความจำเป็นต้องทำอย่างไร
ลำพังในการจัดการกับแกนนำม็อบหรือผู้กระทำความผิด ก็ใช้กฎหมายอาญาทั่วไปก็เหลือแหล่ เพียงแต่หัวหน้ารัฐบาลขาดความกล้าหาญทางการเมือง จึงทำให้ยืดเยื้อ ลากยาว ลุงตู่มัวแต่อ้างว่าตัวเองไม่มีความขัดแย้งกับพวกม็อบ
เป็นความคิดเต็มไปด้วยโลกสวย ขนาดม็อบออกปากไล่ทุกวัน ยังไม่เข้าใจ!
ลุงตู่จะอยู่หรือจะไป ต้องรอวันที่ 2 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าอยู่บ้านหลวงฟรีๆ ในฐานะเป็นนักการเมืองนั้นผิดหรือไม่ ถ้าไม่ผิดต้องมีเหตุผลที่รับฟังได้จนสิ้นเหตุอันควรสงสัย จะอ้างหลักรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ หรือศาสตร์อื่นๆ
หรือจะเป็นอภินิหาร ปาฏิหาริย์ทางกฎหมายอย่างไร ก็ต้องรอคำอ้างเหตุผลต่างๆ ต้องให้สาธารณะยอมรับได้ และต้องให้ถูกหลักของกฎหมาย เพื่อดำรงความน่าเชื่อถือของศาล และความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าลุงตู่น่าจะไปรอด เพราะคำอ้างว่าการอยู่บ้านหลวงนั้นเป็นการง่ายในการรักษาความปลอดภัย และเป็นการประหยัดงบประมาณแผ่นดิน แต่ดูแล้วความเป็นจริงเป็นการให้ลุงตู่ประหยัดเงินส่วนตัวมากกว่า เพราะอยู่แบบฟรี
ต้องดูว่าประเด็นที่ว่าถึงแม้หน่วยงานของกองทัพให้เป็นกรณีพิเศษ ฐานะทำคุณงามความดี หรืออะไรทำนองนั้น ถ้าผลสุดท้ายได้ทำอะไรเสียหาย จะเรียกค่าเสียหายเป็นเงินคืนหรือไม่ ทั้งประเด็นที่ว่าถึงจะ “ให้ได้” แต่นักการเมืองห้ามรับ
ทั้งยังมีประเด็นหน่วยงานกองทัพบกได้เปลี่ยนหน่วยงานควบคุมบัญชาการแล้ว สถานภาพต้องเปลี่ยนด้วย ดังนั้น หลักต่างๆ จึงต้องมีเหตุผลรับฟังได้สนิทใจ
มีแต่คำถามว่า “บ้านเมืองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” ตอบไม่ยาก “เพราะลุงตู่” แต่ถามต่อว่าจะไปต่อกันอย่างไร “อันนี้ต้องรอวันที่ 2 ว่าลุงตู่จะอยู่หรือไป”