“ไอ้โม่ง” ตัวจริงโผล่จนได้ “สุวินัย” แฉทันควัน “รุ้ง” สารภาพรับโพย 10 ข้อ ก่อนขึ้นเวทีธรรมศาสตร์ไม่ทน คล้ายข้อเสนอ “ล้มเจ้า” ของ “สมศักดิ์ เจียม” ชาวเน็ตวิพากษ์เดือด “ดีเบต” พ่ายยับ! บ้างว่า “มันเป็นข้อมูลเท็จ มันจึงไปไม่เป็น...”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (28 พ.ย. 63) เฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai ของ ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความระบุว่า
“เรื่องใหญ่ที่เป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ คือ รุ้ง สารภาพเองว่าเพิ่งรับโพยเรื่องข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อ ของอาจารย์สมศักดิ์ เจียม ก่อนขึ้นพูดบนเวทีธรรมศาสตร์รังสิต ในค่ำวันที่ 10 สิงหาคม 2020 เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
เรียกว่า “ตกกระไดพลอยโจนโดยเต็มใจ”
ผมมีคำถามที่อยากทราบคำตอบจากรุ้งนะว่า ... ใครคือคนบงการที่อยู่เบื้องหลังยื่นโพยยัดใส่มือรุ้งให้ออกไปเรียกร้องข้อเสนอปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อ
เพราะนี่คือ ไอ้โม่งตัวจริง ซึ่งผมมองว่า มีหลายคนสุมหัวกันใช้เด็กบังหน้า”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 63 รายงานพิเศษ “ประชาไท” ของทีมข่าว “ความมั่นคง” ได้นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ข้อเสนอต่อการแก้ปัญหาการเมืองไทย ที่มีสองมาตรฐาน ของ “สมศักดิ์ เจียม” หรือ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ลี้ภัยไปอยู่ฝรั่งเศสหลังรัฐประหาร 2557
โดยระบุ เอาไว้ดังนี้
(1) ยกเลิก รัฐธรรมนูญ มาตรา 6 เพิ่มเติมมาตราในลักษณะเดียวกันกับรัฐธรรมนูญ 27 มิถุนายน 2475 (สภาพิจารณาความผิดของกษัตริย์)
(2) ยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
(3) ยกเลิก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2561 แบ่งทรัพย์สินออกเป็น 2 ส่วนชัดเจน (ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง)
(4) ยกเลิก ส่วนราชการในพระองค์ หน่วยงานที่ขาดความจำเป็นให้ยกเลิก (องคมนตรี), หน่วยงานที่มีหน้าที่ (หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์, ฯลฯ) ให้ย้ายไปสังกัดหน่วยงานอื่น
(5) ยกเลิกการบริจาค/รับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลทั้งหมด
(6) ยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความเห็นการทางการเมือง
(7) ยกเลิกการประชาสัมพันธ์ด้านเดียวทั้งหมด การให้การศึกษาแบบด้านเดียวเกี่ยวกับสถาบันทั้งหมด
...หากเทียบกับเวอร์ชันของนักศึกษา พบว่า ข้อเสนอของนักศึกษา มีเพิ่มเติมมาอีก 3 ข้อ คือ เรื่องการลดงบประมาณให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ, การสืบหาข้อเท็จจริงการเข่นฆ่าราษฎรที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบัน, การไม่ลงพระปรมาภิไธยหากมีการรัฐประหาร...
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก ซึ่งต้องพิสูจน์ โพสต์ข้อความเช่นกันว่า
ย้อนอ่านข่าวจาก บีบีซีไทย
“รุ้ง” ได้รับต้นฉบับข้อเสนอ
10 ข้อจาก “ใคร” ก่อนขึ้นเวที
---
เธอได้รับต้นฉบับข้อเรียกร้อง 10 ประการ ก่อนจะขึ้นพูดบนเวทีธรรมศาสตร์เพียงไม่นานนัก
“เพื่อนส่งมาให้หนูดูตอนตีหนึ่งกว่า มันถามหนูว่า จะอ่านไหม ทุกคนรู้สึกว่า มันแรงมาก ตัวเองก็รู้ว่ามันแรงมากๆ แต่หนูรู้สึกว่า มันต้องพูด…หนูเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดม็อบครั้งนั้น แล้วเรื่องสถาบันเป็นหนึ่งในความคิดหลักของหนูตลอดมา เลยอยากขึ้นไปพูด เรียกว่าขอขึ้นไปพูดก็ได้ ขอพูดเอง”
“ต้องนั่งจับมือทั้งสองข้างกับเพื่อนแล้วถามว่า เราทำถูกใช่ไหม นี่คือ สิ่งที่เราต้องทำใช่ไหม คำตอบคือใช่ มันคือสิ่งที่ทั้งถูกต้องและต้องทำ เลยนั่งสูบบุหรี่ตัวหนึ่ง แล้วก็ขึ้นไปพูดในสิ่งที่คิดทั้งหมด รวมทั้งข้อเรียกร้องด้วย”
ขอบคุณข่าว บีบีซีไทย
https://www.bbc.com/thai/thailand-54173930
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน พบว่า สังคมออนไลน์ มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางต่อการดีเบตในประเด็น “พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 2561” เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ในรายการ “ถามตรงๆ กับจอมขวัญ” ระหว่าง ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กับ นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” แกนนำกลุ่มราษฎร
โดย ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้านปรัชญาการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“ไปไม่เป็นเลยทีเดียว กับ “รุ้ง” แกนนำม็อบปลดแอก เมื่อเจอกับนักวิชาการตัวจริงอย่าง ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ที่มีข้อมูลและอธิบายข้อกฎหมายได้ชัดเจน
ที่ผ่านมา ฝ่ายปกป้องสถาบัน ไม่เคยมีนักวิชาการที่ออกมาตอบโต้ หรือให้ข้อมูลในเวทีสาธารณะได้ชัดเจนเลย (มีแต่เอาพวกขวาจัดที่เน้นการใช้ถ้อยคำประชดประชันรุนแรงมาออกรายการ) แต่ครั้งนี้ต่างออกไป...
อ.อานนท์ ไล่จี้ถามทีละเรื่อง ทำให้รู้ว่า ขนาดเรื่องเงินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นนิติบุคคล กับ งบของภาครัฐที่จัดสรรให้สำนักพระราชวัง แกนนำเหล่านี้ยังแยกออกจากกันไม่ถูกเลย
ที่ผ่านมา กลุ่มปลดแอก มักชอบบิดเบือนเรื่องข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในวงกว้าง แต่พอเจอนักวิชาการตัวจริงที่มีข้อมูลไปดีเบต มันก็เลยออกมาสภาพนี้แหละครับ
(ขนาดว่าพิธีกรอย่างจอมขวัญ พยายามช่วยรุ้งอย่างสุดตัว และพยายามมาดีเบตแทนรุ้ง ก็ยังออกมาสภาพนี้อยู่ดี)
#ไปทำการบ้านก่อนมั้ย”
ขณะที่ผู้แสดงความคิดเห็นอื่น เช่น “กระดูกคนละเบอร์ รุ้งจะสู้เขาไม่ได้หรอก มันต้องทนายอานนท์”
“เค้าเป็นผู้นำม็อบแล้วไปอธิบายผิดหมดเลยคนที่รับสารไปก็ผิดสิ”
“ผมโคตรเห็นใจรุ้งเลย มวยมันผิดคู่ยังไงก็แพ้ คนจับคู่เขาคงจงใจให้เป็นแบบนี้”
“มันเป็นข้อมูลเท็จ มันจึงไปไม่เป็น เจ้าของบทความเท็จอย่างไรก็แพ้”
“ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของรุ้ง และแกนนำทุกคนที่จะไปดีเบตในเรื่องต่างๆ ข้อมูลต้องแน่นและหลากหลาย”
“มันน่าจะเอา เพนกวิน หรือทนายอานนท์ มาดีเบตนะ น่าจะซดกันมันหยดติ๋งๆๆ” (จากไทยโพสต์ออนไลน์)
แน่นอน, ประเด็นที่น่าวิเคราะห์อย่างยิ่ง คือ แกนนำม็อบเยาวชน นักศึกษา ที่เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร 2563” นั้น แท้จริงแล้ว เป็นตัวจริงที่ต้องการเรียกร้อง 10 ข้อ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63 ของม็อบธรรมศาสตร์ไม่ทน ที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต หรือไม่
เรื่องนี้ หลายคนไม่เชื่อว่า เยาวชนเหล่านี้จะมีความคิดอันแหลมคมเกี่ยวกับ “สถาบัน” เพราะด้วยวัย วุฒิภาวะ และประสบการณ์ แล้ว คงไม่คิดอะไรได้ลึกซึ้ง จนกระทั่งตกผลึกออกมาเป็นข้อเสนอ
ดังนั้น สิ่งที่หลายคนเชื่อมาตั้งแต่ต้นก็คือ ต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลัง หรือ ที่เรียกว่า “อีแอบ” จากนั้นหลายคนก็ค้นพบต้นตำรับข้อเสนอมาก่อนแล้ว ว่า หลายข้อคล้ายกับข้อเสนอของ “สมศักดิ์ เจียม” ที่เสนอเอาไว้ในบทความ
แต่ก็ยังไม่พบจิ๊กซอว์ที่จะทำให้เห็นชัดเจนว่า แกนนำม็อบเหล่านี้ เพียงแค่ได้อิทธิพลทางความคิดมาจาก “สมศักดิ์ เจียม” หรือ ลอกข้อเสนอมา แล้วเพิ่มเติมอีก 3 ข้อ จนเป็น 10 ข้อ กระทั่งมาถูกเปิดเผยในวันนี้ จากการรับสารภาพเองของ “รุ้ง” ว่า มีคนเอามายัดใส่มือ ให้ขึ้นพูดบนเวทีธรรมศาสตร์ ไม่ทน เพียงไม่กี่นาที ซึ่งที่ ดร.สุวินัย อยากทราบ และคนไทยก็อยากทราบ ก็คือ ใครเป็นคนเอายัดใส่มือ และเอาเด็กเป็นเหยื่อมาจนถึงวันนี้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าจะวิเคราะห์ต่อมาว่า เรื่องทั้งหลายใน 10 ข้อ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่จับแพะชนแกะเอาไปพูดปราศรัยบนเวที ก็ล้วนคนที่อยู่เบื้องหลังป้อนข้อมูลให้ใช่หรือไม่ เพราะดูจากการดีเบตแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดจากความรู้ที่ได้มาด้วยตัวเอง จนมีภูมิปัญญาเพียงพอที่จะต่อสู้เรียกร้องทางการเมือง ในที่สุดก็ถูกฆาตกรรมบนจอทีวีอย่างที่เห็นกันแล้ว
เหนืออื่นใด ความพ่ายแพ้ “ดีเบต” ของ “รุ้ง” ถือเป็นคุณูปการไม่น้อยกับสังคมไทย อย่างน้อยที่สุด ก็ทำให้คนที่ยังชั่งใจว่า จะเชื่อฝ่ายไหนดี ตัดสินใจได้ถูก ว่า ใครกันแน่ของจริง ของปลอม และคนที่ต้องไล่ล่าก็คือ “อีแอบ” ที่อำมหิตผิดมนุษย์หลอกใช้เด็กนั่นเอง