“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ การกระทำสิ่งใดโดยไม่รู้จักคิด แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น คือ การกระทำในสิ่งที่ผิด แต่คิดเองว่า..ตนเองทำถูก”
การทำผิดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะแม้แต่อัจฉริยะของโลกทุกคน ล้วนเคยทำผิดมาก่อนจะทำถูกทั้งสิ้น แต่การทำถูกของอัจฉริยะ ก่อให้เกิดผลงานยอดเยี่ยม จนได้รับการยกย่องยอมรับจากคนทั่วโลก
ผลงานยอดเยี่ยมของ“มนุษย์อัจฉริยะ” เกิดจากการคิดถูกกับการทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า โลกจึงได้ผลงานดีเยี่ยมมากมาย ทั้งผลงานทางวิทยาศาสตร์ด้านการแพทย์ ผลงานทางวิทยาศาสตร์ด้านเทคโนโลยี ผลงานทางวิทยาศาสตร์ด้านอวกาศ ฯลฯ
“เลนิน” นักลัทธิมาร์กซ์ ที่ลุกขึ้นปฏิวัติห้วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ประสบความสำเร็จ จนสร้าง “คอมมิวนิสต์ชาติแรกในโลก” ในประเทศสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต หรือประเทศรัสเซียในปัจจุบัน
“เลนิน” ให้ทัศนะในเรื่องอัจฉริยะว่า “คน” ไม่ทำอะไรเพราะกลัวผิดนั้น-ไม่มี! แต่ “คนเป็นอัจฉริยะ” คือ “คนที่รู้ว่าผิดก่อนคนอื่น”! อีกทั้งยังต้องเป็น “คนแก้ผิดให้ถูกก่อนคนอื่น” อีกด้วย นั่นจึงจะถือว่าเป็น “มนุษย์อัจฉริยะ” ที่แท้จริงสำหรับ “เลนิน”(ว่ะ)!
ทุกวันนี้แม้โลกจะเจริญก้าวหน้า ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีล้ำยุค ซึ่งได้พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทว่าแต่ละชาติก็มีเรื่องมากมาย ทั้งที่เหมือน-เกือบเหมือน-แตกต่างกัน ฯลฯ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี ฯลฯ
แม้โลกจะมีวิวัฒน์รวดเร็วเพียงใด แต่ก็ไม่อาจทำให้ทุกชาติเหมือนกันทุกมิติแน่นอน!
แต่ที่แน่ๆ..นับตั้งแต่อดีต กระทั่งปัจจุบัน ตราบจนอนาคต..คนทุกวัยย่อมมีความคิด ที่ทั้งเหมือนและแตกต่างกันมาตลอด ในเรื่องความ “เชื่อ” และ “ไม่เชื่อ” ซึ่งความแตกต่างยังคงดำรงอยู่และบังคับกันไม่ได้..จริงไหม?
เมื่อหวนคิดถึงวัยเด็กจนเติบใหญ่ มักจะได้ยิน “พ่อ-แม่-ปู่-ย่า-ตา-ยาย-ครู-อาจารย์” ฯลฯ รวมทั้งยามใดที่มีโอกาสได้เข้าวัด “พระสงฆ์” ก็มักจะเทศน์ให้ฟัง เนื้อหาตรงกันว่า
“คนทำดีได้ขึ้นสวรรค์-คนทำชั่วต้องตกนรก”!
ทว่า.. จากที่สัมผัสรับรู้ตั้งแต่เด็ก เรื่อยมาจนกำลังเป็น “ไม้ใกล้ฝั่ง” ผู้คนในสังคมจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า “สวรรค์มีจริง” จนมีจินตนาการในภาพยนตร์มากมายว่า “สวรรค์อยู่บนฟ้านภาอากาศอันไพศาล”นั้น มีเหล่า “นางฟ้า” สวยเลิศเลอ กับ “เทวดา” สุดหล่อ เหาะเหินเดินอากาศ มีฤทธิ์มหาศาล มีจิตใจเมตตา มักใช้ฤทธิ์เดชช่วยเหลือมนุษย์ที่ทำดีเสมอ..
ส่วน “นรก” ก็ช่างน่าขนพองสยองเกล้าสุดๆ แต่ละ “ขุม”เต็มไปด้วยไฟบรรลัยกัลป์ “ยมบาล” กับ “เจ้าหน้าที่” ทั้งหลายในขุมนรก ล้วนมีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาขมึงทึงดุดันน่ากลัวอย่างยิ่ง เมื่อ “มนุษย์ทำชั่ว” ตายไปก็กลายเป็น “วิญญาณ” ต้องถูกทรมานอย่างทารุณโหดร้ายสารพัดวิธี ใน “นรก” ไม่มีอะไรชวนให้บันเทิงเริงรมย์เลย มีแต่เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เต็มไปด้วยความทุกข์ซ้ำซากไม่มีวันสิ้นสุด ฯลฯ
ความเชื่อที่ว่า “ทำดีได้ขึ้นสวรรค์-ทำชั่วต้องตกนรก” นั้น เป็นเรื่องที่สอนกันมาตั้งแต่จำความได้ เพื่อมุ่งให้คนเอาชนะใจตนเองให้ได้ เมื่อเกิดมาแล้วต้องทำดีให้มากที่สุด ต้องลด-ละ-เลิกจากการทำชั่ว จนมีการพูดให้เข้าใจง่ายขึ้น ด้วยคติที่ยึดถือกันมานานว่า “ทำดีได้ดี-ทำชั่วได้ชั่ว”
แต่วันนี้..“ผู้คนทุกวัย” ชักพากันสับสน เพราะมีการ “พูดเพี้ยน” จนฮิตติดปากว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน-ทำชั่วได้ดีมีถมไป(ว่ะ)”!
ทั้งนี้เพราะที่ผ่านมา..ในชาติไทยมี “นายกฯ-ครม.-ข้าราชการ-นักธุรกิจ” กลุ่มหนึ่ง ที่ใครๆพากันมองหา “คนดี” ในคนกลุ่มนี้ได้น้อยมากจนแทบไม่เจอกันเลยล่ะ ส่วนใหญ่มีแต่พวกโกงชาติและล้มเจ้า ทว่า..คนกลุ่มนี้กลับได้ดี มีความมั่งคั่งร่ำรวย ให้คนทุกวัยเห็นกันจะจะ!
กลายเป็นบทพิสูจน์สำนวนใหม่ “ทำดีได้ดีมี(ให้เห็น)ที่ไหน-แต่ทำชั่วได้ดีมี(ให้เห็น)ถมไป” เพราะในชาติไทย “คนชั่วได้ดี” มีให้เห็นมากมายจริงๆ เป็นทั้ง ส.ส.ในสภาฯ-รัฐมนตรีในรัฐบาล-ข้าราชการใหญ่น้อย ฯลฯ รวมทั้งพ่อค้านักธุรกิจการเมือง ที่ใกล้ชิดกับ “ผู้มีอำนาจ” ล้วนได้ดิบได้ดี มีเงินทองร่ำรวยอู้ฟู่ จนชาติไทยยุค “นายกฯ บิ๊กตู่” ได้กลายเป็นสังคม “รวยกระจุกจนกระจาย” ติดอันดับต้นๆของโลกไปแล้วนะเฟ้ย
ในขณะที่ผู้มีรายได้น้อยและคนยากจน ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของสังคมไทย กลับยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบากแสนสาหัส เลือดตาแทบกระเด็น ทุกข์เข็ญมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นความอธรรมที่คนทั้งสังคมมองเห็นตำตา นั่นจึงทำให้เด็กกับเยาวชนและผู้ใหญ่ในชาติไทย ไม่อาจจะเคารพคนชั่วที่มีอำนาจเหล่านั้นได้..จริงๆนะเว้ยเฮ้ย..
โชคดีที่พระสงฆ์ผู้ทรงธรรมได้พร่ำสอนให้ฉุกคิด และตระหนักรู้อย่างง่ายๆ ว่า “นรกกับสวรรค์”ไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย หากแต่ “อยู่ในใจของคนเรานี่แหละ”!
อืม..คำสอนนี้จึงเข้าใจง่ายขึ้นสำหรับคนทุกวัย เพราะ “ยามตัวเรามีความทุกข์..ทุกข์ก็ทรมานอยู่ในใจเรานี่แหละ” และ “ในยามตัวเรามีความสุข..ความสุขก็เริงร่าอยู่ในใจของเราอีกเช่นกัน”
ต้องขอบคุณอย่างยิ่งต่อคนรุ่น “พ่อ-แม่-ปู่-ย่า-ตา-ยาย-ครู-อาจารย์-พระสงฆ์” ฯลฯ ซึ่งล้วนสอนสั่งให้เด็ก-เยาวชน-ผู้คนทั้งหลาย ได้เข้าใจในปรัชญาแห่งธรรมอันถูกต้อง
มิใช่บรรดา “หัวโล้นห่มผ้าเหลือง” ที่จมปลักอยู่กับ “พุทธพาณิชย์” ซึ่งมีอยู่มากมายตาม “วัด” ที่มิใช่ “วัด” ฯลฯ อีกทั้ง “พระปลอม” ที่ยึดเงินทองเป็นสรณะ ซึ่งนำพาผู้คนให้หลงทางไปสู่ “อวิชชา” ที่เต็มไปด้วยไสยศาสตร์อันเหลวไหล มิใช่หนทางแห่งธรรมขององค์พระศาสดา
เฮ้อ..นึกถึง “พ่อ-แม่-ปู่-ย่า-ตา-ยาย-ครู-อาจารย์-พระสงฆ์” ฯลฯ ที่พยายามอดทนพร่ำสอนสั่ง “พวกเรา” อย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย มุ่งหมายให้ “พวกเรา” มีความสุขจากการทำดี และพ้นทุกข์จากการละเว้นการทำชั่ว ต้องถือเป็น “บุญคุณที่ยิ่งใหญ่” อย่างแท้จริง
เพราะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ในความรักและหวังดีครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดมา โดยมิได้ระย่อ ด้วยการให้ทำดีเพื่อพบกับความสุข และย้ำแล้วย้ำอีกให้ต้องลด-ละ-เลิก การทำชั่ว ให้ได้อย่างเด็ดขาด เพื่อพ้นจากความทุกข์
วันนี้..อดีตสามทหารเสือและอดีต ผบ.ทบ. “นายกฯ บิ๊กตู่-รองนายกฯ บิ๊กป้อม-รมว.มท.บิ๊กป๊อก” ที่ครองเมืองด้วยอำนาจเผด็จการ และสืบทอดอำนาจต่อมานานร่วม 7 ปี โดยไม่ได้ลงมือแก้ต้นเหตุปัญหา ที่สำคัญๆให้ชาติและประชาชน จน “ขบวนการล้มเจ้า” ที่กำลังชุมนุมเคลื่อนไหว ก่อความปั่นป่วนวุ่นวายให้ชาติอยู่ในขณะนี้ พยายามทุกวิถีทางที่จะเปลี่ยน “ราชอาณาจักร” ให้เป็น “สาธารณรัฐ”
โดยมี “อีแอบ-แกนนำเยาวชน-ชาติตะวันตก” “บางคน-บางกลุ่ม-บางพวก-บางพรรค” ที่กำลังปฏิบัติการอย่างเอาเป็นเอาตาย มุ่งจะ “ปฏิวัติโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์” ด้วยการใช้วิธีการโกหกปกปิดบิดเบือนว่า “พวกเขาเหล่านั้น” แค่จะ“ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์”เท่านั้น!
งานนี้..จึงต้องถามกันตรงๆ แบบ “เหวี่ยงแห” ว่า “ตู่-ป้อม-ป๊อก-เหลี่ยม-ทอน-อานนท์-กวิ้น-รุ้ง” รวมทั้งบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ผองคนเหล่านี้ ไฉนใยจึงไม่รู้จักคิด? ไม่รู้จักทำ? ทั้งๆ ที่เป็นเรื่อง “ทำดีได้ดีเห็น ๆกันอยู่แท้ๆ” แต่ “คนเหล่านั้น” ดันไม่ทำ? ส่วนเรื่อง “ทำชั่วได้ชั่วก็เห็นกันอยู่” แต่ทำไม “คนเหล่านั้น” ถึงชอบทำกันนักหนา?
ใครหน้าไหน-กำลังทำชั่ว ทำร้ายทำลาย ต่อชาติ-พระมหากษัตริย์-ประชาชน “พวกเขาเหล่านั้น” ชะตากรรมหนีไม่พ้น “คุก” หรือต้อง “ลี้ภัย” แน่นอน!
ใครหน้าไหน-มีอำนาจที่จะทำดี ปกป้องชาติ-พระมหากษัตริย์-ประชาชน ให้มีความมั่นคงสถาพร แต่ไม่ทำอย่างจริงจัง ความสุขในใจย่อมเหือดหาย! ความทุกข์จะเสมือนไฟไหม้ผลาญอยู่ในใจมิสิ้นสุด!
อืม..“ทุกศาสนา” ล้วนสอนให้คนทำดีทั้งสิ้น แต่เพราะกิเลสที่ต้องการรักษาและแย่งอำนาจกัน ทำให้คน “กล้าทำชั่ว” ขนาดยอมตกนรกกันเลยเชียว?