ผู้จัดการรายวัน360-“บิ๊กตู่”ย้ำไม่มีปฏิวัติ ซัดพวกปล่อยข่าว หวังระดมคนร่วมชุมนุม ลั่นไม่ปล่อยม็อบชนม็อบ ยันดูแลสองฝ่าย ไม่ต้องการเห็นคนไทยฆ่ากันซ้ำรอยอดีต “บิ๊กป้อม”สั่งห้ามเข้าใกล้เขตพระราชฐานเกิน 150 เมตร ไม่รู้ เอกสาร สมช. สั่งสกัดม็อบเข้ากรุงหลุด “อนุทิน”บอกทุเรียนหล่นใส่ขาแหก หลัง “จตุพร”ทำนายเป็นนายกฯ คนต่อไป “ไพศาล” ฟันธงม็อบ 25 พ.ย.นี้ หวังปะทะ ประจานไทยออกสื่อ ศปปส.ลั่นจะไม่ทน ลุยแจ้งความ ม.112 ทั่วประเทศ “ปารีณา”ประเดิม ฟ้อง “ครูใหญ่” ด้าน “สิระ”จ่อเรียก “น้องหมวย” แจงกรณีถูกอนาจารในโรงเรียน มีมูลให้ความยุติธรรม โกหกต้องรับผิดชอบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร ในวันที่ 25 พ.ย.2563 ที่คาดว่าผู้ชุมนุมสองฝ่ายจะเผชิญหน้ากัน ว่า ก็พยายามห้ามไม่ให้ตีกัน ไม่ว่าใครก็ต้องเคารพกฎหมาย จะตี จะขว้าง จะยิงกันหรือไม่ยิง ไม่รู้ ทั้งคู่เก็บจากกล้องทั้งหมด ตนให้ดำเนินการตามกฎหมายทั้งสองฝ่าย ไม่เคยเลือกปฏิบัติ เป็นการชุมนุมที่บอกว่าเป็นสิทธิ เสรีภาพ ฉะนั้นสิทธิเสรีภาพไม่ใช่ต้องสงวนไว้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สามารถชุมนุมได้ทั้งสองฝ่าย สามฝ่าย อะไรก็แล้วแต่ แต่จะต้องไม่ตีกัน หากตีกันก็ผิดทั้งหมด
“รัฐบาลพยายามให้เกิดความสงบมากที่สุด ต้องคำนึงถึงและห่วงเจ้าหน้าที่เขาบ้าง เพราะถูกกระทำเยอะเหมือนกัน เขาก็มีครอบครัว มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน เขาถึงไม่ทำอะไร เว้นแต่ถ้าฝ่าฝืนมากๆ เขาก็รับไม่ได้ ยอมไม่ได้เหมือนกัน เขาจำเป็นต้องรักษากฎหมาย ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ทำอะไรก็ผิดไปเสียหมด ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ ไม่มีตำรวจทำงานแล้วใครจะทำใช่หรือไม่”
ทั้งนี้ นายกฯ ได้ตอบคำถามกรณีคำสั่งของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ให้ระมัดระวังการระดมมวลชนจากพื้นที่ต่างจังหวัดเข้ามาร่วมชุมนุม ว่า เป็นเรื่องการทำงานปกติ ต้องมีการประเมินด้านความมั่นคง เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง เพราะวันนี้ในโซเชียลมีเดีย มีการบิดเบือน สร้างความขัดแย้ง สร้างคนมาต่อต้าน มาสู้กัน ต้องหามาตรการมากันไม่ให้ปะทะ มันเคยมีบทเรียนมาแล้ว ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก ฉะนั้นใครเป็นแกนนำ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย ต้องดูแลควบคุมให้ได้แล้วกัน
“ผมเป็นรัฐบาล ผมเป็นนายกฯ ผมไม่อยากให้คนไทยต้องมาฆ่าแกงกันอีก ไม่อยากให้มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้ เศรษฐกิจก็มีปัญหาอยู่แล้ว หลายอย่างกำลังขับเคลื่อนอยู่ คนส่วนใหญ่เขาก็ยังประกอบอาชีพของเขาอยู่ แต่คนที่จะแก้ปัญหาทางการเมือง ก็อีกกลุ่มหนึ่ง คนไทยก็เป็นแบบนี้ มีหลายกลุ่ม รัฐบาลก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ทุกกลุ่มมีความสงบเรียบร้อย มีความพึงพอใจในการทำงาน รัฐบาลจะคิดเอาเองไม่ได้ ต้องอาศัยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ในปัจจุบันว่าจะทำอย่างไรตามกฎหมายเหล่านั้นจะคิดเองไม่ได้หรอก”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการประกาศกฎอัยการศึกเพื่อไม่ให้เกิดการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ในวันที่ 25 พ.ย. หรือไม่ และนายกฯ จะยอมให้มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องจะปฏิวัติ เรื่องกฎอัยการศึก มีใครประกาศบ้าง ได้หรือไม่ตรงนี้ หรือใครจะประกาศได้ ในเมื่อตนไม่ประกาศแล้วใครจะประกาศ หรือคนที่มากล่าวอ้างประกาศเองได้ ก็ไม่เห็นมีใครเขาจะประกาศ ชอบแต่หาเรื่องให้ระดมคนกันอยู่นั่น วันนี้อยากให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุข ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญอะไรก็แล้วแต่ มันอยู่ในกระบวนการหมดอยู่แล้ว
“บิ๊กป้อม”ลั่นไม่กลิ่นรัฐประหาร
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ในวันที่ 25 พ.ย.2563 ที่จะไปสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ว่า ต้องดูอยู่แล้วเรื่องการตั้งด่านตรวจ โดยเจ้าหน้าที่จะดูแลตามกฎหมาย ทำตามหลักสากล และเข้ามาได้ไม่เกิน 150 เมตร กฎหมายว่าอย่างนั้น และต้องระวังเรื่องมือที่ 3 ซึ่งสำคัญ ส่วนกรณีที่นายอานนท์ นำภา และเพนกวิน พร้ษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มราษฎร ระบุว่าได้กลิ่นรัฐประหาร ไม่มีหรอก และกรณีการเผยแพร่เอกสารสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อสกัดม็อบเข้ากรุงเทพฯ ตนไม่รู้
“บิ๊กป๊อก”ยันทำตามกฎหมาย
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้มีการสั่งการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการสกัดไม่ให้มวลชนจากต่างจังหวัดเดินทางเข้ากรุง หรือการนำมวลชนมาร่วมชุมนุม ไม่มีเลือกปฏิบัติ ทำตามกฎหมายเพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย
“อนุทิน”บอกขาแหกเป็นนายกฯ คนต่อไป
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ทำนายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในวันที่ 2 ธ.ค.2563 ให้พ้นจากตำแหน่ง กรณีเรื่องบ้านพักหลวง และผู้ที่จะได้ส้มหล่นมาเป็นนายกฯ คนต่อไป คือ นายอนุทิน ว่า ทุเรียนหล่น โดนขาเจ็บหมดแล้ว ไม่มีแนวโน้มอะไรเลย นายกฯ คนปัจจุบัน คือ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่อย่างทุ่มเท และเสียสละ เป็นผู้นำรัฐบาลที่ทำงานตลอดเวลา และรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลต้องสนับสนุนหัวหน้ารัฐบาลให้ทำงานต่อไปให้ได้
“ไพศาล”ฟันธงม็อบหวังประจานไทยออกสื่อ
นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol” ระบุว่า ม็อบกาเหว่าจะไปสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 25 พ.ย. ทำไม??? 1.ไปเผาสำนักงานทรัพย์สิน (โทษประหาร) 2.ไปทำลายทรัพย์สินข้าวของ (โทษจำคุก 10 ปี) 3.ไปขว้างปา สาดสี ทำให้สกปรก เพื่อเหยียดหยาม (โทษจำคุก 5-7 ปี) 4.ไปตะโกนด่าว่าเป็นเชิงสัญลักษณ์ว่าไม่พอใจ (โทษจำคุก 3 ปี) 5.ไปชุมนุมเชิงสัญลักษณ์ เช่น ไปทวงทรัพย์สิน ให้ใครก็ไม่รู้ คงไม่มากไปจาก 5 ประการนี้ แต่ที่น่าสนใจ คือ มีการเตรียมการ์ด เตรียมอุปกรณ์ คงอาจคาดหวังจะปะทะกันอย่างรุนแรง และที่น่าสนใจกว่า คือ มีการเตรียมผู้สื่อข่าวทั้งต่างประเทศและในประเทศร่วม 300 คน เพื่อจะเก็บภาพที่สวยงามออกไปเผยแพร่ขยายผล ในการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
ศปปส.ลุยแจ้งความ ม.112 ทั่วประเทศ
เพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน” โพสต์ข้อความระบุว่า “พร้อมแจ้งความ ม.112 ทั่วประเทศ พี่น้องทุกคนลุย!! ใครอยู่จังหวัดไหนแจ้งที่นั้น พี่น้องเราจะไม่ทน #ศปปส.ปกป้องสถาบัน ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ
“ปารีณา”แจ้งความครูใหญ่ผิด 112
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า #ไม่ยกเลิก112 #การอาฆาตมาดร้ายคือผิดกฎหมาย วันนี้มาดำเนินคดีครูใหญ่ หรือนายอรรถพล บัวพัฒน์ อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 ตามคลิปที่ปรากฏอยู่ทั่วไปในโซเชียล @สภ.โพธาราม
ทั้งนี้ นายอรรถพล ถือเป็นแกนนำและเป็นดาวไฮปาร์กคนสำคัญของคณะราษฎร 2563 ซึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมเรียนกันจนติดปากว่า “ครูใหญ่”
ตำรวจเรียกประชุมคดีการชุมนุมวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 พ.ย.) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. จะเรียกประชุมพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยในที่ประชุมจะมีการพูดคุยถึงคดีเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับแกนนำกลุ่มราษฎรในความผิดฐานหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่วนจะเป็นแกนนำรายใดบ้าง จำนวนกี่ราย ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบในแต่ละสำนวนนั้นเป็นผู้รวบรวมเสนอมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาต่อไป
“สิระ”เตรียมเรียก “น้องหมวย”แจง
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงกรณีน้องหมวย หนึ่งในผู้ชุมนุมที่สวมชุดนักเรียน พร้อมถือป้ายระบุเคยโดนกระทำอนาจารในโรงเรียนว่า กรรมาธิการจะพิจารณาเชิญเยาวชนคนดังกล่าวมาให้ข้อมูล เพราะหากมีเหตุการณ์ล่วงละเมิด หรืออนาจารเกิดขึ้นในบริเวณโรงเรียนจริง เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องนำผู้ที่กระทำความผิดมารับโทษ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับนักเรียนคนอื่นอีก และก็เป็นสิทธิของเยาวชนคนนี้ที่ต้องได้รับความยุติธรรมด้วย แต่หากเรื่องนี้เป็นความเท็จ น้องคนดังกล่าวต้องรับผิดชอบ เพราะคือการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบ มีบุคคลและโรงเรียนที่เสียหายจากการกล่าวอ้างโดยไม่มีมูลความเป็นจริง
“หมอทศ”เตรียมเอาผิดนายกฯ
ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย นำผู้บาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ร่วมแถลงข่าว โดยเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าทำเช่นนี้กับประชาชนอีก พร้อมยืนยันว่า ได้เก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว และจะดำเนินคดีกับพล.อ.ประยุทธ์ จนถึง ผบ.ตร. ทั้งทางแพ่งและอาญา
สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตา และบาดเจ็บจากการชุมนุมปะทะกับเจ้าหน้าที่ บริเวณหน้ารัฐสภา แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่โดนยิงด้วยอาวุธปืน มีรายที่ถูกยิงขาสองคน ส่วนท้อง และสีข้างหนึ่งคน รายที่หนักสุกคือถูกยิงขาข้างซ้ายโดยกระดูกหัก ได้รับการผ่าตัดเอากระสุนออกและดามเหล็กไว้ 2.กลุ่มที่หายใจเอาแก๊สและสารเคมีเข้าไป มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และยังมีอาการไอ และ 3.กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากน้ำที่ผสมสารเคมี แผลเหมือนถูกไฟไหม้ ซึ่งการใช้สารเคมีอันตราย เหมือนเป็นการประทุษร้ายประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร ในวันที่ 25 พ.ย.2563 ที่คาดว่าผู้ชุมนุมสองฝ่ายจะเผชิญหน้ากัน ว่า ก็พยายามห้ามไม่ให้ตีกัน ไม่ว่าใครก็ต้องเคารพกฎหมาย จะตี จะขว้าง จะยิงกันหรือไม่ยิง ไม่รู้ ทั้งคู่เก็บจากกล้องทั้งหมด ตนให้ดำเนินการตามกฎหมายทั้งสองฝ่าย ไม่เคยเลือกปฏิบัติ เป็นการชุมนุมที่บอกว่าเป็นสิทธิ เสรีภาพ ฉะนั้นสิทธิเสรีภาพไม่ใช่ต้องสงวนไว้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สามารถชุมนุมได้ทั้งสองฝ่าย สามฝ่าย อะไรก็แล้วแต่ แต่จะต้องไม่ตีกัน หากตีกันก็ผิดทั้งหมด
“รัฐบาลพยายามให้เกิดความสงบมากที่สุด ต้องคำนึงถึงและห่วงเจ้าหน้าที่เขาบ้าง เพราะถูกกระทำเยอะเหมือนกัน เขาก็มีครอบครัว มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน เขาถึงไม่ทำอะไร เว้นแต่ถ้าฝ่าฝืนมากๆ เขาก็รับไม่ได้ ยอมไม่ได้เหมือนกัน เขาจำเป็นต้องรักษากฎหมาย ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ทำอะไรก็ผิดไปเสียหมด ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ ไม่มีตำรวจทำงานแล้วใครจะทำใช่หรือไม่”
ทั้งนี้ นายกฯ ได้ตอบคำถามกรณีคำสั่งของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ให้ระมัดระวังการระดมมวลชนจากพื้นที่ต่างจังหวัดเข้ามาร่วมชุมนุม ว่า เป็นเรื่องการทำงานปกติ ต้องมีการประเมินด้านความมั่นคง เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง เพราะวันนี้ในโซเชียลมีเดีย มีการบิดเบือน สร้างความขัดแย้ง สร้างคนมาต่อต้าน มาสู้กัน ต้องหามาตรการมากันไม่ให้ปะทะ มันเคยมีบทเรียนมาแล้ว ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก ฉะนั้นใครเป็นแกนนำ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย ต้องดูแลควบคุมให้ได้แล้วกัน
“ผมเป็นรัฐบาล ผมเป็นนายกฯ ผมไม่อยากให้คนไทยต้องมาฆ่าแกงกันอีก ไม่อยากให้มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้ เศรษฐกิจก็มีปัญหาอยู่แล้ว หลายอย่างกำลังขับเคลื่อนอยู่ คนส่วนใหญ่เขาก็ยังประกอบอาชีพของเขาอยู่ แต่คนที่จะแก้ปัญหาทางการเมือง ก็อีกกลุ่มหนึ่ง คนไทยก็เป็นแบบนี้ มีหลายกลุ่ม รัฐบาลก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ทุกกลุ่มมีความสงบเรียบร้อย มีความพึงพอใจในการทำงาน รัฐบาลจะคิดเอาเองไม่ได้ ต้องอาศัยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ในปัจจุบันว่าจะทำอย่างไรตามกฎหมายเหล่านั้นจะคิดเองไม่ได้หรอก”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการประกาศกฎอัยการศึกเพื่อไม่ให้เกิดการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ในวันที่ 25 พ.ย. หรือไม่ และนายกฯ จะยอมให้มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องจะปฏิวัติ เรื่องกฎอัยการศึก มีใครประกาศบ้าง ได้หรือไม่ตรงนี้ หรือใครจะประกาศได้ ในเมื่อตนไม่ประกาศแล้วใครจะประกาศ หรือคนที่มากล่าวอ้างประกาศเองได้ ก็ไม่เห็นมีใครเขาจะประกาศ ชอบแต่หาเรื่องให้ระดมคนกันอยู่นั่น วันนี้อยากให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุข ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญอะไรก็แล้วแต่ มันอยู่ในกระบวนการหมดอยู่แล้ว
“บิ๊กป้อม”ลั่นไม่กลิ่นรัฐประหาร
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ในวันที่ 25 พ.ย.2563 ที่จะไปสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ว่า ต้องดูอยู่แล้วเรื่องการตั้งด่านตรวจ โดยเจ้าหน้าที่จะดูแลตามกฎหมาย ทำตามหลักสากล และเข้ามาได้ไม่เกิน 150 เมตร กฎหมายว่าอย่างนั้น และต้องระวังเรื่องมือที่ 3 ซึ่งสำคัญ ส่วนกรณีที่นายอานนท์ นำภา และเพนกวิน พร้ษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มราษฎร ระบุว่าได้กลิ่นรัฐประหาร ไม่มีหรอก และกรณีการเผยแพร่เอกสารสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อสกัดม็อบเข้ากรุงเทพฯ ตนไม่รู้
“บิ๊กป๊อก”ยันทำตามกฎหมาย
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้มีการสั่งการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการสกัดไม่ให้มวลชนจากต่างจังหวัดเดินทางเข้ากรุง หรือการนำมวลชนมาร่วมชุมนุม ไม่มีเลือกปฏิบัติ ทำตามกฎหมายเพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย
“อนุทิน”บอกขาแหกเป็นนายกฯ คนต่อไป
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ทำนายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในวันที่ 2 ธ.ค.2563 ให้พ้นจากตำแหน่ง กรณีเรื่องบ้านพักหลวง และผู้ที่จะได้ส้มหล่นมาเป็นนายกฯ คนต่อไป คือ นายอนุทิน ว่า ทุเรียนหล่น โดนขาเจ็บหมดแล้ว ไม่มีแนวโน้มอะไรเลย นายกฯ คนปัจจุบัน คือ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่อย่างทุ่มเท และเสียสละ เป็นผู้นำรัฐบาลที่ทำงานตลอดเวลา และรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลต้องสนับสนุนหัวหน้ารัฐบาลให้ทำงานต่อไปให้ได้
“ไพศาล”ฟันธงม็อบหวังประจานไทยออกสื่อ
นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol” ระบุว่า ม็อบกาเหว่าจะไปสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 25 พ.ย. ทำไม??? 1.ไปเผาสำนักงานทรัพย์สิน (โทษประหาร) 2.ไปทำลายทรัพย์สินข้าวของ (โทษจำคุก 10 ปี) 3.ไปขว้างปา สาดสี ทำให้สกปรก เพื่อเหยียดหยาม (โทษจำคุก 5-7 ปี) 4.ไปตะโกนด่าว่าเป็นเชิงสัญลักษณ์ว่าไม่พอใจ (โทษจำคุก 3 ปี) 5.ไปชุมนุมเชิงสัญลักษณ์ เช่น ไปทวงทรัพย์สิน ให้ใครก็ไม่รู้ คงไม่มากไปจาก 5 ประการนี้ แต่ที่น่าสนใจ คือ มีการเตรียมการ์ด เตรียมอุปกรณ์ คงอาจคาดหวังจะปะทะกันอย่างรุนแรง และที่น่าสนใจกว่า คือ มีการเตรียมผู้สื่อข่าวทั้งต่างประเทศและในประเทศร่วม 300 คน เพื่อจะเก็บภาพที่สวยงามออกไปเผยแพร่ขยายผล ในการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
ศปปส.ลุยแจ้งความ ม.112 ทั่วประเทศ
เพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน” โพสต์ข้อความระบุว่า “พร้อมแจ้งความ ม.112 ทั่วประเทศ พี่น้องทุกคนลุย!! ใครอยู่จังหวัดไหนแจ้งที่นั้น พี่น้องเราจะไม่ทน #ศปปส.ปกป้องสถาบัน ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ
“ปารีณา”แจ้งความครูใหญ่ผิด 112
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า #ไม่ยกเลิก112 #การอาฆาตมาดร้ายคือผิดกฎหมาย วันนี้มาดำเนินคดีครูใหญ่ หรือนายอรรถพล บัวพัฒน์ อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 ตามคลิปที่ปรากฏอยู่ทั่วไปในโซเชียล @สภ.โพธาราม
ทั้งนี้ นายอรรถพล ถือเป็นแกนนำและเป็นดาวไฮปาร์กคนสำคัญของคณะราษฎร 2563 ซึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมเรียนกันจนติดปากว่า “ครูใหญ่”
ตำรวจเรียกประชุมคดีการชุมนุมวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 พ.ย.) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. จะเรียกประชุมพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยในที่ประชุมจะมีการพูดคุยถึงคดีเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับแกนนำกลุ่มราษฎรในความผิดฐานหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่วนจะเป็นแกนนำรายใดบ้าง จำนวนกี่ราย ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบในแต่ละสำนวนนั้นเป็นผู้รวบรวมเสนอมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาต่อไป
“สิระ”เตรียมเรียก “น้องหมวย”แจง
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงกรณีน้องหมวย หนึ่งในผู้ชุมนุมที่สวมชุดนักเรียน พร้อมถือป้ายระบุเคยโดนกระทำอนาจารในโรงเรียนว่า กรรมาธิการจะพิจารณาเชิญเยาวชนคนดังกล่าวมาให้ข้อมูล เพราะหากมีเหตุการณ์ล่วงละเมิด หรืออนาจารเกิดขึ้นในบริเวณโรงเรียนจริง เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องนำผู้ที่กระทำความผิดมารับโทษ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับนักเรียนคนอื่นอีก และก็เป็นสิทธิของเยาวชนคนนี้ที่ต้องได้รับความยุติธรรมด้วย แต่หากเรื่องนี้เป็นความเท็จ น้องคนดังกล่าวต้องรับผิดชอบ เพราะคือการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบ มีบุคคลและโรงเรียนที่เสียหายจากการกล่าวอ้างโดยไม่มีมูลความเป็นจริง
“หมอทศ”เตรียมเอาผิดนายกฯ
ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย นำผู้บาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ร่วมแถลงข่าว โดยเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าทำเช่นนี้กับประชาชนอีก พร้อมยืนยันว่า ได้เก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว และจะดำเนินคดีกับพล.อ.ประยุทธ์ จนถึง ผบ.ตร. ทั้งทางแพ่งและอาญา
สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตา และบาดเจ็บจากการชุมนุมปะทะกับเจ้าหน้าที่ บริเวณหน้ารัฐสภา แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่โดนยิงด้วยอาวุธปืน มีรายที่ถูกยิงขาสองคน ส่วนท้อง และสีข้างหนึ่งคน รายที่หนักสุกคือถูกยิงขาข้างซ้ายโดยกระดูกหัก ได้รับการผ่าตัดเอากระสุนออกและดามเหล็กไว้ 2.กลุ่มที่หายใจเอาแก๊สและสารเคมีเข้าไป มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และยังมีอาการไอ และ 3.กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากน้ำที่ผสมสารเคมี แผลเหมือนถูกไฟไหม้ ซึ่งการใช้สารเคมีอันตราย เหมือนเป็นการประทุษร้ายประชาชน
