ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบ 3 นิ้ว กล่าววาจาหมิ่นเหม่ว่าจะ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพเกี่ยวกับพระบรมมหาราชวัง และวัดพระแก้ว ซึ่งผมจะไม่นำรายละเอียดมาถ่ายทอด ณ ที่นี้
การพูดเช่นนี้ของนายอานนท์ นำภา เป็นการสุ่มเสี่ยงว่าจะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างร้ายแรง
ประการแรก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวย่อมต้องทรงทราบดีว่าพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้นเป็นสมบัติสาธารณะของชาติ เป็นสถานที่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย และก่อสร้าง บูรณะ บำรุงรักษา มาอย่างต่อเนื่องโดยพระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์
พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามจึงมิได้เป็นสมบัติของพระเจ้าแผ่นดินในฐานะตัวบุคคลแต่เป็นสมบัติของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่จะต้องสืบทอดต่อให้พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ต่อไปสืบเนื่องไปชั่วกัลปาวสาน
ประการสอง การยกตัวอย่างสมมุติเช่นนั้นของนายอานนท์ นำภา นั้นเป็นการลบหลู่พระเกียรติกล่าวหาว่าพระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ทรงเห็นความสำคัญหรือลบหลู่เกียรติของพระมหาจักรีบรมราชวงศ์และบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ในอดีต ที่ทรงรักษาพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามสืบต่อเนื่องกันมาทุกพระองค์
เรื่องนี้เรื่องสำคัญยิ่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิซาร์โคลัสที่ ที่ 2 แห่งรัสเซีย ซึ่งเป็นพระสหายสนิทได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนสยามอย่างเป็นทางการ ด้วยความที่ทรงสนิทสนมกันอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดํารัสกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสว่า หากแม้ทรงประสงค์สิ่งใด ก็จะถวายให้ด้วยความเต็มพระทัยยิ่ง
พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงลองพระทัยพระพุทธเจ้าหลวงโดยทรงตรัสขออัญเชิญพระแก้วมรกตกลับไปยัง กรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย แต่ได้กราบบังคมทูลกลับว่าให้ทรงขอสิ่งใดก็ได้จากพระองค์ท่านเช่นกัน พระพุทธเจ้าหลวงจึงทรงขออัญเชิญพระแก้วมรกตอันเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง กลับมาประดิษฐานในประเทศไทยดังเดิม
เรื่องนี้แสดงให้เห็นพระราชปฏิภาณไหวพริบของพระพุทธเจ้าหลวงและพระขัตติยมานะในการรักษาสมบัติของบรรพชนให้สืบทอดต่อไปชั่วลูกหลาน
ประการที่สาม นายอานนท์ นำภา ได้บังอาจก้าวล่วงพระราชอำนาจในการจัดการพระราชทรัพย์อันเป็นพระราชมรดกสืบทอดกันมาในพระมหาจักรีบรมราชวงศ์
ทั้งนี้พระราชอำนาจในการจัดการพระราชทรัพย์ของพระเจ้าแผ่นดิน ได้ถูกปล้นไปโดยคณะราษฎร โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม เอาที่ดินขายให้พวกตัวเองกันในราคาถูก ๆ เอาเข้ากระเป๋าตัวเอง จนทุกวันนี้ ลูกหลานของขุนนิรันดรชัย ยังฟ้องร้องแย่งชิงมรดกที่ดินแปลงงามที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ไปปล้นซื้อมาราคาถูกแสนถูกจากกรมพระคลังข้างที่
แล้วก็มาลิดรอนพระราชอำนาจในการจัดการทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์
โดยการออกพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ ฉบับ พ.ศ.2479 ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแลรักษาการ
พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ ฉบับ พ.ศ.2484 ให้กระทรวงการคลังดูแล และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน
ส่วนพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ ฉบับ พ.ศ.2491 ให้มีการจัดตั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน โดยตำแหน่ง
ทั้งหมดนี้เป็นการลิดรอนสิทธิในการถือครองทรัพย์อันเป็นพระราชมรดก และการลิดรอนพระราชอำนาจตลอดจนสิทธิส่วนบุคคลในการถือครองทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์ เพราะคณะราษฎรไม่ต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจใด ๆ เลย
พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ 2560 และ 2561
ทำให้ทรงจัดการพระราชทรัพย์ได้
ทำให้ทรงเสียภาษีอย่างถูกต้องได้ทั้งหมด
ทำให้ทรงได้รับสิทธิ์อันชอบธรรมในการดูแลพระราชมรดกแห่งพระราชวงศ์จักรี
ทำให้ทรงงานและทรงใช้พระราชทรัพย์ในการทรงงานเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชน สืบสาน ต่อยอด พระราชดำริแห่งในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อให้ประเทศมีการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปได้
ตัวอย่างหนึ่งคือ การที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานที่ดินมากมายที่เคยอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปเป็นสาธารณประโยชน์ และทรงยกให้หน่วยราชการจำนวนมาก โดยที่ไม่ทรงเสียดายพระราชทรัพย์แต่ประการใดเลยมีมูลค่านับหลายแสนล้านบาท ไม่ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและราชการหรือ?
ทำไมนายอานนท์ นำภาและคณะราษฎร (2563) ต้องการเข้ามาก้าวล่วงพระราชอำนาจเช่นนี้?
ทำไมคณะราษฎร (2475) ไม่ต้องการให้พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชอำนาจในการจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ?
ประการแรก คณะราษฎร (2475) อยากจะปล้นพระราชทรัพย์เข้ากระเป๋าเป็นของส่วนตัว ดังปรากฏชัดเจน
ประการที่สอง คณะราษฎร (2475) อยากจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอที่สุด หมดอำนาจให้มากที่สุด เพื่อให้สามารถควบคุมหรือทำลายได้ง่าย
ทำไมคณะราษฎร (2563) ถึงอยากไปทวงทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และทรัพย์สินส่วนพระองค์มาเป็นของราษฎร?
คำถามแรก คือมีสิทธิ์อะไรไปปล้นพระราชทรัพย์ของสถาบันพระมหากษัตริย์และพระเจ้าแผ่นดิน?
คำถามสอง คือทำไปเพื่อประโยชน์อันใด การยึดพระราชทรัพย์ทั้งหมดของพระเจ้าแผ่นดินกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาได้ จะทำให้พระเจ้าแผ่นดินทรงงานใด ๆ ไม่ได้เลยใช่หรือไม่ เพราะไม่มีพระราชทรัพย์ที่จะทรงงาน และที่จะพระราชทานให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและสาธารณะเลยใช่หรือไม่?
ทั้งหมดนี้พูดง่าย ๆ คือไม่ต้องการให้พระเจ้าแผ่นดินทรงงาน เพราะกลัวพระเจ้าแผ่นดินจะมีพระราชบารมี และทำให้พวกตนอันมีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครองไปเป็นระบอบสาธารณะ ทำได้ยากมาก จะทำให้ล้มเจ้าได้ยากมาก ใช่หรือไม่?
คำถามสุดท้าย คือ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ประกาศว่าจะใช้กฎหมายทุกฉบับทุกมาตรา สมควรจะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร?