ผู้จัดการรายวัน360-รัฐบาลกำชับทุกหน่วยงานบูรณาการรับมือฝุ่น PM 2.5 ช่วงเปลี่ยนผ่านฤดู เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชน สั่งเข้มงวดตรวจควันดำ ควบคุมการเผา ตรวจสอบโรงงาน และการก่อสร้าง เผยล่าสุดวานนี้ พื้นที่กรุงเทพฯ พบเขตหนองแขมฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ ประสานข้อมูลกับกรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ Gistda จัดทำแผนเผชิญเหตุ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดเหตุ ตามกลไกพ.ร.บ.การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 รวมทั้งบังคับใช้กฎหมาย เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งมักจะมีความรุนแรงในช่วงการเปลี่ยนฤดู โดยจะต้องดำเนินการแจ้งเตือน แนะนำข้อปฏิบัติตนแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว การให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมใส่หน้ากากอนามัย เป็นต้น
“สาเหตุที่มาของฝุ่น PM 2.5 ในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน เช่น การเผาพื้นป่า การเผาวัสดุทางการเกษตร ขณะที่พื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มาจากการรถยนต์ดีเซลและการจราจร อุตสาหกรรม และการเผาในที่โล่ง จึงได้กำชับให้บูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อดำเนินงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในภาพรวมของประเทศ”
ทั้งนี้ ในการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง ขอให้เข้มงวดตรวจจับรถควันดำ เร่งระบายการจราจรไม่ให้ติดขัด ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ตรวจสภาพ บำรุงรักษายานพาหนะขนส่งสาธารณะ ทำความสะอาดพื้นผิวถนน รวมทั้งควบคุมการเผาในที่โล่ง พื้นที่เกษตรอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบและควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงาน ป้องกันและลดปริมาณฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง
นอกจากนี้ ให้เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ขยายเครือข่ายแจ้งเตือน จัดระเบียบการเผาตามลักษณะพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักวิชาการ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและปรับพฤติกรรมประชาชน ในการลดการเผาในที่โล่ง พื้นที่การเกษตร และการเผาขยะในชุมชนหรือเมือง
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังเห็นชอบการทบทวนแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” เพื่อยกระดับความเข้มงวดของมาตรการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยเพิ่มเติมแผนเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาในช่วงวิกฤต โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานตามหน้าที่อย่างเข้มข้น เร่งการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ควบคุมการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า และการเกษตรด้วย
วานนี้ (9 พ.ย.) กรมควบคุมมลพิษ ได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ตรวจวัดคุณภาพอากาศ ฝุ่น PM2.5 ตรวจวัดได้ระหว่าง 27-52 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเกือบทุกพื้นที่และคุณภาพอากาศดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ แต่พบเกินมาตรฐาน 1 พื้นที่ บริเวณริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 8 เขตหนองแขม
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ ประสานข้อมูลกับกรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ Gistda จัดทำแผนเผชิญเหตุ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดเหตุ ตามกลไกพ.ร.บ.การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 รวมทั้งบังคับใช้กฎหมาย เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งมักจะมีความรุนแรงในช่วงการเปลี่ยนฤดู โดยจะต้องดำเนินการแจ้งเตือน แนะนำข้อปฏิบัติตนแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว การให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมใส่หน้ากากอนามัย เป็นต้น
“สาเหตุที่มาของฝุ่น PM 2.5 ในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน เช่น การเผาพื้นป่า การเผาวัสดุทางการเกษตร ขณะที่พื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มาจากการรถยนต์ดีเซลและการจราจร อุตสาหกรรม และการเผาในที่โล่ง จึงได้กำชับให้บูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อดำเนินงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในภาพรวมของประเทศ”
ทั้งนี้ ในการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง ขอให้เข้มงวดตรวจจับรถควันดำ เร่งระบายการจราจรไม่ให้ติดขัด ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ตรวจสภาพ บำรุงรักษายานพาหนะขนส่งสาธารณะ ทำความสะอาดพื้นผิวถนน รวมทั้งควบคุมการเผาในที่โล่ง พื้นที่เกษตรอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบและควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงาน ป้องกันและลดปริมาณฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง
นอกจากนี้ ให้เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ขยายเครือข่ายแจ้งเตือน จัดระเบียบการเผาตามลักษณะพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักวิชาการ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและปรับพฤติกรรมประชาชน ในการลดการเผาในที่โล่ง พื้นที่การเกษตร และการเผาขยะในชุมชนหรือเมือง
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังเห็นชอบการทบทวนแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” เพื่อยกระดับความเข้มงวดของมาตรการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยเพิ่มเติมแผนเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาในช่วงวิกฤต โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานตามหน้าที่อย่างเข้มข้น เร่งการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ควบคุมการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า และการเกษตรด้วย
วานนี้ (9 พ.ย.) กรมควบคุมมลพิษ ได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ตรวจวัดคุณภาพอากาศ ฝุ่น PM2.5 ตรวจวัดได้ระหว่าง 27-52 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเกือบทุกพื้นที่และคุณภาพอากาศดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ แต่พบเกินมาตรฐาน 1 พื้นที่ บริเวณริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 8 เขตหนองแขม