ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - มีอาการแปลกๆ เกิดขึ้นในหมู่ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะบรรดาส.ส.ตามใบสั่ง เด็กในคาถา “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ทั้งที่โดยสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรง ควรจะหลบหลังฉากทำตัวเฉยๆ ไม่ใช่ออกมากวนน้ำให้ขุ่น ให้อะไรๆมันยิ่งเละตุ้มเป๊ะกว่าเดิม อย่างวันก่อน "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาผุดไอเดียทำประชามติ สอบถามประชาชนว่าเห็นด้วยที่จะไม่มีม็อบ 2 ปีหรือไม่
ระดับไพบูลย์ ที่ชีวิตวกวนอยู่กับรัฐธรรมนูญ กฎหมายต่างๆจะไม่รู้เชียวหรือว่า ข้อเสนอดังกล่าวมันตลกร้ายคาเฟ่ เหมือนโจ๊กทางการเมือง ขนาด “เนติบริกร”วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ยินยังอุทานเลยว่า มันพิลึกพิลั่น คนไม่เรียนกฎหมายอ่านรัฐธรรมนูญยังรู้เลยว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วกับ ไพบูลย์ ที่แต่ก่อนยื่นเอาผิดคนนั้นคนนี้ จะไม่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ไม่ใกล้เคียงความเป็นจริงเลยหรือไร
แถมล่าสุดไพบูลย์ยังขู่จะฟ้องคนมาเป็นกรรมการสมานฉันท์เป็นรายหัว เพราะมองเจตนาตั้งมาบีบ "บิ๊กตู่"ให้ลาออก และปฏิรูปสถาบันฯ
ขณะที่ "สิระ เจนจาคะ" ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ที่ปีนเกลียว ด่าเปิง "ชวน หลีกภัย" ประธานรัฐสภา หลังเชิญ 4 อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แก่ อานันท์ ปันยารชุน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นกรรมการสมานฉันท์ ว่าเป็นรูปแบบที่ล้าสมัย ไม่น่ามาปรองดอง แต่น่าเอาไปดองเค็ม
ทั้งๆ ที่คณะกรรมการสมานฉันท์ กำลังเป็นที่จับตาว่าจะเข้ามาช่วยแก้วิกฤตในประเทศได้หรือไม่ โดยเฉพาะการที่ "อานันท์" คนที่ทางม็อบทั้งสองฝ่ายให้ความเกรงใจและยอมรับ ตอบรับเข้าร่วม อย่างน้อยน่าจะเป็นเวทีหนึ่งที่ลดอุณหภูมิทางการเมืองลงไม่มากก็น้อย
ไม่เว้นแม้แต่ "ทศพล เพ็งส้ม" ทีมกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ ที่ออกมาแฉว่าในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ"ฉบับไอลอว์" มีถึง 400 รายชื่อ ที่ยืนยันว่าไม่ได้เข้าร่วมลงชื่อเสนอกฎหมาย จนอาจทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นโมฆะ เพราะผิดรัฐธรรมนูญ
มันเป็นท่าทีที่สวนทางกับฝ่ายต่างๆ เพราะการที่สภาฯ ยังไม่พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญสักฉบับ ก็อ้างว่าเพื่อต้องการรอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับไอลอว์ ซึ่งเป็นภาคของประชาชน ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบให้เสร็จก่อน เพื่อจะได้นำพิจารณาพร้อมๆกัน หวังจะเป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เด้งรับข้อเสนอในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แต่ "ทศพล" กลับออกมาบอกว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายเสียแล้ว ซึ่งมันยิ่งจะเป็นการเพิ่มเชื้อความไม่พอใจให้กับประชาชนที่กำลังชุมนุมเรียกร้องอยู่
เอาเป็นว่า คำพูดของ 3 นักการเมืองในเครือพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ทำสถานการณ์มันดีขึ้น แต่ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงไปกว่าเดิม
หากมองทั้ง 3 คน ไม่ได้จัดเป็น ส.ส.เกรดเอ ในพรรค แต่มักจะได้รับมอบหมายให้ออกมาเป็นตัวชน ตัวเบี่ยงเบนประเด็น และเป็นหนังหน้าไฟให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคอยู่บ่อยครั้ง
"สิระ" ระยะหลังเป็นเด็กดีของ "วิรัช รัตนเศรษฐ" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาล เช่นเดียวกับ "ไพบูลย์" ที่คลุกคลีอยู่กับกลุ่มนี้ และเป็นมือกฎหมายให้ พลเอก ประวิตร
ขณะที่ "ทศพล" แม้จะไม่ได้เป็นส.ส. แต่ที่ผ่านมาได้รับการผลักดันจากก๊วนของ วิรัช ให้ได้รับหน้าที่ต่างๆให้กับพรรค เพื่อให้มีบทบาท
ส่วน "วิรัช" ขึ้นตรงกับ “บิ๊กป้อม”คอยเสี้ยม คอยให้คำปรึกษา สำหรับเรื่องการกำหนดเกมในสภา หรือการกำหนดท่าทีต่างๆ ของพรรคพลังประชารัฐ
งานนี้มันเลยถูกมองด้วยหางตาว่า บรรดาคนเหล่านี้ไปรับภารกิจอะไรมาจากใครหรือไม่ ? เพราะสิ่งที่ทำๆไป มันไม่ได้ต่างอะไรกับการเลื่อยขาเก้าอี้ “บิ๊กตู่”ให้หักเร็วขึ้นมากกว่า
เหมือนหวังดี แต่ประสงค์ร้าย แฝงด้วยนัยยะและเจตนาลึกๆเพราะก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวมาตลอดว่า บางส่วนในพรรคพลังประชารัฐ อยากจะเปลี่ยนตัวนายกฯออกมาเป็นระยะๆ
เนื่องจากมองว่า“บิ๊กตู่”อยู่ในสภาวะบอบช้ำเกินไป ไปต่อไม่ไหว ต้องเปลี่ยนคนใหม่ เพื่อรักษาภาพรวม ให้ ส.ส.ยังไปต่อได้ ไม่ต้องตกงาน หากสถานการณ์บานปลาย
เป็นการเฉือนเนื้อร้าย เพื่อรักษาร่างกายโดยรวม
อย่างไรก็ดี ในเรื่องคณะกรรมการสมานฉันท์นี้ ดูรัฐบาลเองก็ไม่ได้ใส่ใจ ให้ราคาเอาเท่าไหร่ พยายามโยนออกไปว่า เป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภา
อาการมันฟ้องว่าตั้งขึ้นมาเพื่อหวังจะลดดีกรีสถานการณ์เท่านั้น ไม่ได้จะหวังมาให้เป็นกรรมการหย่าศึก ไม่เช่นนั้นคงมีแอ็กชั่นอะไรที่มากกว่านี้
ทุกวันนี้รัฐบาลยังประมาท ชะล่าใจอยู่เลยว่าม็อบจะไปต่อไม่ได้ หลังกระแสกดดันเริ่มลดลง แล้วสุดท้ายจะเด้งรับข้อเสนออะไร ให้ม็อบเลย
ขณะเดียวกัน ยังมองว่า คณะกรรมการสมานฉันท์ชุดนี้ มันถูกคิดค้นมาโดยพรรคประชาธิปัตย์ ที่พยายามทำตัวเป็น“พระเอก”เอาจริงเอาจัง เพื่อหวังจะเป็นฮีโร่มาหย่าศึก โดยลืมไปว่า ตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
ท่ามกลางสถานการณ์ข่าวลือมาตลอดว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามทำตัวเป็นเจ้าภาพคณะกรรมการสมานฉันท์ ก็หวังจะให้รัศมีของ “ลุงชวน”แจ่มชัดมากขึ้นในช่วงนี้
พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม หรือจอมเสียบในตำนาน หวังจะให้ “ลุงชวน”โดดเด่น ในช่วงที่ดูเหมือน“บิ๊กตู่”จะไปต่อไม่ได้ เพื่อหวัง “ส้มหล่น”อีกครั้ง ในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ ภาพลักษณ์ดี
มันเลยถูกตั้งข้อสังเกตว่า แท้จริงแล้วพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้หวังจะช่วยรัฐบาลอย่างจริงจัง หากแต่หวังจะหยิบชิ้นปลามัน เพื่อหม่ำเข้าปากเสียเอง
การที่ "สิระ" ออกมาด่า "ชวน" ส่วนหนึ่งก็เพราะอาจจะรู้ไส้รู้พุงพรรคนี้ดีว่า มีเจตนาอย่างไร
เป็นใครก็ระแวง เพราะในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นชื่อลือชา เรื่องการพลิกเกมกลับเข้าสู่อำนาจในฐานะ “จอมเสียบ”อยู่บ่อยๆ
ด้วยเหตุนี้ เรื่องความหวังในคณะกรรมการสมานฉันท์ว่า จะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ จึงริบหรี่