xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

???"แอปพลิเคชั่น" คุมเงินพระสงฆ์ แบบเรียลไทร์ม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ เรื่องทุจริต "เงินอุดหนุนวัด"เมื่อปีกลาย ทำข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใน "สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ"( พศ.) และเครือข่ายไปนอนในเรือนจำ ขณะที่พระสงฆ์ที่ถูกหางเลขไปด้วย ศาลยกฟ้องจากความผิดฐานสนับสนุนให้เกิดการทุจริต ซึ่งมีโทษจำคุก 8 เดือน แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี ซึ่งเป็นเพียงการยกฟ้องข้อหาฟอกเงิน

คดีนี้ เจ้าหน้าที่พศ. ทุจริตการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดของพศ. หรือ "คดีเงินทอนวัด" โดยร่วมกันจัดให้มีการเงิน ให้แก่วัด 7 วัด ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด และเมื่อมีการเบิกจ่ายงินให้กับวัดไปแล้ว บางวัดมีการติดต่อขอเงินบางส่วนคืน หรือขอคืนทั้งหมด แล้วนำไปประโยชน์ส่วนตน หรือผู้อื่นโดยทุจริต

สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้เสนอ 5 แนวทางในการ "ป้องกันการทุจริตเงินอุดหนุนวัด"

สาระสำคัญของเรื่องนี้ ป.ป.ช. พบว่า เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีการตรวจสอบพบการทุจริตงบประมาณเงินอุดหนุนของ พศ. ซึ่งประกอบด้วย เงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด อุดหนุนการส่งเสริมเผยแผ่พระพุทธศาสนา และอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม

โดยเป็นเรื่องที่ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ อยู่ระหว่างการดำเนินการ

สำหรับ 5 แนวทางในการ "ป้องกันการทุจริตเงินอุดหนุนวัด"

1) ด้านการจัดทำระบบฐานข้อมูล รัฐบาลควรกำหนดให้การบูรณาการและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดทำฐานข้อมูลของวัดเป็นวาระแห่งชาติ

โดย พศ. ต้องมีระบบฐานข้อมูลกลางข้อมูลการจัดทำคำขอ และการจัดสรรงบประมาณ การบริหารงบประมาณและการติดตามและประเมินผล โดยนำข้อมูลเดิมมาจัดทำเป็นข้อมูลรูปแบบดิจิทัลในฐานข้อมูลกลาง

"รวมทั้งควรจัดทำระบบสารสนเทศรองรับการใช้งานข้อมูลจากฐานข้อมูลกลางในรูปแบบ Web-Base Technology หรือ Mobile Application ที่ผู้ใช้งานสามารถปฏิบัติงานและเรียกดูข้อมูลบน Web Browser หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ มีการรายงานข้อมูลแบบ Real-Time และเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้"


2) ด้านกระบวนการจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณ ให้ พศ. จัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณ ด้านการก่อสร้างการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด เป็นงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ

กรณีงบประมาณงบเงินอุดหนุนประเภทอื่น เช่น เงินอุดหนุนการส่งเสริมเผยแผ่พระพุทธศาสนา เงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม และเงินอุดหนุนอื่น ๆ ให้ พศ.จัดทำหลักเกณฑ์การขอรับ และการจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างมีส่วนร่วมและเป็นธรรม สามารถวัดผลได้ในเชิงปริมาณโดยจัดทำเป็นระเบียบหรือประกาศที่เป็นทางการ พร้อมประกาศให้สาธารณชนรับทราบ

ให้ พศ. ปรับปรุงคณะกรรมการ/คณะทำงานพิจารณาคำขอและการจัดสรรงบประมาณงบเงินอุดหนุนทั้งในระดับส่วนกลางและภูมิภาค โดยเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการ/คณะทำงานจากภายนอก เช่น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนผู้ตรวจราชการภาคประชาชน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีงบประมาณเงินอุดหนุนให้กับวัด เช่น กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และ นักวิชาการด้านการบริหารจัดการ และด้านการศาสนา ตามความเหมาะสมโดยมีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาคำขอและการจัดสรรงบประมาณงบเงินอุดหนุน การจัดทำแผนบูรณาการด้านงบประมาณเงินอุดหนุนวัด จัดทำฐานข้อมูลต่าง ๆ ของวัดที่สำคัญ

เช่น ข้อมูลพื้นฐานและความจำเป็นของวัด ข้อมูลการอุดหนุนงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ ข้อมูลฐานะการเงินและรายรับ-รายจ่ายของวัด ข้อมูลศาสนสถาน ข้อมูลโรงเรียนพระปริยัติธรรม ข้อมูลจำนวนพระภิกษุ-สามเณร และการตรวจสอบ ติดตามและประเมินผล การเบิกจ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน รวมทั้งการประเมินศรัทธาของประชาชนที่มีต่อวัดด้วย

การจัดทำคำขอและการพิจารณางบประมาณงบเงินอุดหนุนของ พศ. ควรให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและฐานข้อมูลจริง รวมทั้งให้พิจารณาจากข้อมูลฐานะการเงินและรายรับ-รายจ่ายของวัด ประกอบด้วย และให้มีการประมาณรายละเอียดค่าใช้จ่ายของโครงการที่จะขอรับงบประมาณให้ชัดเจน

3) ด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ ให้ พศ. ประสานงานและสนับสนุนให้วัดหรือผู้ได้รับงบประมาณงบเงินอุดหนุน ต้องจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจน และในการใช้จ่ายงบเงินอุดหนุนของวัดไม่ควรเบิกจ่ายล่วงหน้าก่อนมีแผนการใช้จ่ายเงิน และให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติของกระทรวงการคลัง (กค.) เรื่อง การเบิกจ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุนอย่างเคร่งครัด

โดยเฉพาะการจัดเก็บเอกสารหลักฐานการจ่ายเงินงบประมาณ เพื่อให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ ทั้งนี้ ให้มีการรายงานผลการเบิกจ่ายและใช้งบประมาณงบเงินอุดหนุนตามแนวทางที่ พศ. กำหนด และให้ พศ. ดำเนินตามหน้าที่และอำนาจเกี่ยวกับบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัด ตามกฎกระทรวงและมติมหาเถรสมาคมที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

ให้ พศ. ร่วมกับกรมบัญชีกลางจัดทำคู่มือ/แนวทางปฏิบัติในการใช้และการเบิกจ่ายงบประมาณให้ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน พร้อมมีการให้คำแนะนำ/ความรู้แก่วัดและผู้ได้งบประมาณงบเงินอุดหนุนจาก พศ.

4) ด้านการติดตามและประเมินผล พศ. ต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบ ติดตาม และการประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน เพื่อให้เป็นไปตามแผนงาน/โครงการ วัตถุประสงค์และงบประมาณที่ได้รับ ทั้งนี้ อาจมีการบูรณาการกับหน่วยงานด้านการตรวจสอบและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนผู้ตรวจราชการภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน พร้อมการเปิดเผยรายงานผลการติดตามและประเมินผลของโครงการต่อสาธารณะ

5) ด้านการแจ้งเบาะแส ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต พศ. ควรเป็นหน่วยงานส่งเสริมสนับสนุน และให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการ ตลอดจนสิทธิที่ได้รับในการแจ้งเบาะแสการทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันฯ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และกฎ ก.พ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการให้บำเหน็จความชอบ การกันเป็นพยาน การลดโทษและการให้ความคุ้มครองพยาน พ.ศ. 2553 โดยกำหนดให้มีช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์จากพระภิกษุและประชาชน และควรกำหนดกระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ให้ชัดเจน และมีความรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม 2 ปีที่ผ่านมา พศ. เคยมีประกาศ ออกมา ในขณะที่กำลังจับตา ทุจริต "เงินอุดหนุนวัด" ซึ่งมีผลตั้งแต่ประกาศ ณ วันที่ 4 ธ.ค.61 ลงนามโดย พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ อดีตผู้อำนวยการ พศ. เป็น ประกาศ เรื่อง การจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตาม ที่พศ. ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพื่ออุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายของหน่วยงานที่รับเงินอุดหนุน ตามภารกิจเกี่ยวกับการสนับสนุนและส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ประกาศฉบับนั้น ให้มีคณะกรรมการ เพื่อทำหน้าที่พิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือพิจารณาคัดเลือกตามแนวทางและหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศนี้และเอกสารแนบท้ายแล้วแต่กรณี โดยการเบิกจ่ายเงิน ให้หน่วยงานที่รับเงินอุดหนุนใช้จ่ายเงินในการจัดกิจกรรม/โครงการตามวัตถุประสงค์ที่ขอรับ และตามที่ระบุในหนังสือแจ้งยอดเงินจัดสรรของ พศ. หรือ พศ.จังหวัด

ทั้งนี้ ต้องมีการรายงานผล เมื่อสิ้นสุดโครงการ/กิจกรรม โดยหน่วยงานที่รับเงินอุดหนุนจัดทำสรุปผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรมในรูปแบบเอกสารสิ่งพิมพ์เป็นรูปเล่ม ประกอบด้วย ภาพถ่าย ภาพกิจกรรมที่บันทึกในแผ่นซีดี ดีวีดี (ถ้ามี) หรือหลักฐานอื่นในทำนองเดียวกัน หรือตามรูปแบบ ที่พศ.กำหนด จำนวน 1 ชุด เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ได้แก่ หน่วยงานที่รับเงินอุดหนุนที่อยู่ในส่วนภูมิภาคให้รายงานผลการดำเนินงานต่อ พศ.จังหวัด ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่สิ้นสุดโครงการ/กิจกรรม/ หน่วยงานที่รับเงินอุดหนุนที่อยู่ในส่วนกลางให้รายงานผลการดำเนินงานต่อ พศ. ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่สิ้นสุด โครงการ/กิจกรรม และหน่วยงานที่รับเงินอุดหนุนที่อยู่ในต่างประเทศให้รายงานผลการดำเนินงานต่อ พศ. ภายใน 60 วัน นับจากวันสิ้นปีงบประมาณ

นอกจากนี้ หากหน่วยงานที่รับเงินอุดหนุนไม่รายงานผลการดำเนินงานตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ จะไม่ได้รับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายในคราวต่อไปกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นทำให้หน่วยงานที่รับเงินอุดหนุนไม่สามารถรายงานผลการดำเนินงานได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ที่หน่วยงานที่รับเงินอุดหนุนจะต้องรีบรายงานผลการดำเนินงานโดยด่วน

พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลความจำเป็นแล้วแต่กรณีเป็นลายลักษณ์อักษร ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและความจำเป็นแล้วแต่กรณีๆไปเมื่อคณะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดเป็นประการใดแล้ว การพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นที่สุด

กรณี พศ.จังหวัด ได้รับรายงานผลจากหน่วยงานที่รับเงินอุดหนุนภายในกำหนดระยะเวลา หรือกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นและได้รับคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ให้เสนอ พศ. ภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับรายงานหรือคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วแต่กรณี หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว พศ.จังหวัด จะต้องชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร โดยแสดงให้เห็นถึงเหตุผลความจำเป็นที่ไม่อาจดำเนินการได้ทันภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวด้วย

สุดท้ายการติดตามผล ให้ พศ. และ พศ.จังหวัด มีหน้าที่ติดตามผลการดำเนินงาน โดยเป็นผู้ประสาน และติดตามประเมินผลการดำเนินงานโครงการ/กิจกรรมของหน่วยงานที่รับเงินอุดหนุน โดยให้รวบรวม และจัดทำเอกสารหลักฐานการจ่ายเงินไว้เพื่อการตรวจสอบ ดำเนินงานโครงการ/กิจกรรม ต้องระบุให้สาธารณชนทราบว่า “ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากพศ. หรือมีตราสัญลักษณ์ของ พศ. และรายงานผลเมื่อสิ้นสุดโครงการ/กิจกรรม ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ซึ่งในปัจจุบัน วัดทั่วประเทศ จากทุกนิกาย ที่มีพระสงฆ์ กว่า 41,310 วัด ยังคงดำเนินการตามประกาศฉบับนี้

ทั้งหมดทั้งมวล รอดูว่า พศ.ในกำกับของ "นายอนุชา นาคาศัย" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะมีข้อสั่งการให้ดำเนินการตามนี้หรือไม่!!



กำลังโหลดความคิดเห็น