รองโฆษกรัฐบาล แถลง ครม.รับทราบ 5 แนวทาง ป.ป.ช.ชงรัฐบาล แก้ปัญหาป้องทุจริตเงินอุดหนุนวัด หลังพบใช้วัดเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์
วันนี้ (28 ต.ค.) เวลา 14.00 น. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.รายงานว่า เนื่องจากการตรวจสอบพบการทุจริตงบประมาณเงินอุดหนุนของ พศ.ซึ่งประกอบด้วย งบประมาณ 3 ประเภท ได้แก่ 1. งบประมาณเงินอุดหนุนปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด 2. งบประมาณเงินอุดหนุนการส่งเสริมเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ 3. งบประมาณเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
น.สไตรศุลีกล่าวต่อว่า จากการศึกษาพฤติกรรมการและรูปแบบการทุจริตรวมทั้งข้อกฎหมายระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณเงินอุดหนุนของวัดของ พศ.พบว่า กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเปิดช่องและเอื้อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบและเจ้าอาวาสในฐานะผู้แทนของวัด ไม่มีความรู้เพียงพอในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของแผ่นดินทำให้บุคคลบางกลุ่มใช้วัดเป็นเครื่องมือในการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุน เพื่อแสวงหาประโยชน์ทำให้เกิดปัญหาและความเสี่ยงในการทุจริต ดังนั้น ป.ป.ช.ได้เสนอ 5 แนวทางในการป้องกันการทุจริตเงินอุดหนุนวัด คือ 1. ด้านการจัดทำระบบฐานข้อมูล รัฐบาลควรกำหนดให้บูรณาการและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดทำฐานข้อมูลของวัดเป็นวาระแห่งชาติ 2. ด้านกระบวนการจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณ ให้ พศ.จัดทำคำของบประมาณด้านการก่อสร้างการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดเป็นงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ และปรับปรุงคณะกรรมการพิจารณาคำขอและจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยมีบุคคลภายนอกร่วมด้วย เช่น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
น.ส.ไตรศุลีกล่าวอีกว่า 3. ด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ ให้ พศ.ประสานงานให้วัดหรือผู้ได้รับงบประมาณงบเงินอุดหนุน ต้องจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจน และในการใช้จ่ายเงินของวัดไม่ควรเบิกจ่ายเงินล่วงหน้าก่อนมีแผนการใช้จ่ายเงิน และให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เบิกจ่ายของกระทรวงการคลังอย่างเคร่งครัด 4. พศ.ต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานและวัตถุประสงค์ของโครงการ และ 5. ด้านการแจ้งเบาะแส ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตพศ. ควรเป็นหน่วยงานส่งเสริมสนับสนุนและให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงาน และกำหนดให้มีช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน จากพระภิกษุและประชาชน และควรกำหนดกระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียนให้ชัดเจนและมีความรวดเร็ว