“ศักดิ์สยาม” สั่ง ทอท.เร่งสร้างอาคารส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ตั้งเป้าปี 65-66 “สุวรรณภูมิ” ต้องรับผู้โดยสารได้ 90 ล้านคน/ปี ยันมีเหตุผลจำเป็น ทำให้สอดคล้องกับรันเวย์ 3 ที่จะรับ 900 เที่ยวบิน/วัน พร้อมมาตรการ Social Distancing
วานนี้ (29 ต.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ว่า ขณะนี้ การก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ 1 หรือ SAT-1 มีความคืบหน้าประมาร 95% โดยเหลือการตกแต่งภายใน และติดตั้งระบบต่างๆ เช่น สายพานลำเลียงกระเป๋า และรถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover : APM) ซึ่งขณะนี้รับมอบรถแล้ว 4 ขบวนเหลืออีก 2 ขบวนจะรับมอบภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ และเริ่มทดสอบเสมือนจริงในเดือนก.พ. 2564 ขณะที่จะมีการทดสอบการเตรียมความพร้อมการเปิดให้บริการ (Operation Readiness and Airport Transfer : ORAT) ของอาคาร SAT-1 ระบบการปฏิบัติงานต่าง ๆ จะแล้วเสร็จในเดือนเม.ย. 2565 และเปิดให้บริการ ในปี 2565 ซึ่งมีความล่าช้าจากแผนเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้จาดแรงงาน และไม่สามารถนำข้าวัสดุ / อุปกรณ์ที่ผลิตจากต่างประเทศรวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศไม่สมารถเดินทางมาให้คำปรึกษาในการดำเนินการติดตั้ง และทดสอบการทำงานร่วมกัน
โดยโครงการพัฒนาสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ล่าสุดใช้งบประมาณจำนวน 49,000 ล้านบาท ซึ่งประหยัดจากกรอบที่กำหนดไว้ ซึ่งอาคาร SAT-1จะรองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคน/ปี เพิ่มขีดความสามารถรวมเป็น 60 ล้านคน/ปี
สำหรับโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 (รันเวย์ 3) ซึ่งมีบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR จอยต์เวนเจอร์กับบริษัท ถนอมวงศ์บริการ จำกัด เป็นผู้รับจ้างวงเงินประมาณ 9,600 ล้านบาท ได้เริ่มก่อสร้างแล้วประมาณ 1 เดือน ตามแผนงานจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2566 ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน ได้เป็น 900 เที่ยวบิน/วัน หรือรับผู้โดยสารได้ถึง 90 ล้านคน/ปี ดังนั้น ทอท.จะต้องเร่งแผนการขยายพื้นที่อาคารผู้โดยสารให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ที่ 90 ล้านคน/ปี โดยเร่งรัดการดำเนินงานพัฒนาอาคารผู้โดยสาร ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 30 ล้านคน/ปี เพื่อให้สอดคล้องกับขีดความสามารถของรันเวย์ที่เพิ่มขึ้น และรองรับการให้บริการ ด้วยการบริหารจัดการทำอากาศยานตามมาตรการสาธารณสุขในการเตรียมพื้นที่รองรับการทางสังคม (Social Distancing) ที่มีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่สำหรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. จะต้องจัดทำข้อมูลเพิ่มเติม เหตุผลและความจำเป็นในการพัฒนาอาคารผู้โดยสาร ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ทั้งแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงคมนาคม และการให้บริการตามมาตรการโควิด-19 นำเสนอ ต่อคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อให้ทบทวนมติ ให้ความเห็นชอบในการดำเนินการ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไป ขณะที่ทอท.มีความพร้อมในการลงทุน
“ทอท.จะต้องรวบรวมข้อมูล เหตุผลความจำเป็นเสนอไปสศช.เพิ่มเติม ซึ่งมีเป้าหมายว่าจะพัฒนาอาคาร North Expansion นี้ให้เสร็จพร้อมกับรันเวย์ 3 หรือในปี 2566 และทำให้สนามบินสุวรรณภูมิมีขีดรองรับผู้โดยสารได้ 90 ล้านคน/ปี ทั้งในพื้นที่อาคาร และรันเวย์” นายศักดิ์สยาม ระบุ
ด้าน นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า การก่อสร้างอาคาร North Expansion วงเงินลงทุน 42,000 ล้านบาท จะเป็นตัวหลักสำคัญในการรองรับการเดินทางของผู้โดยสารในปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะต้องมีการบริหารจัดการสนามบิน ตามมาตรการสาธารณสุข โดยต้องมีการเตรียมพื้นที่รองรับการทางสังคม (Social Distancing) เนื่องจาก หลังเกิดโควิด-19 คาดว่า องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จะออกมาตรการวิถีใหม่การเดินทาง (Transport New Normal) ซึ่งอาคาร North Expansion ที่จะมีพื้นที่ เพิ่มอีก 170,000 ตารางเมตร และพื้นที่ส่วนอาคารเทียบเครื่องบิน (Airside) อีก 125,000 ตารางเมตร มีพื้นที่เพิ่มสำหรับตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และช่องตรวจค้นผู้โดยสาร รวมทั้งหลุมจอดประชิดอาคารอีก 14 หลุม จะรองรับการเดินทางของผู้โดยสารได้อย่างสะดวกและปลอดภัยเมื่อเปรียบเทียบกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านตะวันออก (East Expansion) ซึ่งจะเพิ่มเพียงพื้นที่อาคารผู้โดยสาร 66,000 ตารางเมตร ไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้โดยสารแบบ New Normal ซึ่งหากเริ่มดำเนินการในต้นปี 2564 จะแล้วเสร็จในปี 2567 ทันต่อสถานการณ์ในการรองรับผู้โดยสารที่จะกลับสู่การเดินทางอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
วานนี้ (29 ต.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ว่า ขณะนี้ การก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ 1 หรือ SAT-1 มีความคืบหน้าประมาร 95% โดยเหลือการตกแต่งภายใน และติดตั้งระบบต่างๆ เช่น สายพานลำเลียงกระเป๋า และรถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover : APM) ซึ่งขณะนี้รับมอบรถแล้ว 4 ขบวนเหลืออีก 2 ขบวนจะรับมอบภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ และเริ่มทดสอบเสมือนจริงในเดือนก.พ. 2564 ขณะที่จะมีการทดสอบการเตรียมความพร้อมการเปิดให้บริการ (Operation Readiness and Airport Transfer : ORAT) ของอาคาร SAT-1 ระบบการปฏิบัติงานต่าง ๆ จะแล้วเสร็จในเดือนเม.ย. 2565 และเปิดให้บริการ ในปี 2565 ซึ่งมีความล่าช้าจากแผนเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้จาดแรงงาน และไม่สามารถนำข้าวัสดุ / อุปกรณ์ที่ผลิตจากต่างประเทศรวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศไม่สมารถเดินทางมาให้คำปรึกษาในการดำเนินการติดตั้ง และทดสอบการทำงานร่วมกัน
โดยโครงการพัฒนาสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ล่าสุดใช้งบประมาณจำนวน 49,000 ล้านบาท ซึ่งประหยัดจากกรอบที่กำหนดไว้ ซึ่งอาคาร SAT-1จะรองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคน/ปี เพิ่มขีดความสามารถรวมเป็น 60 ล้านคน/ปี
สำหรับโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 (รันเวย์ 3) ซึ่งมีบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR จอยต์เวนเจอร์กับบริษัท ถนอมวงศ์บริการ จำกัด เป็นผู้รับจ้างวงเงินประมาณ 9,600 ล้านบาท ได้เริ่มก่อสร้างแล้วประมาณ 1 เดือน ตามแผนงานจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2566 ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน ได้เป็น 900 เที่ยวบิน/วัน หรือรับผู้โดยสารได้ถึง 90 ล้านคน/ปี ดังนั้น ทอท.จะต้องเร่งแผนการขยายพื้นที่อาคารผู้โดยสารให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ที่ 90 ล้านคน/ปี โดยเร่งรัดการดำเนินงานพัฒนาอาคารผู้โดยสาร ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 30 ล้านคน/ปี เพื่อให้สอดคล้องกับขีดความสามารถของรันเวย์ที่เพิ่มขึ้น และรองรับการให้บริการ ด้วยการบริหารจัดการทำอากาศยานตามมาตรการสาธารณสุขในการเตรียมพื้นที่รองรับการทางสังคม (Social Distancing) ที่มีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่สำหรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. จะต้องจัดทำข้อมูลเพิ่มเติม เหตุผลและความจำเป็นในการพัฒนาอาคารผู้โดยสาร ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ทั้งแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงคมนาคม และการให้บริการตามมาตรการโควิด-19 นำเสนอ ต่อคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อให้ทบทวนมติ ให้ความเห็นชอบในการดำเนินการ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไป ขณะที่ทอท.มีความพร้อมในการลงทุน
“ทอท.จะต้องรวบรวมข้อมูล เหตุผลความจำเป็นเสนอไปสศช.เพิ่มเติม ซึ่งมีเป้าหมายว่าจะพัฒนาอาคาร North Expansion นี้ให้เสร็จพร้อมกับรันเวย์ 3 หรือในปี 2566 และทำให้สนามบินสุวรรณภูมิมีขีดรองรับผู้โดยสารได้ 90 ล้านคน/ปี ทั้งในพื้นที่อาคาร และรันเวย์” นายศักดิ์สยาม ระบุ
ด้าน นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า การก่อสร้างอาคาร North Expansion วงเงินลงทุน 42,000 ล้านบาท จะเป็นตัวหลักสำคัญในการรองรับการเดินทางของผู้โดยสารในปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะต้องมีการบริหารจัดการสนามบิน ตามมาตรการสาธารณสุข โดยต้องมีการเตรียมพื้นที่รองรับการทางสังคม (Social Distancing) เนื่องจาก หลังเกิดโควิด-19 คาดว่า องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จะออกมาตรการวิถีใหม่การเดินทาง (Transport New Normal) ซึ่งอาคาร North Expansion ที่จะมีพื้นที่ เพิ่มอีก 170,000 ตารางเมตร และพื้นที่ส่วนอาคารเทียบเครื่องบิน (Airside) อีก 125,000 ตารางเมตร มีพื้นที่เพิ่มสำหรับตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และช่องตรวจค้นผู้โดยสาร รวมทั้งหลุมจอดประชิดอาคารอีก 14 หลุม จะรองรับการเดินทางของผู้โดยสารได้อย่างสะดวกและปลอดภัยเมื่อเปรียบเทียบกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านตะวันออก (East Expansion) ซึ่งจะเพิ่มเพียงพื้นที่อาคารผู้โดยสาร 66,000 ตารางเมตร ไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้โดยสารแบบ New Normal ซึ่งหากเริ่มดำเนินการในต้นปี 2564 จะแล้วเสร็จในปี 2567 ทันต่อสถานการณ์ในการรองรับผู้โดยสารที่จะกลับสู่การเดินทางอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต