สมการการเมือง
3 วันคือเดดไลน์ที่ม็อบราษฎร ยื่นคำขาดให้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นจะยกระดับการชุมนุมขึ้นไปอีก
ในทีที่มีการซื้อหวยกันล่วงหน้า ข้อเรียกร้องของม็อบราษฎรที่ขอให้ “บิ๊กตู่”ลาออกจากตำแหน่ง น่าจะโดนเท เพราะหากจะยอมลาออกคงไม่ลากกันมาถึงวันนี้
ยิ่งวันนี้ 1 ในข้อเรียกร้องของม็อบราษฎร ทะลุเพดานไปถึงขั้นให้ปฏิรูปสถาบันฯ ไม่มีอะไรค้ำประกันว่าหาก “บิ๊กตู่”ไขก๊อก ม็อบจะยอมจบแค่นี้
ขณะที่สัญญาณถอยของ“บิ๊กตู่”ก็ชัดว่า พร้อมจะยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ไม่ได้หมายถึงการลาออก
ซึ่งไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลัง “บิ๊กตู่”ประกาศถอย ก็ได้มีการลงนามยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร โดยมีผลตั้งแต่เวลา12.00 น. ของวันที่ 22 ตุลาคม
ท่าทีดังกล่าวเป็นการทำให้ม็อบรู้สึกได้รับชัยชนะบ้าง เพราะข้อเรียกร้องบางอย่างได้รับการตอบสนอง เนื่องจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร
เป็นการทำให้ผู้ชุมนุมรู้สึกว่า ผู้มีอำนาจมีปฏิกิริยาตอบสนอง หรือล่าถอย
ตรงนี้คือจุดที่น่าสนใจว่า ม็อบจะยกระดับการชุมนุมไปรูปแบบไหน จะรุนแรงขึ้นหรือไม่ ในเมื่อคอนเซปต์ม็อบราษฎร ที่ยึดมาตลอดคือการชุมนุมแบบสันติ ซึ่งวิธีนี้ที่คือจุดแข็งที่ทำให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่กล้ากระทำการอะไรกับผู้ชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา
หากยกระดับด้วยความรุนแรง จะยิ่งเป็นการเข้าทางฝ่ายความมั่นคงที่ตอนนี้ทำได้เพียงรักษาความสงบเรียบร้อย หลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับม็อบ เพราะรู้ดีว่า กระแสสังคมไม่เอาความรุนแรง มันจะกลายเป็นการปลดล็อกให้ฝ่ายความมั่นคงสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ได้มากกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน การชุมนุมเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ของม็อบราษฎร ที่บุกมายังทำเนียบรัฐบาล ก็มีปฏิกิริยาความไม่พอใจของบรรดาผู้ชุมนุมเอง
โดยเฉพาะบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่นำมวลชนเขยื้อนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มายังทำเนียบรัฐบาลในช่วงค่ำคืน ที่ถือว่าเป็นจุดเสี่ยง ที่สร้างความอันตรายให้แก่ผู้ชุมนุมเอง
เพราะในวันเดียวกัน มีการกระทบกระทั่งกันหลายจุดจนมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือระหว่างทางที่ผู้ชุมนุมเดิน เพราะมีอีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
หลายคนเห็นว่า การกดดันรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตของมวลชนไปเสี่ยงแบบนั้น เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาจะไม่มีใครรับผิดชอบไหว
นอกจากนี้ การชุมนุมแฟลชม็อบเองมันเริ่มไม่สนุก เพราะไม่ได้มีการ“แกง”แค่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หากแต่ผู้ชุมนุมเองก็ถูกปั่นเหมือนกัน
โดยมีข้อเสนอแบบ“สันติวิธี”อื่นๆ เช่น การให้หยุดงานเพื่ออารยะขัดขืน ซึ่งน่าจะสร้างอิมแพ็กให้กับรัฐบาลมากขึ้น โดยไม่ต้องเอาชีวิตของผู้ชุมนุมไปเสี่ยง เพราะหลังจากทำแฟลชม็อบกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถสร้างความปวดหัวให้กับรัฐบาลไม่น้อย
ขณะที่อีกส่วนเป็นสาย “พร้อมชน”รู้สึกผิดหวังกับการที่แกนนำพามวลชนเดินไปถึงทำเนียบรัฐบาล เพียงเพื่อแค่จะยื่นใบลาออกจากนายกรัฐมนตรีให้ “บิ๊กตู่”แล้วยุติการชุมนุม
มันทำให้มวลชน“อารมณ์ค้าง”เพราะไปไม่สุด อุตส่าห์พาผู้ชุมนุมฝ่าแนวล้อมเจ้าหน้าที่มาหลายด่านกว่าจะถึงทำเนียบรัฐบาล เดินกันขาลากขาขวิด แต่สุดท้ายจบแบบง่ายๆ
อย่างไรก็ดี ข้อดีเรื่องการไม่มีแกนนำหลักนำม็อบ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมตัวคนนำที่แท้จริงได้ แต่ข้อเสียของการ“ไร้หัว”คือ การควบคุมกันเองไม่ได้ จะเห็นว่าในระยะหลังๆ ผู้ชุมนุมเริ่มเห็นไม่ตรงกัน บางครั้งมีการประกาศยุติชุมนุมแล้ว แต่คนที่อารมณ์ค้างยังไม่กลับ แล้วมีภาพของการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อม็อบที่ใช้ยุทธวิธีแบบสันติ
แกนนำชั่วคราวในแต่ละครั้ง ไม่ได้รับการยอมรับเรื่องแนวทางสักเท่าไหร่ เป็นไปอย่างสะเปะสะปะ เข้าใจไม่ตรงกันว่า จะเดินแนวทางไหน
ในค่ำคืนเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ก็เกิดเหตุการณ์ชกต่อยกันเอง เพราะเข้าใจผิดจนผู้ชุมนุมต้องประกาศขอร้องว่า อย่าทะเลาะกันเอง พวกเดียวกัน
ผู้ชุมนุมบางส่วน ยังชอบแสดงการยั่วยุเจ้าหน้าที่ จุดนี้ถือว่าอันตราย เพราะหากเกิดเรื่องขึ้นมามันจะทำให้ภาพรวมของม็อบทั้งม็อบพัง
อีก 3 วัน ที่ประกาศจะยกระดับหาก “บิ๊กตู่”ไม่ยอมลาออกจากนายกฯ จึงน่าสนใจว่าม็อบจะยกระดับในรูปแบบไหน ในเมื่อประกาศว่าเป็นการชุมนุมโดยสันติปราศจากอาวุธ จะมียุทธวิธีไหนที่จะสามารถกดดันได้
ขณะเดียวกัน ในช่วงครบเดดไลน์ 3 วันของม็อบราษฎร ก็มีการประชุมสมัยวิสามัญรัฐสภาเพื่อหารือกันถึงทางออกประเทศ ที่อาจจะช่วยลดโทนอารมณ์มวลชนได้นิดหน่อย ให้ดึงความสนใจไปที่เกียกกาย
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอให้ “บิ๊กตู่”ลาออกนั้น ม็อบเองก็รู้ว่า หาก“บิ๊กตู่”ลาออก ย่อมทำให้ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะหากยุบสภาประเทศจะเข้าสู่โหมดสุญญากาศ
ยกเว้นเปลี่ยนแค่นายกรัฐมนตรี โดยผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ที่สามารถนำคนนอกมาได้ แต่คนนอกคนนั้นจะเป็นใครที่ได้รับการยอมรับ และคณะรัฐมนตรีจะยังเป็นชุดเดิมหรือไม่ หรือต้องเปลี่ยนไปที่อีกฝ่าย ซึ่งแน่นอนว่า ฝ่ายที่กุมอำนาจอยู่ขณะนี้คงไม่ยอม
หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องคงรัฐสภาเอาไว้เป็นเครื่องมือสำคัญ 1 ในข้อเสนอของม็อบถึงจะบรรลุผล การทู่ซี้ให้ออกเลยจึงเกิดขึ้นได้ยาก
ดูแล้วศึกการเมืองหนนี้ น่าจะลากยาวกันไปอีกนาน