ผู้จัดการรายวัน360-ตำรวจจ่อไม่ดำเนินคดีพนักงานขับรถไฟ ระบุ รฟท. มีกฎหมายพิเศษคุ้มครอง ซ้ำได้ใช้ความระมัดระวังเต็มที่แล้ว แต่ช่วงเกิดเหตุทัศนวิสัยไม่ดี คนขับรถบัสประมาท ไม่ชินเส้นทาง ทั้งบรรทุกคนเกินพิกัดเกือบเท่าตัว เตรียมงัด พ.ร.บ.ขนส่งเล่นงานเจ้าของรถบัสกฐิน
พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เปิดแถลงข่าวกรณีเกิดเหตุการณ์รถไฟบรรทุกตู้สินค้าพุ่งชนรถบัสทอดกฐินสามัคคี บริเวณสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น ม.7 ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 40 ราย เสียชีวิต 19 ราย ว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพทัศนวิสัยไม่ดี เนื่องจากในวันเกิดเหตุได้มีฝนตกลงมาในพื้นที่ จึงทำให้การมองเห็นของผู้ขับขี่เหลือเพียงระยะ 300 เมตรเท่านั้น อีกทั้งคนขับรถบัสไม่คุ้นเคยเส้นทาง โดยเฉพาะจุดตัดข้ามทางรถไฟ และภายในรถยังมีการเปิดเพลงเสียงดัง ผู้โดยสารเต้นรำกันอย่างสนุกสนานจึงอาจทำให้ผู้ขับขี่ไม่ได้ยินเสียงหวูดเตือนจากรถไฟ ประกอบกับที่เกิดเหตุไม่มีเครื่องกั้นรถไฟ แต่มีป้ายเตือนและสัญญาณไฟให้เห็นอย่างชัดเจน และที่เกิดเหตุ เป็นทางลาดชัน ผู้ขับขี่จึงต้องเร่งความเร็วเพื่อให้ผ่านพ้นจุดดังกล่าว และภายในรถบัสมีผู้โดยสารเกินกว่าจำนวนที่ได้รับอนุญาต 42 คน แต่กลับมีการบรรทุกผู้โดยสารมากถึง 70 คน ทำให้เครื่องยนต์เร่งขึ้นเนินได้ช้ากว่าปกติ และขบวนรถไฟวิ่งมาด้วยความเร็วสูง จึงไม่สามารถหยุดรถในระยะกระชั้นชิดได้ทัน
ทั้งนี้ ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าเที่ยวนี้ มีความยาว 439 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 2,000 ตัน ต้องใช้ระยะเบรกหยุดรถมากถึง 600 เมตร จึงจะสามารถหยุดรถได้ และในขณะเกิดเหตุ คนขับได้เปิดหวีด หรือหวูด พร้อมเปิดไฟให้สัญญาณเตือนแล้วในระยะที่มองเห็นประมาณ 300 เมตร จึงถือว่ามีการเตือนผู้ข้ามทางแล้ว และถือว่าได้ใช้ความระมัดระวังในจุดที่เพียงพอ อุบัติเหตุในครั้งนี้ จึงไม่ได้เกิดจากความประมาทของ พขร.รถไฟ แต่เป็นความประมาทของคนขับรถบัสที่ใช้ความระวัดระวังไม่เพียงพอ และรถไฟยังมีกฎหมายพิเศษที่ผู้ข้ามทางจะต้องใช้ความระมัดระวังเอง เมื่อเห็นว่ามีความปลอดภัยแล้วจึงจะข้ามได้
ส่วนการดำเนินคดีต่อเจ้าของรถบัสที่ปล่อยปละละเลยให้มีการบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนกว่าพิกัดบรรทุก หรือบรรทุกคนเกินจำนวนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้สำนักงานขนส่งเข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อดำเนินคดีต่อเจ้าของรถต่อไป
ล่าสุด นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีคำสั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล และเทศบาล ที่มีเส้นทางตัดข้ามทางรถไฟ เร่งจัดหางบประมาณเพื่อสร้างเครื่องกั้นทางรถไฟแบบอัตโนมัติ จุดละประมาณ 3.5 ล้านบาทไปก่อนทั้ง 16 จุด เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก
พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เปิดแถลงข่าวกรณีเกิดเหตุการณ์รถไฟบรรทุกตู้สินค้าพุ่งชนรถบัสทอดกฐินสามัคคี บริเวณสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น ม.7 ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 40 ราย เสียชีวิต 19 ราย ว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพทัศนวิสัยไม่ดี เนื่องจากในวันเกิดเหตุได้มีฝนตกลงมาในพื้นที่ จึงทำให้การมองเห็นของผู้ขับขี่เหลือเพียงระยะ 300 เมตรเท่านั้น อีกทั้งคนขับรถบัสไม่คุ้นเคยเส้นทาง โดยเฉพาะจุดตัดข้ามทางรถไฟ และภายในรถยังมีการเปิดเพลงเสียงดัง ผู้โดยสารเต้นรำกันอย่างสนุกสนานจึงอาจทำให้ผู้ขับขี่ไม่ได้ยินเสียงหวูดเตือนจากรถไฟ ประกอบกับที่เกิดเหตุไม่มีเครื่องกั้นรถไฟ แต่มีป้ายเตือนและสัญญาณไฟให้เห็นอย่างชัดเจน และที่เกิดเหตุ เป็นทางลาดชัน ผู้ขับขี่จึงต้องเร่งความเร็วเพื่อให้ผ่านพ้นจุดดังกล่าว และภายในรถบัสมีผู้โดยสารเกินกว่าจำนวนที่ได้รับอนุญาต 42 คน แต่กลับมีการบรรทุกผู้โดยสารมากถึง 70 คน ทำให้เครื่องยนต์เร่งขึ้นเนินได้ช้ากว่าปกติ และขบวนรถไฟวิ่งมาด้วยความเร็วสูง จึงไม่สามารถหยุดรถในระยะกระชั้นชิดได้ทัน
ทั้งนี้ ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าเที่ยวนี้ มีความยาว 439 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 2,000 ตัน ต้องใช้ระยะเบรกหยุดรถมากถึง 600 เมตร จึงจะสามารถหยุดรถได้ และในขณะเกิดเหตุ คนขับได้เปิดหวีด หรือหวูด พร้อมเปิดไฟให้สัญญาณเตือนแล้วในระยะที่มองเห็นประมาณ 300 เมตร จึงถือว่ามีการเตือนผู้ข้ามทางแล้ว และถือว่าได้ใช้ความระมัดระวังในจุดที่เพียงพอ อุบัติเหตุในครั้งนี้ จึงไม่ได้เกิดจากความประมาทของ พขร.รถไฟ แต่เป็นความประมาทของคนขับรถบัสที่ใช้ความระวัดระวังไม่เพียงพอ และรถไฟยังมีกฎหมายพิเศษที่ผู้ข้ามทางจะต้องใช้ความระมัดระวังเอง เมื่อเห็นว่ามีความปลอดภัยแล้วจึงจะข้ามได้
ส่วนการดำเนินคดีต่อเจ้าของรถบัสที่ปล่อยปละละเลยให้มีการบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนกว่าพิกัดบรรทุก หรือบรรทุกคนเกินจำนวนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้สำนักงานขนส่งเข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อดำเนินคดีต่อเจ้าของรถต่อไป
ล่าสุด นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีคำสั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล และเทศบาล ที่มีเส้นทางตัดข้ามทางรถไฟ เร่งจัดหางบประมาณเพื่อสร้างเครื่องกั้นทางรถไฟแบบอัตโนมัติ จุดละประมาณ 3.5 ล้านบาทไปก่อนทั้ง 16 จุด เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก