ผู้จัดการรายวัน360-เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” เป็นรมว.คลังคนใหม่ ด้าน “คลัง” เตรียมเสนอ 2 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ พัฒนาจาก “ชิมช้อปใช้-ช้อปช่วยชาติ” หวังเพิ่มการใช้จ่าย ชง ศบศ. พิจารณา 7 ต.ค.นี้ ส่วนโครงการ “คนละครึ่ง” ร้านค้าแห่ร่วมแล้วกว่า 1.7 แสนแห่ง โบรกเกอร์มั่นใจได้ขุนคลังใหม่ หนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (5 ต.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิ.ย.2562 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 ก.ค.2562 และประกาศครั้งสุดท้าย ลงวันที่ 5 ส.ค.2563 นั้น บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลาออกจากตำแหน่ง สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแทนตำแหน่งที่ว่าง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 1 ต.ค.2563 เป็นปีที่ 5 ในรัชกาลปัจจุบัน
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้หารือร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ถึงมาตรการกระต้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังจาก สศค. ได้ไปหารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานแล้ว เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2563 ที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบศ. พิจารณาในวันที่ 7 ต.ค.2563 ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป
ทั้งนี้ เบื้องต้นจะมี 2 มาตรการ ที่จะนำมาใช้กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยปรับรูปแบบจากมาตรการชิมช้อปใช้ และมาตรการช้อปช่วยชาติ แต่อาจจะเปลี่ยนชื่อให้เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งจะมีการสรุปอีกครั้ง โดยมาตรการที่จะออกมานั้น จะเน้นการดึงเงินจากผู้เสียภาษี โดยใช้มาตรการมากระตุ้นให้คนกลุ่มนี้ใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งมีหลายวิธีในการดำเนินการ ทั้งการใช้มาตรการภาษี และการมาตรการทางการเงินเข้ามาช่วย
นายลวรณ แสงสนิท โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง ที่เปิดให้ผู้ประกอบการร้านค้าลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563 ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ว่า ล่าสุดมีผู้ประกอบการร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 170,000 ร้าน แบ่งเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 100,000 ร้าน ร้านธงฟ้า 40,000 ร้าน และร้านชายของทั่วไป 20,000 ร้าน โดยร้านค้าที่สนใจยังสามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่อง ส่วนประชาชน จะเปิดให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.2563 เวลา 06.00–23.00 น. จำกัดจำนวนไม่เกิน 10 ล้านคน เมื่อครบ ก็จะปิดทันที ยืนยันว่าธนาคารกรุงไทย ได้เตรียมระบบรองรับแล้ว มั่นใจว่าไม่ล่ม
ด้านฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส (ASPS) ระบุว่า การมีรัฐมนตรีคลัง เป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น เพราะจะช่วยผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ๆ ทำได้มีประสิทธิภาพ และเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนเอกชนและต่างชาติได้เพิ่มขึ้น โดยให้น้ำหนักมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะมีการนำมาตรการช้อปชิมช้อปใช้ และช้อปช่วยชาติมาใช้ และการผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (5 ต.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิ.ย.2562 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 ก.ค.2562 และประกาศครั้งสุดท้าย ลงวันที่ 5 ส.ค.2563 นั้น บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลาออกจากตำแหน่ง สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแทนตำแหน่งที่ว่าง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 1 ต.ค.2563 เป็นปีที่ 5 ในรัชกาลปัจจุบัน
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้หารือร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ถึงมาตรการกระต้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังจาก สศค. ได้ไปหารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานแล้ว เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2563 ที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบศ. พิจารณาในวันที่ 7 ต.ค.2563 ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป
ทั้งนี้ เบื้องต้นจะมี 2 มาตรการ ที่จะนำมาใช้กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยปรับรูปแบบจากมาตรการชิมช้อปใช้ และมาตรการช้อปช่วยชาติ แต่อาจจะเปลี่ยนชื่อให้เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งจะมีการสรุปอีกครั้ง โดยมาตรการที่จะออกมานั้น จะเน้นการดึงเงินจากผู้เสียภาษี โดยใช้มาตรการมากระตุ้นให้คนกลุ่มนี้ใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งมีหลายวิธีในการดำเนินการ ทั้งการใช้มาตรการภาษี และการมาตรการทางการเงินเข้ามาช่วย
นายลวรณ แสงสนิท โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง ที่เปิดให้ผู้ประกอบการร้านค้าลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563 ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ว่า ล่าสุดมีผู้ประกอบการร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 170,000 ร้าน แบ่งเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 100,000 ร้าน ร้านธงฟ้า 40,000 ร้าน และร้านชายของทั่วไป 20,000 ร้าน โดยร้านค้าที่สนใจยังสามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่อง ส่วนประชาชน จะเปิดให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.2563 เวลา 06.00–23.00 น. จำกัดจำนวนไม่เกิน 10 ล้านคน เมื่อครบ ก็จะปิดทันที ยืนยันว่าธนาคารกรุงไทย ได้เตรียมระบบรองรับแล้ว มั่นใจว่าไม่ล่ม
ด้านฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส (ASPS) ระบุว่า การมีรัฐมนตรีคลัง เป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น เพราะจะช่วยผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ๆ ทำได้มีประสิทธิภาพ และเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนเอกชนและต่างชาติได้เพิ่มขึ้น โดยให้น้ำหนักมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะมีการนำมาตรการช้อปชิมช้อปใช้ และช้อปช่วยชาติมาใช้ และการผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่