ผู้จัดการรายวัน360-ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกผู้บริหาร “สารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์” รับทราบข้อกล่าวหา 7 ต.ค.นี้ รวมล่าสุดมีผู้ปกครองแจ้งความแล้ว 32 ราย 58 คดี กับครูและพี่เลี้ยง 13 คน ทนายความนำผู้ปกครองร้องอัยการช่วยดูแลเรื่องคดี และฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหาย อัยการสูงสุดสั่งพนักงานอัยการร่วมสหวิชาชีพเข้าช่วยเหลือเด็ก เผยเด็กบางรายถูกทำร้ายถึง 17 ครั้ง ใน 5 วัน ด้านผู้ปกครองสรุปเรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน ทนายคลายทุกข์แจงช่วยพี่เลี้ยงจุ๋ม ไม่แคร์ถูกโจมตี หลังทัวร์ลง
พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนะชัย รอง.ผบช.ภ.1 เปิดเผยภายหลังเดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ครูพี่เลี้ยงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ทำร้ายเด็กนักเรียน ที่สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ว่า คดีนี้มีความคืบหน้ามาก โดยแบ่งคดีในการส่งฟ้องทั้งศาลเด็กและเยาวชน รวมทั้งศาลแขวง ซึ่งได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลใช้ประกอบสำนวนคดีทั้งในส่วนความผิดตามพ.ร.บ.สภาครู พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน เพื่อสรุปสำนวนคดีส่งให้กับพนักงานอัยการ โดยแบ่งการดำเนินคดี ออกเป็น 4 ส่วน คือ 1.ดำเนินคดีกับผู้บริหารสถานศึกษา 2.ผู้บริหารการศึกษา 3.ครูผู้สอน 4.บุคลากรอื่นที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา ส่วนการดำเนินคดีกับทางผู้อำนวยการโรงเรียน จะออกหมายเรียกให้เข้ามาพบในวันที่ 7 ต.ค.2563
พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชระมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี กล่าวว่า มีครูที่ถูกกล่าวหาเดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพิ่ม 2 ราย คือ น.ส.แพรวนภา ศรีพูด หรือครูแพรว น.ส.นภาพร คำเนตร หรือครูส้ม ส่วนอีก 2 ราย คือ น.ส.อนรรฆอร พานบัว หรือครูแพร และน.ส.โชษิตา ชมเชย หรือครูอิง ได้ติดต่อขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน เพราะกำลังปรึกษาทนายความ ซึ่งจะออกหมายเรียกตัวครั้งที่ 2 ต่อไป
ทั้งนี้ มีครูและพี่เลี้ยง ที่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 9 ราย มีผู้ปกครองเข้าแจ้งความทั้งหมด 32 ราย รวม 58 คดี กับครูและพี่เลี้ยงทั้งหมด 13 คน
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายรณรงค์ แก้วเพชร ทนายความและประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมกลุ่มผู้ปกครองเด็กนักเรียนที่ถูกกระทำความรุนแรงในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ได้เดินทางมายื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุด ขอให้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและฟ้องร้องคดีแพ่งต่อโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ตลอดจนผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และขอให้ติดตามในส่วนของคดีอาญาไม่ให้เกิดการแทรกแซงในคดี เนื่องจากเกี่ยวข้องเครือธุรกิจมูลค่าหลายพันล้าน โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนรับเรื่อง
นายประยุทธกล่าวว่า ผู้ปกครองและทนายได้นำหนังสือมายื่นเพื่อให้สำนักงานอัยการสูงสุดช่วยในเรื่องกระบวนการคุ้มครองลูกหลานที่ตกเป็นเหยื่อ และเรื่องค่าเสียหาย ซึ่งได้สั่งการไปยังพนักงานอัยการพื้นที่เข้าร่วมกับสหวิชาชีพ และพนักงานสอบสวน ในการคุ้มครองดูแลสิทธิลูกหลาน ซึ่งถือเป็นหลักสากลที่ต้องเข้าไปช่วยกันดูแลและคุ้มครองเด็กเยาวชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ปกครองเด็กนักเรียน ระบุว่า ลูกตนเองถูกทำร้ายถึง 17 ครั้ง ใน 5 วัน ทั้งใช้มือทุบตี ใช้กล่องดินสอทุบ อุ้มแล้วโยนลงกับพื้น ใช้โทรศัพท์มือถือตีไปที่ลำตัวและแขน ส่วนนายชาญวิทย์ น้อยสุขยิ่ง บิดาน้องเสือ ที่ทำร้ายร่างกายพี่เลี้ยงจุ๋ม ระบุว่า ไม่มีเจตนาจะทำร้ายร่างกาย แต่เกิดจากบันดาลโทสะที่เห็นลูกชายถูกทำร้าย พร้อมรับผิดชอบตามกฎหมายและเสียค่าปรับทุกประการ
ล่าสุด กลุ่มผู้ปกครองของเด็กที่ถูกครูและพี่เลี้ยงทำร้าย ได้มีการพูดคุยกัน เบื้องต้นจะฟ้องร้องทางโรงเรียนเรียกค่าเสียหาย รายละ 5 ล้านบาท เพราะโรงเรียนไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ไม่สำนึกในสิ่งที่เกิดขึ้น และยังตั้งทนายฟ้องร้องผู้ปกครอง
ด้านนายรณรงค์ ทนายความ กล่าวว่า หากผู้ปกครองคนใดถูกโรงเรียนฟ้องดำเนินคดี ให้แจ้งมายังตนหรือทางอัยการ เราพร้อมจะให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายเต็มที่
วัยเดียวกันนี้ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ผมเป็นที่ปรึกษาโรงเรียนสารสาสน์ ส่วนพี่เลี้ยงที่ถูกดำเนินคดี ผมเข้าไปช่วยเหลือเรื่องคดี ในฐานะส่วนตัว แยกกันคนละส่วน พร้อมระบุว่า กราบเรียน FC ทนายคลายทุกข์ ผม ประกอบวิชาชีพทนายความ มา 35 ปีไม่เคยทำผิดกฎหมายหรือศีลธรรมขอให้มั่นใจได้ ขอบคุณครับ จากนั้น ได้กล่าวอีกครั้งในรายการโหนกระแส ไม่แคร์ว่าจะถูกโจมตี ไม่ได้รับจ้างถือป้ายหน้าทีวี ลูกความประสงค์จะแจ้งความ ก็ต้องดำเนินการ
พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนะชัย รอง.ผบช.ภ.1 เปิดเผยภายหลังเดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ครูพี่เลี้ยงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ทำร้ายเด็กนักเรียน ที่สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ว่า คดีนี้มีความคืบหน้ามาก โดยแบ่งคดีในการส่งฟ้องทั้งศาลเด็กและเยาวชน รวมทั้งศาลแขวง ซึ่งได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลใช้ประกอบสำนวนคดีทั้งในส่วนความผิดตามพ.ร.บ.สภาครู พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน เพื่อสรุปสำนวนคดีส่งให้กับพนักงานอัยการ โดยแบ่งการดำเนินคดี ออกเป็น 4 ส่วน คือ 1.ดำเนินคดีกับผู้บริหารสถานศึกษา 2.ผู้บริหารการศึกษา 3.ครูผู้สอน 4.บุคลากรอื่นที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา ส่วนการดำเนินคดีกับทางผู้อำนวยการโรงเรียน จะออกหมายเรียกให้เข้ามาพบในวันที่ 7 ต.ค.2563
พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชระมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี กล่าวว่า มีครูที่ถูกกล่าวหาเดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพิ่ม 2 ราย คือ น.ส.แพรวนภา ศรีพูด หรือครูแพรว น.ส.นภาพร คำเนตร หรือครูส้ม ส่วนอีก 2 ราย คือ น.ส.อนรรฆอร พานบัว หรือครูแพร และน.ส.โชษิตา ชมเชย หรือครูอิง ได้ติดต่อขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน เพราะกำลังปรึกษาทนายความ ซึ่งจะออกหมายเรียกตัวครั้งที่ 2 ต่อไป
ทั้งนี้ มีครูและพี่เลี้ยง ที่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 9 ราย มีผู้ปกครองเข้าแจ้งความทั้งหมด 32 ราย รวม 58 คดี กับครูและพี่เลี้ยงทั้งหมด 13 คน
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายรณรงค์ แก้วเพชร ทนายความและประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมกลุ่มผู้ปกครองเด็กนักเรียนที่ถูกกระทำความรุนแรงในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ได้เดินทางมายื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุด ขอให้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและฟ้องร้องคดีแพ่งต่อโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ตลอดจนผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และขอให้ติดตามในส่วนของคดีอาญาไม่ให้เกิดการแทรกแซงในคดี เนื่องจากเกี่ยวข้องเครือธุรกิจมูลค่าหลายพันล้าน โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนรับเรื่อง
นายประยุทธกล่าวว่า ผู้ปกครองและทนายได้นำหนังสือมายื่นเพื่อให้สำนักงานอัยการสูงสุดช่วยในเรื่องกระบวนการคุ้มครองลูกหลานที่ตกเป็นเหยื่อ และเรื่องค่าเสียหาย ซึ่งได้สั่งการไปยังพนักงานอัยการพื้นที่เข้าร่วมกับสหวิชาชีพ และพนักงานสอบสวน ในการคุ้มครองดูแลสิทธิลูกหลาน ซึ่งถือเป็นหลักสากลที่ต้องเข้าไปช่วยกันดูแลและคุ้มครองเด็กเยาวชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ปกครองเด็กนักเรียน ระบุว่า ลูกตนเองถูกทำร้ายถึง 17 ครั้ง ใน 5 วัน ทั้งใช้มือทุบตี ใช้กล่องดินสอทุบ อุ้มแล้วโยนลงกับพื้น ใช้โทรศัพท์มือถือตีไปที่ลำตัวและแขน ส่วนนายชาญวิทย์ น้อยสุขยิ่ง บิดาน้องเสือ ที่ทำร้ายร่างกายพี่เลี้ยงจุ๋ม ระบุว่า ไม่มีเจตนาจะทำร้ายร่างกาย แต่เกิดจากบันดาลโทสะที่เห็นลูกชายถูกทำร้าย พร้อมรับผิดชอบตามกฎหมายและเสียค่าปรับทุกประการ
ล่าสุด กลุ่มผู้ปกครองของเด็กที่ถูกครูและพี่เลี้ยงทำร้าย ได้มีการพูดคุยกัน เบื้องต้นจะฟ้องร้องทางโรงเรียนเรียกค่าเสียหาย รายละ 5 ล้านบาท เพราะโรงเรียนไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ไม่สำนึกในสิ่งที่เกิดขึ้น และยังตั้งทนายฟ้องร้องผู้ปกครอง
ด้านนายรณรงค์ ทนายความ กล่าวว่า หากผู้ปกครองคนใดถูกโรงเรียนฟ้องดำเนินคดี ให้แจ้งมายังตนหรือทางอัยการ เราพร้อมจะให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายเต็มที่
วัยเดียวกันนี้ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ผมเป็นที่ปรึกษาโรงเรียนสารสาสน์ ส่วนพี่เลี้ยงที่ถูกดำเนินคดี ผมเข้าไปช่วยเหลือเรื่องคดี ในฐานะส่วนตัว แยกกันคนละส่วน พร้อมระบุว่า กราบเรียน FC ทนายคลายทุกข์ ผม ประกอบวิชาชีพทนายความ มา 35 ปีไม่เคยทำผิดกฎหมายหรือศีลธรรมขอให้มั่นใจได้ ขอบคุณครับ จากนั้น ได้กล่าวอีกครั้งในรายการโหนกระแส ไม่แคร์ว่าจะถูกโจมตี ไม่ได้รับจ้างถือป้ายหน้าทีวี ลูกความประสงค์จะแจ้งความ ก็ต้องดำเนินการ
