xs
xsm
sm
md
lg

ครูพี่เลี้ยงหยิกมือเด็ก 3 ขวบ พร้อมทนายพบคู่กรณี รับลืมตัดเล็บมาก่อน ยันไม่เคยทอดทิ้ง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครปฐม - ครูพี่เลี้ยงพบผู้ปกครองน้อง 3 ขวบ เนอร์สเซอรีนครปฐม พร้อมทนาย 2 ฝ่ายเดินหน้าเจรจากันต่อหน้าพนักงานสอบสวนแล้ว แต่ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องค่าเสียหาย พี่เลี้ยงยันไม่ได้เจตนาทำร้ายแต่จับมือเด็กให้กำดินสอ รับลืมตัดเล็บมาก่อน ไม่เคยทอดทิ้ง สอบถามอาการพร้อมค่าเสียหามาตลอด 1 เดือน แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

วันนี้ (2 ต.ค.) ที่ สภ.เมืองนครปฐม นายมนูญ ยิดไล้ อายุ 33 ปี พร้อมด้วย น.ส.สุทธิดา สามงามดี อายุ 28 ปี พ่อและแม่ของน้องพอท (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบ ได้เดินทางมาพร้อมทนายความเพื่อพบกับครูพี่เลี้ยง น.ส.น (นามสมมติ) พี่เลี้ยงและทนายความ ที่ตกเป็นข่าวในคลิปที่มีการแชร์ ช่วงที่มีการดูแลเด็กใน สถานรับดูแลเด็กเล็ก (เนอร์สเซอรี) แห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม และมีการจับมือส่งปากกาให้

ซึ่งหลังจากนั้น พบว่า มีบาดแผลที่ฝ่ามือของ น้องพอท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยคลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อช่วงที่มีกระแสคลิบครูจุ๋ม โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์ ที่กำลังเป็นกระแสในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

โดยก่อนจะเข้าพบกับ ร.ต.อ.ปิติศักดิ์ ราชาวงศ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ทนายความของทั้ง 2 ฝ่ายได้เข้าเจรจาก่อนที่จะไปทำการตกลงกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน โดยไม่ได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้เข้าร่วมรับฟังและไม่ได้ให้ข้อมูลการเจรจาในวันนี้ ซึ่งมีเพียงผู้ปกครองกับครูพี่เลี้ยง และทนายความ เข้าคุยกันเท่านั้น โดยครูพี่เลี้ยงได้แสดงความเครียดและวิตกกับสื่อที่ได้เข้ามาติดตามทำข่าวในวันนี้ โดยการเจรจาได้ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงเศษ ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป


ทั้งนี้ เนื่องจากทางพนักงานสอบสวนเพิ่งจะได้รับใบรับรองแพทย์ในวันนี้ และเตรียมจะมีการสอบปากคำอีกครั้งจากทั้ง 2 ฝ่าย หากยังตกลงกันไม่ได้ และยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเนื่องจากทนายทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องว่าจะต้องมีการนัดหมายมาเจรจากันใหม่อีกครั้ง เนื่องจากทางผู้ปกครองของเด็ก ได้เรียกค่าเสียหายกับครูพี่เลี้ยง เป็นจำนวนเงิน 3 แสนบาท และเรียกค่าเสียหายจากเนอร์สเซอรี จำนวน 4 แสนบาท โดยทางผู้ถูกกล่าวหายังขอเจรจาเรื่องเงินที่เรียกร้องอีกครั้งหนึ่ง

หลังเจรจาเสร็จสิ้น ทนายความครูพี่เลี้ยง ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ในการเจรจากันในวันนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ และยังอยู่ในชั้นกระบวนการสอบสวน และยังไม้ได้มีการแจ้งข้อหา โดยยังอยู่ในขั้นสอบสวน โดยที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุในวันนี้ เมื่อทราบข่าวในวันรุ่งขึ้นได้มีการติดต่อไปยังแม่เด็ก และสอบถามถึงบาดแผลมาโดยตลอด และติดตามมาอย่างต่อเนื่อง แต่จู่ๆ มาปรากฏบนโลกโซเชียลซึ่งยังงงว่าเหตุใดจึงมีการเผยแพร่คลิป และข้อมูลเพราะได้เสนอว่าต้องการชดเชยค่าเสียหายเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่ได้รับการเสนอมาก่อนจะเป็นข่าว และยืนยันว่ามีการติดต่อเพื่อสอบถามอาการและการยุติความไม่สบายใจของผู้ปกครองเรื่อยมา

ด้าน ครูพี่เลี้ยงได้ให้ข้อมูลว่า ในวันดังกล่าวที่เกิดเรื่อง ตนเองได้บอกกับเพื่อนครูไปแล้วว่าวันนี้ไม่ได้ตัดเล็บมา ซึ่งช่วงที่ไปดูแลน้องก็รู้ว่าน้องมีพัฒนาการที่ช้ากว่าคนอื่น คือมือจะอ่อนแรง จับดินสอไม่ค่อยได้ หยิบช้อนกินไม่ค่อยไหว ซึ่งช่วงจังหวะในคลิปพยายามที่จะจับดินสอให้น้องกำให้แน่นเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายแต่อย่างใด โดยช่วงเช้าหลังมีเรื่องก็ถูกโรงเรียนโทร.มาแจ้งให้ออกจากงานทันที โดยตอนนี้ก็ตกงาน และเครียดกับข่าวที่เกิดขึ้น โดยความเป็นจริงไม่ได้มีการคิดที่จะทำร้ายเด็กเลย

ส่วนกระแสของทางโรงเรียนที่เป็นต้นเหตุ ได้ให้ข้อมูลว่าหลังจากที่ได้เกิดเหตุ เมื่อมาดูคลิปก็ได้โทร.ไปแจ้งให้ครูพี่เลี้ยงให้ออกจากงานทันที และวันรุ่งขึ้นได้มีผู้บริหารโรงเรียนของส่วนเนอร์สเซอรีได้เดินทางไปพบผู้ปกครองของเด็กแล้วทันที โดยไป 3 คน พร้อมนำขนมห่อใหญ่ไปปลอบขวัญน้อง โดยได้โอนเงินค่าไปตรวจร่างกายพร้อมกับสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายแต่ก็ยังไม่ได้แจ้งกลับมา แต่แล้วก็ไปเป็นกระแสในโซเชียลและเป็นข่าวขึ้นมา ซึ่งทางโรงเรียนอนุบาลกับส่วนเนอร์สเซอรีนั้นเป็นเครือข่ายกันแต่แยกกันบริหาร

โดยช่วงแรกได้เสนอให้มีการเรียนฟรี 1 เดือนแต่ก็ได้รับการปฏิเสธ และขอให้มีการส่งน้องเข้าเรียนในระดับอนุบาลซึ่งไม่สามารถทำให้ได้เนื่องจากเป็นคนละส่วนการบริหารงาน โดยขณะนี้จะไม่ตอบโต้อะไร ซึ่งได้ตั้งทนายความให้เข้าไปเจรจากันแล้ว ซึ่งไม่มีเจตนาปกปิดเพราะทั้งคลิปและเอกสารการให้ออกของครูพี่เลี้ยง ก็เป็นผู้จัดหาส่งให้แก่ผู้ปกครองเอง โดยค่าเสียหาย 4 แสนบาท ถือว่ามากเกินจริง

ขณะที่ น.ส.สุทธิดา สามงามดี อายุ 28 ปี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ บอกแต่เพียงตอนนี้ให้เป็นหน้าที่ของทนายที่จะดำเนินการเรื่องให้ทั้งหมด ส่วนลูกชายเมื่อวานลองจับดินสอใส่มือขวาเพื่อให้ลองเขียนหนังสือปรากฏว่าปัดมือทิ้ง และยังกลัวกับพวกปากกา ดินสอ คิดว่าลูกชายน่าจะกลัวอุปกรณ์พวกนี้เพราะเขาคงคิดว่าจับไปแล้วจะเจ็บมือ