'อานนท์' ปั่นม็อบ14 ต.ค. บอกโรงแรมรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเต็มแล้ว "จตุพร" เตือนรัฐบาลยื้อเวลาแก้รธน. อายุสั้นแน่ จี้เปิดสภาฯวิสามัญ ก่อน14 ตุลา ลดแรงกดดัน ด้าน"ปิยบุตร" ชี้แก้รธน. ต้องรื้อทิ้ง"ระบอบประยุทธ์" ไม่ใช่ตั้งส.ส.ร.
กรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอกและกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้นัดหมายชุมนุมร่วมกันเป็นครั้งแรก ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ โดยจะมีการชุมนุมยืดเยื้อ 7 วัน 7 คืนนั้น ล่าสุดวานนี้ (4 ต.ค.) นายอานนท์ นำภา ทนายความ และแกนนำม็อบปลดแอก ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "อานนท์ นำภา" โดยระบุว่า "โรงแรมรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยยอดจองวันที่ 14 ตุลาคม เริ่มเต็มแล้วครับ"
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึง สถานการณ์ทางการเมืองว่า ทุกคนจะมุ่งไปที่วันที่14 ต.ค. นี้ ซึ่งตนเห็นว่าการชุมนุมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม สามารถชุมนุมได้ตามสิทธิ เสรีภาพ ที่บัญญัติไว้ในรธน. รวมถึงเคารพในการตัดสินใจของพี่น้องคนเสื้อแดง ที่จะมาร่วมชุมนุมในวันดังกล่าว
ทั้งนี้ จุดยืนเดิมของตน สนับสนุนแนวทาง 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามประชาชน แก้รธน. ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ไม่เห็นด้วย โดยมองว่าหากข้อเรียกร้องถูกจำกัดวงเพียง 3 ข้อ ชัยชนะจะเกิดขึ้นกับคนหนุ่มสาว และประชาชน แต่หากยังไม่มีการทบทวน และยืนยันต่อ ก็ถือว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ และตนก็จะอยู่ในบทบาทของการทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
"หวังว่ารัฐบาลจะไม่ใช้วิธีการรุนแรงในการปราบปรามประชาชนเหมือนที่เคยกระทำกับพี่น้องคนเสื้อแดงในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะต้องแก้ไขปัญหาด้วยหลักสันติวิธีเท่านั้น เพราะการใช้หลักนิติศาสตร์นำหลักรัฐศาสตร์ สะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้แม้แต่กรณีเดียว"
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า การยื้อเวลาแก้ไขรธน.ไปอีก 1 เดือนนั้น จะทำให้รัฐบาลอายุสั้นลง เนื่องจากนายกฯ ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้วว่า การแก้ไขรธน.เป็นวาระเร่งด่วน ดังนั้นจึงขอให้เปิดสมัยประชุมสภาวิสามัญ ก่อนวันที่ 14 ต.ค. เพื่อลงมติรับร่างแก้ไขรธน. ในวาระที่ 1 หากยังยื้อเวลาไว้ ตนมองว่ารัฐบาลประเมินประชาชนต่ำเกินไป
ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึง การแก้ไขรธน.ว่า จากทิศทางแล้วน่าจะเป็นไปได้ ที่คงมีการเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว โดยส.ว. อาจลงมติ ผ่านวาระ 1 ในญัตติ ที่ให้มีการเปิดทางตั้งส.ส.ร. ขึ้นมา และร่างนี้ ก็น่าจะผ่าน แต่ในเรื่องอื่นๆ ญัตติอื่นๆ นั้นไม่แน่ใจ แต่อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าการแก้รธน. เพื่อให้มี ส.ส.ร. แต่เพียงอย่างเดียวน่าจะไม่เพียงพอ เพราะกว่าเราจะได้ ส.ส.ร.กว่าที่ ส.ส.ร.จะร่างรธน.ฉบับใหม่เสร็จ น่าจะกินเวลานานหลายปี ซึ่งเผลอๆ รัฐบาลชุดนี้ อาจจะอยู่จนครบเทอม และนั่นเท่ากับว่า เราจะอยู่กับระบอบประยุทธ์ ที่สร้างขึ้นมาจากรธน.60 ต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงเห็นว่า สิ่งสำคัญนอกจากทำให้มี ส.ส.ร.แล้ว จำเป็นต้องแก้รธน. บางมาตรา เพื่อรื้อระบอบประยุทธ์ออก
"ระบอบประยุทธ์ตามรธน. 60 ค้ำยันด้วย 1. ส.ว.250 คน 2.องค์กรอิสระต่างๆ และ 3. แผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศต่างๆ ดังนั้น ต้องเอาเรื่องนี้ออกไป ต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ เพื่อรื้อระบอบประยุทธ์ ผมเชื่อว่ารธน. ที่ดี ที่เรากำลังใฝ่ฝันซึ่งกำลังจะร่างกันใหม่ทั้งฉบับนั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ตราบใดที่คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงครองอำนาจอยู่" นายปิยบุตร กล่าว
กรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอกและกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้นัดหมายชุมนุมร่วมกันเป็นครั้งแรก ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ โดยจะมีการชุมนุมยืดเยื้อ 7 วัน 7 คืนนั้น ล่าสุดวานนี้ (4 ต.ค.) นายอานนท์ นำภา ทนายความ และแกนนำม็อบปลดแอก ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "อานนท์ นำภา" โดยระบุว่า "โรงแรมรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยยอดจองวันที่ 14 ตุลาคม เริ่มเต็มแล้วครับ"
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึง สถานการณ์ทางการเมืองว่า ทุกคนจะมุ่งไปที่วันที่14 ต.ค. นี้ ซึ่งตนเห็นว่าการชุมนุมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม สามารถชุมนุมได้ตามสิทธิ เสรีภาพ ที่บัญญัติไว้ในรธน. รวมถึงเคารพในการตัดสินใจของพี่น้องคนเสื้อแดง ที่จะมาร่วมชุมนุมในวันดังกล่าว
ทั้งนี้ จุดยืนเดิมของตน สนับสนุนแนวทาง 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามประชาชน แก้รธน. ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ไม่เห็นด้วย โดยมองว่าหากข้อเรียกร้องถูกจำกัดวงเพียง 3 ข้อ ชัยชนะจะเกิดขึ้นกับคนหนุ่มสาว และประชาชน แต่หากยังไม่มีการทบทวน และยืนยันต่อ ก็ถือว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ และตนก็จะอยู่ในบทบาทของการทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
"หวังว่ารัฐบาลจะไม่ใช้วิธีการรุนแรงในการปราบปรามประชาชนเหมือนที่เคยกระทำกับพี่น้องคนเสื้อแดงในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะต้องแก้ไขปัญหาด้วยหลักสันติวิธีเท่านั้น เพราะการใช้หลักนิติศาสตร์นำหลักรัฐศาสตร์ สะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้แม้แต่กรณีเดียว"
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า การยื้อเวลาแก้ไขรธน.ไปอีก 1 เดือนนั้น จะทำให้รัฐบาลอายุสั้นลง เนื่องจากนายกฯ ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้วว่า การแก้ไขรธน.เป็นวาระเร่งด่วน ดังนั้นจึงขอให้เปิดสมัยประชุมสภาวิสามัญ ก่อนวันที่ 14 ต.ค. เพื่อลงมติรับร่างแก้ไขรธน. ในวาระที่ 1 หากยังยื้อเวลาไว้ ตนมองว่ารัฐบาลประเมินประชาชนต่ำเกินไป
ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึง การแก้ไขรธน.ว่า จากทิศทางแล้วน่าจะเป็นไปได้ ที่คงมีการเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว โดยส.ว. อาจลงมติ ผ่านวาระ 1 ในญัตติ ที่ให้มีการเปิดทางตั้งส.ส.ร. ขึ้นมา และร่างนี้ ก็น่าจะผ่าน แต่ในเรื่องอื่นๆ ญัตติอื่นๆ นั้นไม่แน่ใจ แต่อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าการแก้รธน. เพื่อให้มี ส.ส.ร. แต่เพียงอย่างเดียวน่าจะไม่เพียงพอ เพราะกว่าเราจะได้ ส.ส.ร.กว่าที่ ส.ส.ร.จะร่างรธน.ฉบับใหม่เสร็จ น่าจะกินเวลานานหลายปี ซึ่งเผลอๆ รัฐบาลชุดนี้ อาจจะอยู่จนครบเทอม และนั่นเท่ากับว่า เราจะอยู่กับระบอบประยุทธ์ ที่สร้างขึ้นมาจากรธน.60 ต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงเห็นว่า สิ่งสำคัญนอกจากทำให้มี ส.ส.ร.แล้ว จำเป็นต้องแก้รธน. บางมาตรา เพื่อรื้อระบอบประยุทธ์ออก
"ระบอบประยุทธ์ตามรธน. 60 ค้ำยันด้วย 1. ส.ว.250 คน 2.องค์กรอิสระต่างๆ และ 3. แผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศต่างๆ ดังนั้น ต้องเอาเรื่องนี้ออกไป ต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ เพื่อรื้อระบอบประยุทธ์ ผมเชื่อว่ารธน. ที่ดี ที่เรากำลังใฝ่ฝันซึ่งกำลังจะร่างกันใหม่ทั้งฉบับนั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ตราบใดที่คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงครองอำนาจอยู่" นายปิยบุตร กล่าว
