ผลงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณเป็นประธาน แม้จะนำไปสู่การออกหมายจับนายบอสหรือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มกระทิงแดงเป็นครั้งที่สอง
แต่สังคมยังรู้สึกว่า การรื้อฟื้นคดีนายบอส ไม่ควรจะจบอยู่แค่การสั่งฟ้องและออกหมายจับนายบอสเท่านั้น เพราะต้องขยายผลไปสู่การสอบสวน ลงโทษ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสั่งไม่ฟ้องนายบอส โดยเฉพาะตำรวจและอัยการ
รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯ ชุดนายวิชา ระบุถึงตำรวจ อัยการและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือทายาทกระทิงแดงให้พ้นผิด รวมทั้งยังมีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างตำรวจและอัยการ ที่ร่วมมือบิดเบือนหลักฐานข้อเท็จจริงเพื่อล้มคดี
เบื้องหลังคำสั่งไม่ฟ้องนายบอสนั้น ถูกเปิดโปงให้สาธารณชนรับรู้จนหมดสิ้นแล้ว กระบวนการช่วยผู้ที่กระทำผิดให้ไม่ต้องรับโทษ ถูกตีแผ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการระดับสูงกลายเป็นตัวการในคำสั่งไม่ฟ้องทายาทกระทิงแดง
มีเสียงเรียกร้องจากสังคม ขอให้เปิดรายชื่อตำรวจและอัยการที่มีเอี่ยวในการเป่าคดีนายบอส เร่งรัดให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง และสั่งพักราชการไว้ก่อน รวมทั้งกระแสเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ไม่มีคำตอบจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
คดีนายบอส เป็นภาพสะท้อนที่พฤติกรรมของตำรวจและอัยการ ในความไม่โปร่งใส ไม่ซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ใช้อำนาจหน้าที่และเครื่องแบบทำมาหากิน ช่วยให้คนผิดลอยนวล ทำให้กฎหมายขาดความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เกิดระบบอภิสิทธิชน
คนรวยทำผิดร้ายแรงอะไรไม่ต้องติดคุก คนจนทำผิดเล็กน้อย ไม่มีเงินยัดตำรวจ ไม่มีเงินวิ่งเต้นอัยการ ต้องติดคุก
เบื้องหลังความฟอนเฟะในคดีทายาทกระทิงแดง ควรนำไปสู่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจ
ตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรียุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีการเคลื่อนไหวผลักดันการปฏิรูปตำรวจ จนพล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางปฏิรูปตำรวจขึ้นมาหลายชุด
รวมทั้งชุดที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ซึ่งได้ร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติขึ้นมา แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับไม่ยอมนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา อ้างว่าไม่ทัน และคงต้องรอเสนอเข้ามาในรัฐบาลชุดใหม่
พล.อ.ประยุทธ์กลับเข้ามาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้ง ภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจโดย คสช. แต่ผ่านไปกว่า 1 ปี แทบไม่มีการพูดถึงการปฏิรูปตำรวจแต่อย่างใด แม้จะมี ส.ส.หรือ ส.ว.บางคน ทวงถามถึงการปฏิรูปตำรวจก็ตาม
คดีทายาทกระทิงแดง จะต้องไม่จบที่การออกหมายจับนายบอสเท่านั้น เพราะไม่คุ้มกับผลงานการตรวจสอบความฟอนเฟะในกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำของนายวิชา แต่ควรนำไปสู่การสอบสวนดำเนินคดีและการลงโทษ ผู้ที่ร่วมกระบวนการ “ฟอกขาว” ช่วยเหลือนายบอสให้ไม่ต้องรับผิด
ต้องพิจารณาบทบาท ขอบข่ายอำนาจ การกำกับและตรวจสอบอัยการ ไม่ให้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือผู้กระทำผิด
และต้องปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง
ร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติชุดนายมีชัย ต้องถูกนำเสนอเข้าสู่สภาฯ เป็นวาระเร่งด่วน ไม่ใช่เก็บดองไว้ ทำให้ผลงานของคณะกรรมการศึกษาปฏิรูปตำรวจหลายชุดกลายเป็นความสูญเปล่า
พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนสั่งตั้งคณะกรรมการศึกษาปฏิรูปตำรวจ แต่เมื่อมีผลการศึกษาออกมา กลับไม่นำมาใช้ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ เตะถ่วงการนำร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภา จน 6 ปีแล้วการปฏิรูปตำรวจไม่มีความคืบหน้าใดๆ
คดีนายบอส พล.อ.ประยุทธ์เคยแสดงท่าทีขึงขัน เอาจริงกับกลุ่มคนที่ร่วมมือกันเป่าคดี โดยประกาศตั้งนายวิชาเป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริง และผลการตรวจสอบสรุปออมานานแล้ว แต่วันนี้รายชื่อผู้ร่วมกันเอี่ยวเป่าคดีทายาทกระทิงแดง กลับไม่มีการเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้
ไม่มีการสั่งการใดๆ ในการพักราชการหรือออกจากรายการไว้ก่อน สำหรับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีการนำร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติชุดนายมีชัย นำเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาฯ และไม่มีใครตอบได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์รออะไร ทั้งที่กระแสปฏิรูปตำรวจสุกงอมเต็มทีแล้ว
คดีทายาทกระทิงแดงที่ฉาวโฉ่ จนสังคมต้องลุกฮือขึ้นมาตรวจสอบความฟอนเฟะกระบวนการยุติธรรม กำลังถูกปล่อยให้เงียบหาย ตำรวจและอัยการที่ร่วมมือกันสร้างความอัปยศในกระบวนการยุติธรรมอาจลอยนวล
เพราะคดี “บอส” จะเกิดกรณีการ “ตัดตอน” ซ้ำสองด้วยน้ำมือ “ลุงตู่” โดยผลสอบสวนของนายวิชา มหาคุณจะถูก “หมก” จนสังคมลืมไปเอง