วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ไทยจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ถึงแม้ว่า จะเป็นการเปิดประเทศแบบจำกัด คือ จำกัดเฉพาะนักท่องเที่ยวประเภท “พิเศษ” ที่มาอยู่ยาว คือ 90-270 วัน และจำกัดจำนวนที่จะรับเดือนละเพียง 1,200 คนเท่านั้น แต่ก็ถือว่า เป็นจุดเริ่มต้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยับ หลังจากหยุดนิ่งมานานกว่าครึ่งปี เพราะการระบาดของไวรัสโควิด
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 15 กันยายน อนุมัติหลักการแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้คนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
1. ประสงค์จะเดินทางมาพำนักระยะยาว หรือลองสเตย์ ภายในประเทศไทย
2. ยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย และตกลงยินยอมกักตัวในห้องพักจำนวน 14 วัน
3. มีหลักฐานสถานที่พักอาศัยระยะยาวภายในประเทศไทย ได้แก่หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก หรือโรงพยาบาลที่พักภายในประเทศไทย และหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ คือ หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก ที่จะใช้เป็นที่พักหลังออกจากโรงแรมที่พักที่เป็นสถานที่กักตัว หรือโรงพยาบาลที่พัก หรือหลักฐานสำเนาโฉนดห้องชุดของที่พักอาศัย ประเภทคอนโดมิเนียม หรือบ้านพัก หลักฐานการชำระเงินดาวน์ของบุคคลต่างด้าวในการซื้อหรือเช่าที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่บุคคลต่างด้าวสามารถซื้อได้ตามกฎหมาย
นักท่องเที่ยวประเภทพิเศษนี้ได้วีซ่าอยู่ในประเทศไทย 90 วัน หลังจากนั้น หากต้องการอยู่ต่อ สามารถต่อวีซ่าได้อีก 2 ครั้งๆ ละ 90 วัน รวมระยะเวลาที่จะอยู่ในประเทศไทยได้ 270 วัน
เศรษฐกิจประเทศไทย ต้องพึ่งพาอาศัยกำลังซื้อต่างประเทศมาก ในรูปการส่งออก และการท่องเที่ยว เมื่อกำลังซื้อทั้งสองอย่างนี้หายไปหมดแทบไม่เหลือ เพราะติดโควิดกันทั้งโลก นักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยปีละ 40 ล้านคน เหลือเป็นศูนย์ เศรษฐกิจก็หยุดนิ่งเป็นอัมพาต โรงแรม ธุรกิจอาหารตั้งแต่ระดับหรูลงมาจนถึงข้างถนน อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งบริษัทนำเที่ยว รถทัวร์ รถตู้ ไกด์ แท็กซี่ ร้านขายของที่ระลึก ดิวตี้ ฟรี ธุรกิจบันเทิง ฯลฯ พังพินาศหมด ต้องปิดกิจการ เลิกจ้าง ส่งผลถึงกำลังซื้อของคนไทยที่ต้องตกงานเป็นจำนวนมาก
ความพยายามในการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ด้วยการแจกเงินในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนออกมาใช้จ่าย ไม่สามารถชดเชยกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวได้ เศรษฐกิจที่เริ่มเปิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึงการเปิดอย่างเต็มที่ เมื่อเดือนกรกฎาคมจึงจุดไม่ติด เพราะไม่มีกำลังซื้อที่มากพอจะรีสตาร์ทธุรกิจไทย
ประเทศไทย แม้จะควบคุมการระบาดได้อย่างดีเยี่ยมไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมาเกือบ 4 เดือนแล้ว แต่สถานการณ์การระบาดในประเทศต่างๆ ยังเอาไม่อยู่ ความหวั่นเกรงว่า หากเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาอาจเป็นพาหะนำเชื้อ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการระบาดระลอกสอง จึงต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง จนดูเป็นเชื่องช้า ไม่กล้าตัดสินใจ
ที่ผ่านมา ภาคท่องเที่ยวพยายามเสนอรูปแบบการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัด ตั้งแต่รูปแบบ ระเบียงนักท่องเที่ยว หรือ Bubble Tourism ที่รับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่ควบคุมการระบาดได้ดี มีผู้ติดเชื้อน้อย มาจนถึง “ภูเก็ต โมเดล” ซึ่งรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาพักที่ภูเก็ตเท่านั้น ภายใต้เงื่อนไขการควบคุม แต่ก็ไม่เกิดขึ้นจริง เพราะการระบาดในต่างประเทศนั้น ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายๆ ประเทศที่เปิดเมืองต้องกลับใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นจุดๆ
เป็นปัจจัยภายนอก ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดแล้ว เราต้องอยู่กับความเป็นจริงที่ว่า เราไม่สามารถที่จะรอให้การระบาดของไวรัสโควิด-19 ยุติลง หรือรอให้มีวัคซีนป้องกันเสียก่อน จึงจะเปิดประเทศไทย ความเป็นจริงที่ว่า เราต้องพึ่งพากำลังซื้อของต่างชาติมาช่วยรีสตาร์ท เศรษฐกิจไทย
อีกไม่ถึงเดือน ก็จะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซั่นแล้ว ทุกๆ ปีในสถานการณ์ปกติ นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงจากยุโรป จะหนีหนาวที่บ้านเดินทางเข้ามายังเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมืองที่ติดทะเลอย่างภูเก็ต พังงา สมุย พัทยา ปีนี้ประเทศไทยน่าจะเป็นที่ดึงดูดใจมากกว่าปีก่อนๆ หลายเท่า เพราะเราสามารถควบคุมการระบาดได้ดี จนได้รับคำชมเชยจากนานาประเทศ เป็นประเทศปลอดภัยจากโควิด-19 มากที่สุดประเทศหนึ่งในโลกก็ว่าได้
ฤดูกาลท่องเที่ยวมีระยะเวลาเพียง 2-3 เดือน หากพ้นจากช่วงนี้แล้ว ต้องรอไปอีก 1 ปี นักท่องเที่ยวจึงจะกลับมาอีก การตัดสินใจของรัฐบาลในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวแบบจำกัด จึงสอดคล้องกับเงื่อนเวลานี้ นอกเหนือจากปัจจัยในเรื่องความจำเป็นที่จะต้องใช้กำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากระตุ้นเศรษฐกิจ ความมั่นใจว่า หากมีนักท่องเที่ยวเป็นพาหะนำเชื้อเข้ามา จะควบคุมการระบาดได้ และหากเกิดการระบาดระลอกสองจะรับมือได้ โดยไม่ต้องปิดประเทศอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การเปิดประเทศแบบจำกัดที่จะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ถือเป็นการทดลองรูปแบบใหม่การท่องเที่ยว ยังไม่รู้ว่า ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร จะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ และจะช่วยขยับเขยื้อนเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงไร
แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย รอวัคซีนอย่างเดียว