ผู้จัดการรายวัน360-ครม.อนุมัติหลักการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ พักในประเทศไทยได้ระยะยาวได้ 270 วัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมไฟเขียว "เราเที่ยวด้วยกัน" ให้'ข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจ พักร้อนเพิ่มอีก 2 วัน กรมควบคุมโรคฯ เผยไร้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มจากผลการตรวจผู้สัมผัสนักเตะชาวอุซเบกิสสถาน 382 คน แต่อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 39 คน ขณะที่ ศบค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย
วานนี้(15ก.ย.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม. อนุมัติหลักการ แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV)ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
โดยให้คนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. เป็นบุคคลต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางมาพำนักระยะยาว (Long Stay)ภายในประเทศไทย 2. ยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย และตกลงยินยอมกักตัวในห้องพัก14 วัน (ALSQ) 3. มีหลักฐานสถานที่พักอาศัยระยะยาวภายในประเทศไทย ได้แก่ หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก หรือโรงพยาบาลที่พัก (AHQ)ภายในประเทศไทย และหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
"หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก ที่จะใช้เป็นที่พักหลังจากออกจากโรงแรมที่พักที่เป็นสถานที่กักตัว หรือโรงพยาบาลที่พัก ตามระยะเวลาที่ ประสงค์จะพำนักระยะยาว ภายในประเทศไทย หรือหลักฐานสำเนาโฉนดห้องชุดของที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลต่างด้าว หรือบุคคลในครอบครัวของบุคคลต่างด้าว หลักฐานการเช่าที่พักประเภทคอนโดมิเนียมหรือบ้านพัก หลักฐานการชำระเงินดาวน์ของบุคคลต่างด้าวในการซื้อหรือเช่า ที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่บุคคลต่างด้าวสามารถซื้อได้ตามกฎหมาย"
ทั้งนี้ บุคคลต่างด้าวตามเกณฑ์ข้างต้น และผ่านการดำเนินการตามการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามที่สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด มีสิทธิขอรับการตรวจ ลงตราประเภทนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ Special Tourist Visa (STV)โดยเสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 2,000 บาทได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลา 90 วัน เมื่อครบกำหนดเวลาอนุญาต 90 วันแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีอำนาจอนุญาตให้อยู่ต่อไปได้อีก 2 ครั้ง ๆ ละ 90 วัน โดยคนต่างด้าว ต้องยื่นคำขอตามแบบ และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนด โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศ จนถึงวันที่ 30 ก.ย.64
การเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษนี้ เพื่อต้องการนำนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เดินทางเข้ามาในประเทศ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไป ไม่สามารถเดินทางได้ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว
แต่เนื่องจากประเทศไทยสามารถบริหารจัดการ และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค จนได้รับการจัดอันดับประเทศที่มีความปลอดภัยเป็นอันดับ 1 ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง ทำให้คนต่างด้าวที่เรียกว่ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมีศักยภาพจากทุกประเทศทั่วโลกมีความต้องการเดินทางเข้ามาพร้อม ครอบครัวเพื่อมาพำนักระยะยาวภายในประเทศไทย
ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้หลักจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายในประเทศขาดรายได้และได้รับผลกระทบในทุกภาคส่วน รัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยว ชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาพำนักระยะยาวภายในประเทศไทย ในพื้นที่ปิดที่สามารถ ควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังประชุมครม. ว่า เรื่องดังกล่าวจะต้องมีการหารือในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบค. อีกครั้ง และยังต้องรับฟังความคิดเห็นจากหลายส่วน
“สิ่งสำคัญจะต้องมีการกักตัวตามระยะเวลาที่กำหนด เพราะคนกลุ่มนี้เขาอยู่ยาว ทั้งในสถานที่ที่รัฐจัดให้ หรือสถานที่ที่เขาเลือก หรือในระบบโรงพยาบาล ซึ่งระบบสาธารณสุขของเราถือว่าดีที่สุดในโลก อยู่ในระดับต้นๆ “
"ที่สำคัญการ์ดอย่าตก พอคลายล็อกก็เริ่มคลายความเข้มงวดลงไป ถือว่าอันตราย ถ้าไม่สามารถทำตามมาตรการได้ก็อย่ามาโทษรัฐบาล" นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ ที่ประชุมครม. เห็นชอบมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยเป็นการปรับปรุงรายละเอียดมาตรการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ช่วงระยะเวลาเดือนก.ค.-ต.ค. รวมเวลา 4 เดือน โดยเป็นการอนุญาตให้ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และรัฐวิสาหกิจ ให้สิทธิ์ลาพักร้อนเพิ่มได้อีก 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา กลุ่มดังกล่าวลงทะเบียนแล้ว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยววันธรรมดา เพื่อความถี่ในการพักค้างในกลุ่มที่มีศักยภาพและที่มีกำลังซื้อ
ผู้สัมผัสนักเตะอุซเบกิสสถาน382คนไร้โควิด
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานผลการสอบสวนและควบคุมโรค กรณีนักฟุตบอลไทยลีกชาวอุซเบกิสถานอายุ 29 ปี ตรวจพบสารพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563 ว่า จากการเก็บตัวอย่างผู้สัมผัส 508 ราย โดยเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 100 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 408 คน ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 421 คน ให้ผลเป็นลบ 382 คน อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ 39 คน ในจำนวนนี้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงได้รับการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ ทุกรายและมีผลเป็นลบทั้งหมด
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย จึงมียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,480 ราย มีผู้ที่หายป่วยและกลับบ้านเพิ่ม 3 ราย จึงมียอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,315 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมยังมี 58 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 107 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เดินทางจากญี่ปุ่น 1 ราย ปากีสถาน 1 ราย กาตาร์ 1 ราย บาห์เรน 1 ราย และซาอุดิอาระเบีย 1 ราย
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 29,440,998 ราย อาการรุนแรง 60,786 ราย รักษาหายแล้ว 21,275,547 ราย เสียชีวิต 932,730 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด คือสหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อสะสม จำนวน 6,749,289 ราย อินเดียมีจำนวนสะสมผู้ป่วยยืนยัน 4,926,914 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุด คือ 81,911 ราย ด้านบราซิลมียอดสะสมผู้ป่วยยืนยัน 4,349,544 ราย รัสเซีย 1,068,320 ราย เปรู 733,860 ราย
วานนี้(15ก.ย.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม. อนุมัติหลักการ แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV)ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
โดยให้คนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. เป็นบุคคลต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางมาพำนักระยะยาว (Long Stay)ภายในประเทศไทย 2. ยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย และตกลงยินยอมกักตัวในห้องพัก14 วัน (ALSQ) 3. มีหลักฐานสถานที่พักอาศัยระยะยาวภายในประเทศไทย ได้แก่ หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก หรือโรงพยาบาลที่พัก (AHQ)ภายในประเทศไทย และหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
"หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก ที่จะใช้เป็นที่พักหลังจากออกจากโรงแรมที่พักที่เป็นสถานที่กักตัว หรือโรงพยาบาลที่พัก ตามระยะเวลาที่ ประสงค์จะพำนักระยะยาว ภายในประเทศไทย หรือหลักฐานสำเนาโฉนดห้องชุดของที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลต่างด้าว หรือบุคคลในครอบครัวของบุคคลต่างด้าว หลักฐานการเช่าที่พักประเภทคอนโดมิเนียมหรือบ้านพัก หลักฐานการชำระเงินดาวน์ของบุคคลต่างด้าวในการซื้อหรือเช่า ที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่บุคคลต่างด้าวสามารถซื้อได้ตามกฎหมาย"
ทั้งนี้ บุคคลต่างด้าวตามเกณฑ์ข้างต้น และผ่านการดำเนินการตามการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามที่สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด มีสิทธิขอรับการตรวจ ลงตราประเภทนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ Special Tourist Visa (STV)โดยเสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 2,000 บาทได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลา 90 วัน เมื่อครบกำหนดเวลาอนุญาต 90 วันแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีอำนาจอนุญาตให้อยู่ต่อไปได้อีก 2 ครั้ง ๆ ละ 90 วัน โดยคนต่างด้าว ต้องยื่นคำขอตามแบบ และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนด โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศ จนถึงวันที่ 30 ก.ย.64
การเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษนี้ เพื่อต้องการนำนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เดินทางเข้ามาในประเทศ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไป ไม่สามารถเดินทางได้ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว
แต่เนื่องจากประเทศไทยสามารถบริหารจัดการ และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค จนได้รับการจัดอันดับประเทศที่มีความปลอดภัยเป็นอันดับ 1 ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง ทำให้คนต่างด้าวที่เรียกว่ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมีศักยภาพจากทุกประเทศทั่วโลกมีความต้องการเดินทางเข้ามาพร้อม ครอบครัวเพื่อมาพำนักระยะยาวภายในประเทศไทย
ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้หลักจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายในประเทศขาดรายได้และได้รับผลกระทบในทุกภาคส่วน รัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยว ชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาพำนักระยะยาวภายในประเทศไทย ในพื้นที่ปิดที่สามารถ ควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังประชุมครม. ว่า เรื่องดังกล่าวจะต้องมีการหารือในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบค. อีกครั้ง และยังต้องรับฟังความคิดเห็นจากหลายส่วน
“สิ่งสำคัญจะต้องมีการกักตัวตามระยะเวลาที่กำหนด เพราะคนกลุ่มนี้เขาอยู่ยาว ทั้งในสถานที่ที่รัฐจัดให้ หรือสถานที่ที่เขาเลือก หรือในระบบโรงพยาบาล ซึ่งระบบสาธารณสุขของเราถือว่าดีที่สุดในโลก อยู่ในระดับต้นๆ “
"ที่สำคัญการ์ดอย่าตก พอคลายล็อกก็เริ่มคลายความเข้มงวดลงไป ถือว่าอันตราย ถ้าไม่สามารถทำตามมาตรการได้ก็อย่ามาโทษรัฐบาล" นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ ที่ประชุมครม. เห็นชอบมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยเป็นการปรับปรุงรายละเอียดมาตรการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ช่วงระยะเวลาเดือนก.ค.-ต.ค. รวมเวลา 4 เดือน โดยเป็นการอนุญาตให้ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และรัฐวิสาหกิจ ให้สิทธิ์ลาพักร้อนเพิ่มได้อีก 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา กลุ่มดังกล่าวลงทะเบียนแล้ว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยววันธรรมดา เพื่อความถี่ในการพักค้างในกลุ่มที่มีศักยภาพและที่มีกำลังซื้อ
ผู้สัมผัสนักเตะอุซเบกิสสถาน382คนไร้โควิด
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานผลการสอบสวนและควบคุมโรค กรณีนักฟุตบอลไทยลีกชาวอุซเบกิสถานอายุ 29 ปี ตรวจพบสารพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563 ว่า จากการเก็บตัวอย่างผู้สัมผัส 508 ราย โดยเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 100 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 408 คน ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 421 คน ให้ผลเป็นลบ 382 คน อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ 39 คน ในจำนวนนี้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงได้รับการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ ทุกรายและมีผลเป็นลบทั้งหมด
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย จึงมียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,480 ราย มีผู้ที่หายป่วยและกลับบ้านเพิ่ม 3 ราย จึงมียอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,315 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมยังมี 58 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 107 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เดินทางจากญี่ปุ่น 1 ราย ปากีสถาน 1 ราย กาตาร์ 1 ราย บาห์เรน 1 ราย และซาอุดิอาระเบีย 1 ราย
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 29,440,998 ราย อาการรุนแรง 60,786 ราย รักษาหายแล้ว 21,275,547 ราย เสียชีวิต 932,730 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด คือสหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อสะสม จำนวน 6,749,289 ราย อินเดียมีจำนวนสะสมผู้ป่วยยืนยัน 4,926,914 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุด คือ 81,911 ราย ด้านบราซิลมียอดสะสมผู้ป่วยยืนยัน 4,349,544 ราย รัสเซีย 1,068,320 ราย เปรู 733,860 ราย