ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สนามหลวงของประชาชน ได้ยินคำนี้จากปากนักข่าวหญิงตัวดำ ๆ ลุย ๆ ตอนรายงานข่าวช่องน้อยสี
สนามราษฎร์ ได้อ่านคำนี้ที่ นักวิชาการอิสระหญิงคนหนึ่งที่เป็นลิเบอร่าน มีแนวคิดปฏิกษัตริย์นิยมเต็มตัว ใช้บน Facebook
อ้างคำโบราณของสนามหลวงคือทุ่งพระเมรุ ก่อนจะเป็นสนามหลวง
มูลเหตุที่เปลี่ยนชื่อจากทุ่งพระเมรุกลายเป็นสนามหลวงก็มาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช โปรดประกาศให้เปลี่ยนจากการเรียกทุ่งพระเมรุ อันเป็นคำไม่เป็นมงคลให้เป็นเรียกว่า ท้องสนามหลวงแทน เมื่อ พ.ศ.2398 มีข้อความตอนหนึ่งว่า “ที่ท้องนาหน้าวัดมหาธาตุนั้น คนอ้างการซึ่งนานๆ มีครั้งหนึ่งเป็นการอัปมงคลมาเรียกเป็นชื่อตำบลว่า “ทุ่งพระเมรุ” นั้นหาชอบไม่ ตั้งแต่นี้สืบไป ที่ท้องนาหน้าวัดมหาธาตุนั้นให้เรียกว่า “ท้องสนามหลวง”
อธิบดีกรมศิลปากรประกาศให้สนามหลวงเป็นโบราณสถานของชาติด้วย จะเป็นสนามราษฎร์หรือสนามหลวงของประชาชนไปได้อย่างไร
พวกนี้ฝันกลางวัน เพ้อเจ้อ ไร้สาระ
คนพวกนี้เข้าใจรากเหง้าที่มาที่ไปหรือไม่
แค่เป็นประชาชนได้ไปเล่นว่าว หรือไฮด์ปาร์กสำเร็จความใคร่ทางการเมือง บรรเทาอาการบ้ากามทางการเมืองแถวสนามหลวง แล้วจะลามปามไม่เจียมตน คิดว่า สนามหลวง เป็นของโคตรเหง้าบรรพบุรุษตนเอง ลามปามเรียกไปว่า สนามหลวงของประชาชน สนามราษฎร์ นี่มันพวกหมาเลียปาก หมาลามปามกันเสียแล้ว
ธรรมเนียมเรื่องทุ่งพระเมรุนั้นมีสืบมาตั้งแต่สมัยเมืองพระนครพลวงในเขมร โปรดอ่านได้จาก
https://lek-prapai.org/home/view.php?id=5327 สืบทอดมาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์
สนามหลวงเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ในการประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ไปจนถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเจ้านายและพระเจ้าแผ่นดิน จะกลายเป็นของประชาชนไปได้อย่างไร
สนามหลวงที่กว้างใหญ่โตทุกวันนี้เกิดขึ้นหลังจากพ้นเหตุการณ์วิกฤติวังหน้า ยกเลิกตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลหลังจากกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทิวงคตแล้ว เป็นพระองค์สุดท้าย และมีการสถาปนาตำแหน่งสยามมกุฎราชกุมารแทนในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้รื้อถอนพระราชวังบวร หรือวังหน้าบางส่วนออกให้เป็นสนามหลวงอันกว้างใหญ่เท่าปัจจุบันนี้
ขอโทษเถอะ สนามหลวงด้านทิศเหนือหรือครึ่งหนึ่งของสนามหลวงนั้น เคยเป็นวังหน้าของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล แล้วมารื้อถอนออกกันภายหลัง ตกลงสนามหลวงเคยเป็นของราษฎรตรงไหน มีกรรมสิทธิ์ไหม หรือแค่แอบอ้าง สนามหลวงนั้นเกือบครึ่งหนึ่งคือพื้นที่วังหน้าเก่าแทบทั้งหมด
ธรรมเนียมเรื่องทุ่งพระเมรุหน้าวังนี้ มีมาแต่โบราณกาลในอุษาคเนย์ เขมรก็มี ลาวก็มี พม่าก็มี
และที่ทุ่งพระเมรุนี้ในหัวเมืองประเทศราชบางแห่งก็กลายเป็นกรรมสิทธิของลูกหลานเจ้าเมืองผู้สืบสายสกุลเจ้าเมืองนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น ข่วงเมืองเชียงใหม่หรือทุ่งที่ใช้ถวายพระเพลิงเจ้านายฝ่ายเหนือว่าแต่โบราณกาล เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้านายฝ่ายเหนือ สกุล ณ เชียงใหม่
ภายหลังได้ตกลงในหมู่พระญาติให้ขายที่ดินแปลงนั้น จากข่วงเมืองเชียงใหม่ จึงกลายเป็น กาดวโรรส ก็ยังตั้งชื่อตามพระนามเจ้านายฝ่ายเหนืออยู่นั่นเอง
กรรมสิทธิ์ของข่วงเมืองก็เป็นของเจ้านายฝ่ายเหนือ หาได้เป็นของประชาชนไม่ และตอนนี้ก็กลายเป็นเอกชนไปแล้ว ไม่ใช่ของประชาชนด้วย
ผมไม่ทราบว่าพวกปฏิกษัตริย์นิยมนี่ จะจ้องล้มเจ้ากันไปถึงไหน และแม้แต่สนามหลวงที่เป็นสมบัติของแผ่นดินและพระราชวงศ์จักรี ก็จะยังอวดอ้างเอามาเป็นของประชาชนกันไปหมด
สนามหลวงนี่เคยเป็นที่เผาศพวีรชนหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 จัดถัดหลังจากนั้นหนี่งปี เป็นพิธีพระราชทานเพลิงศพ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ แต่ก็ไม่ได้จัดตรงสนามหลวงด้านทิศใต้อันเป็นทุ่งพระเมรุมาแต่แรกเริ่มเดิมที และไปจัดกันที่สนามหลวงด้านทิศเหนือ อันมิใช่ทุ่งพระเมรุมาแต่โบราณแต่อย่างใด เท่านั้นก็เป็นบุญหนักหนาสำหรับวีรชน 14 ตุลาคม 2516 แล้ว
ไพร่เยาวชนปลดแอกทั้งหลายที่คิดจะเป็นวีรชนในคราวนี้ แล้วคิดว่าจะทำตนเทียมเจ้าก็อย่าได้ไปใฝ่ฝันอะไรเพ้อเจ้อไปเลย แล้วก็อย่ามาสาระแนแอบอ้างว่าสนามหลวงเป็นของประชาชน
กรุณาอย่าดัดจริตประดิษฐ์วาทกรรมเรียกว่าสนามราษฎร์ แอบอ้างอย่างทุเรศทุรังเลย จะเป็นเสนียดจัญไร อัปรีย์ กาลี อัปมงคลแก่ตนเองไปเปล่า ๆ จะไม่ได้ตายดี จะไม่มีแผ่นดินอยู่
ยิ่งเช้านี้ได้เห็นหมุดอุบาทว์ คณะราษฎร์หมายเลข 2 ปักกลางพื้นคอนกรีตสนามหลวง ในวันอันเป็นวันอุบาทว์ห้ามทำการมงคล เวลาที่ประกอบพิธีก็เป็นโจโรฤกษ์ อันเป็นสิ่งชั่วร้ายทั้งสิ้น
พวกปลดแอกล้มเจ้า รู้หรือไม่ว่า สนามหลวงนั้นศักดิ์สิทธิ์เพียงใด และการปักหมุดบนสนามหลวง ทำในกรณีใดเท่านั้น
คำตอบคือการปักหมุดสนามหลวง เป็นการทำพิธีเพื่อก่อสร้างพระเมรุมาศ อันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจและสั่นสะเทือนใจสำหรับคนไทยทั้งชาติที่ต้องสูญเสียพระเจ้าแผ่นดินหรือเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่ทรงเป็นที่เคารพศรัทธาของปวงชนชาวไทย
เมื่อคราวการก่อสร้างพระเมรุมาศในการถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แค่ภาพหมุดการก่อสร้างพระเมรุมาศก็สั่นสะเทือนหัวใจคนไทยทั้งชาติ ผมได้เขียนกลอนเมื่อเห็นภาพที่ทางเนชั่นได้ถ่ายมาเอาไว้ว่า
ตอกหมุดตรงลงกลางใจไทยทั้งชาติ ดังโลกธาตุใจขาดสิ้นแผ่นดินไหว
การสูญเสียสั่นสะท้านสะเทือนใจ พระสุเมรุท่วมท้นไปด้วยน้ำตา
คำซื่อซื่อ "ยังไม่เผาจะได้ไหม" แทนความคิดจิตใจไทยถ้วนหน้า
การทำใจยังต้องใช้กาลเวลา ถึงรู้ว่าเป็นสัจธรรมเป็นธรรมดา
ร้อยบุปผามาลัยลาสักการะ กี่ชาติจะขอได้เกิดมาเป็นข้า
ขอรองเบื้องบาทบงส์องค์ราชา ครองหัวใจปวงประชาไม่เปลี่ยนแปลง
การตอกหมุดคณะราษฎร์หลักที่สอง หมุดอัปรีย์ ฝาถังขี้เลอะเทอะ เมื่อเช้านี้ ทำเพื่อหวังผลสิ่งใดกันแน่ เป็นเดรัจฉานวิชชาที่ชั่วช้าน่ารังเกียจ และเป็นการบังอาจ เหิมเกริม และเป็นสัญลักษณ์อันไม่เป็นมงคลยิ่ง โดยคาดหวังผลสิ่งใจ ทำร้ายจิตใจคนไทยทั้งประเทศหรือไม่ ก้าวล่วง จ้วงจาบหยาบช้าหรือไม่
การกระทำเช่นนี้ ถือว่าเป็นการกระทำระยำสิ้นดี เป็นการอัปรีย์จัญไร เป็นอวมงคล และท้ายที่สุดเดรัจฉานวิชชาเหล่านี้จะสะท้อนย้อนกลับมาแก่ผู้กระทำพิธีอุบาทว์ชาติชั่ว ให้มีอันเป็นไป